วันศุกร์ สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 10:16-23)
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “จงฟังเถิด เราส่งท่านไปเหมือนแกะในฝูงสุนัขป่า ท่านจงฉลาดประดุจงูและซื่อประดุจนกพิราบ จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาล และเฆี่ยนท่านในศาลาธรรมของเขา ท่านจะถูกนำตัวไปต่อหน้าผู้ว่าราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์เพราะเราเป็นเหตุ เพื่อเป็นพยานยืนยันแก่เขาและแก่บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา เมื่อเขาจะมอบท่านที่ศาลนั้น อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่งที่ท่านจะพูดนั้นจะได้รับการดลใจในเวลานั้นเอง เพราะท่านจะมิได้พูดด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดาของท่านจะตรัสในท่าน พี่จะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพี่ให้ต้องโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึ้นกล่าวโทษพ่อแม่ให้ถึงตาย คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงวาระสุดท้ายก็จะรอดพ้น เมื่อเขาจะเบียดเบียนท่านในเมืองหนึ่ง จงหลบหนีไปอีกเมืองหนึ่ง เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ก่อนที่ท่านจะไปทั่วทุกหัวเมืองของอิสราเอล บุตรแห่งมนุษย์ก็จะกลับมาแล้ว”
มธ 10:19-20 พระคริสตเจ้าทรงสัญญาว่าจะประทานพระผู้ช่วยเหลือ คือ องค์พระจิตเจ้า ผู้จะประทานพละกำลังให้บรรดาศิษย์เป็นประจักษ์พยานถึงพระองค์ในเวลาที่ถูกทดลอง
ข้าพเจ้าทั้งหลายเชื่อ
CCC ข้อ 166 ความเชื่อเป็นกิจการส่วนตัว เป็นการที่มนุษย์ตอบสนองการริเริ่มของพระเจ้าผู้ทรงเปิดเผยพระองค์แต่ความเชื่อไม่ใช่กิจการที่แยกอยู่โดดเดี่ยว ไม่มีใครมีความเชื่อได้เพียงคนเดียวเหมือนกับที่ไม่มีใครมีชีวิตอยู่ได้เพียงคนเดียว ไม่มีใครให้ความเชื่อแก่ตนเอง เหมือนกับไม่มีใครให้ชีวิตแก่ตนเองผู้มีความเชื่อยอมรับความเชื่อมาจากผู้อื่นและต้องถ่ายทอดความเชื่อนั้นต่อไปแก่ผู้อื่นความรักที่เรามีต่อพระเยซูเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ย่อมผลักดันเราให้พูดถึงความเชื่อของเราแก่ผู้อื่น ผู้มีความเชื่อแต่ละคนเป็นเสมือนแหวนวงหนึ่งในโซ่ใหญ่ของผู้มีความเชื่อทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อาจมีความเชื่อได้นอกจากจะได้รับความคํ้าจุนจากความเชื่อของผู้อื่น และจากความเชื่อของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็นำความเชื่อไปช่วยพยุงความเชื่อของผู้อื่นด้วย
พระเยซูคริสตเจ้า
CCC ข้อ 728 พระเยซูเจ้ามิได้ทรงเปิดเผยเรื่องพระจิตเจ้าเต็มที่จนกระทั่งพระองค์ทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์โดยการสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วเท่านั้น ถึงกระนั้นพระองค์ก็ทรงกล่าวพาดพิงถึงพระจิตเจ้าบ้างแล้วเมื่อตรัสสอนประชาชน เมื่อทรงเปิดเผยว่าพระกายของพระองค์เป็นอาหารเพื่อชีวิตในอนาคตของโลก98 พระองค์ยังตรัสพาดพิงถึงพระจิตเจ้าด้วยกับนิโคเดมัสกับหญิงชาวสะมาเรีย และกับประชาชนที่มาร่วมฉลองเทศกาลอยู่เพิงพร้อมกับพระองค์ พระองค์ตรัสอย่างเปิดเผยแก่บรรดาศิษย์เมื่อตรัสเกี่ยวกับการอธิษฐานภาวนา และการเป็นพยานที่พวกเขาจะต้องแสดงถึงพระองค์
พระศาสนจักร – พระเยซูคริสตเจ้าทรงสถาปนาขึ้น
CCC ข้อ 764 “พระอาณาจักรนี้ปรากฏแจ้งแก่มวลมนุษย์ในพระวาจา พระราชกิจและการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้า” การรับพระวาจาของพระเยซูเจ้าเป็น “การรับพระอาณาจักร” นี้ด้วยเมล็ดพันธุ์และจุดเริ่มของพระอาณาจักรนี้คือ “ฝูงแกะน้อยๆ” (ลก 12:32) ของคนเหล่านั้นที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาเรียกให้มารวมอยู่โดยรอบพระองค์ และทรงเป็น “ผู้เลี้ยง” ของเขา เขาเหล่านี้รวมเป็นครอบครัวแท้จริงของพระเยซูเจ้าผู้ที่ทรงเรียกให้มาอยู่กับพระองค์นั้น พระองค์ทรงสอน “วิธีปฏิบัติแบบใหม่” และคำอธิษฐานภาวนาเฉพาะให้เขาด้วย
มธ 10:22 พระเจ้าทรงปรารถนาไถ่กู้มนุษยชาติทั้งมวลให้ได้รับความรอดพ้น ด้วยเหตุนี้ แต่ละคนต้องมีความหวังที่ยิ่งใหญ่ว่า อาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า เราจะได้รับรางวัลและความยินดีนิรันดรในสวรรค์
จำเป็นต้องมีความเชื่อ
CCC ข้อ 161 ความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้าและในพระองค์ผู้ทรงส่งพระองค์ท่านมาเพื่อช่วยเราให้รอดพ้นเป็นสิ่งที่จำเป็นที่เราต้องมีเพื่อรับความรอดพ้นนี้ “เพราะ ‘ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าไม่ได้เลย’ (ฮบ 11:6) ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับบรรดาบุตรของพระองค์ได้โดยไม่ได้รับความชอบธรรม และไม่มีผู้ใดนอกจาก ‘ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงวาระสุดท้าย’ (มธ 10:22; 24:13) ที่จะได้รับชีวิตนิรันดร”
ความหวัง
CCC ข้อ 1821 ดังนั้น เราจึงอาจหวังสิริรุ่งโรจน์แห่งสวรรค์ที่พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ผู้ที่รักพระองค์และทำตามพระประสงค์ ในสถานการณ์ใดไม่ว่า แต่ละคนต้องมีความหวัง และอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้ามั่นคงอยู่ในความหวังนี้จนถึงที่สุด ไปรับความยินดีที่เป็นรางวัลนิรันดรจากพระเจ้าตอบแทนกิจการดีที่เขาได้ทำไว้อาศัยพระหรรษทานของพระคริสตเจ้า พระศาสนจักรอธิษฐานภาวนาด้วยความหวังขอให้ “ทุกคนได้รับความรอดพ้น” (1 ทธ 2:4) พระศาสนจักรปรารถนาที่จะร่วมสนิทกับพระคริสตเจ้าพระสวามีของตนในสิริรุ่งโรจน์แห่งสวรรค์ “วิญญาณเอ๋ย จงหวัง จงหวังเถิด เจ้าไม่รู้ว่าวันและเวลาจะมาถึงเมื่อไร จงเอาใจใส่ตื่นเฝ้าไว้ เพราะทุกสิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าความปรารถนาที่มั่นใจของเจ้าจะกลับเป็นไม่มั่นใจ และเวลาสั้นๆ จะกลับยาวขึ้น จงระวังตัวไว้ ยิ่งเจ้าจะต่อสู้มากขึ้นเท่าใด เจ้าก็จะแสดงความรักที่เจ้ามีต่อพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น เจ้าจะมีความยินดีชื่นชมผู้ที่เจ้ารักด้วยความยินดีและความรักที่ไม่มีวันจะจบสิ้นได้เลย”
(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)