แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันจันทร์ สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 8:16-18)                                                              

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอาถังครอบไว้หรือวางไว้ใต้เตียง แต่เขาย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง เพื่อคนที่เข้ามาจะเห็นแสงสว่างได้ ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนอยู่จะไม่ปรากฏชัดแจ้ง ไม่มีความลับใดจะไม่มีใครรู้และเปิดเผย ดังนั้น จงระวังว่าท่านฟังพระวาจาอย่างไร เพราะผู้ที่มีมากจะได้รับมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีจะถูกริบไปด้วย” 


ลก 8:16-18  อุปมาเรื่องตะเกียงชี้ให้เห็นว่า การเป็นประจักษ์พยานถึงความรักของพระคริสตเจ้านั้นคือสิ่งที่ล้นมาจากชีวิตที่อยู่ภายในตัวเรา ความรักอันชื่นชมยินดีบนพื้นฐานของความเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าที่ส่องประกายออกมาผ่านทางความมืดจะแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นความหมายของชีวิตมนุษย์   

ต้องประกอบพิธีกรรมที่ไหน? 

CCC ข้อ 1186 ในที่สุด พระศาสนจักรยังมีความหมายของอันตวิทยา เพื่อจะเข้าไปในบ้านของพระเจ้า จำเป็นต้องผ่านธรณีประตู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการผ่านจากโลกที่มีบาดแผลจากบาปเข้าไปยังโลกของชีวิตใหม่ที่มนุษย์ทุกคนได้รับเรียกให้เข้าไป โบสถ์ที่เราแลเห็นจึงเป็นสัญลักษณ์ของบ้านพระบิดาที่ประชากรของพระเจ้ากำลังมุ่งหน้าไปหา และที่ซึ่งพระบิดา “จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา” (วว 21:4) เพราะเหตุนี้ โบสถ์จึงเป็นบ้านของบุตรทุกคนของพระเจ้า เปิดกว้างและต้อนรับทุกคน

กฎศีลธรรมตามธรรมชาติ   

CCC ข้อ 1955 กฎของพระเจ้าและธรรมชาติ[4]ชี้ให้มนุษย์และเห็นหนทางที่จะต้องเดินตามเพื่อทำความดีและบรรลุถึงจุดหมายของตน กฎตามธรรมชาติบอกให้เราทราบถึงกฎเกณฑ์แรกที่เป็นสาระสำคัญซึ่งควบคุมชีวิตด้านศีลธรรม กฎนี้มีพื้นฐานอยู่บนการแสวงหาพระเจ้าและอยู่ใต้อำนาจของพระองค์ผู้ทรงเป็นบ่อเกิดและผู้พิพากษาตัดสินความดีทั้งปวง และยังให้ความหมายของสิ่งอื่นที่มีค่าเท่ากับพระองค์ด้วย กฎของพระเจ้านี้ส่วนใหญ่ที่สำคัญแสดงออกในพระบัญญัติสิบประการ กฎนี้เรียกว่ากฎธรรมชาติไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์กับสิ่งที่ไม่รู้จักคิดตามเหตุผล แต่เพราะว่าเหตุผลที่ประกาศกฎเหล่านี้เกี่ยวข้องกับธรรมชาติมนุษย์โดยตรง “[กฎเหล่านี้] มีเขียนไว้ที่ไหน ถ้าไม่ใช่ในหนังสือแห่งแสงสว่างนั้นที่เรียกว่า ‘ความจริง’ กฎหมายเที่ยงธรรมทั้งหลายมีเขียนไว้ในหนังสือนี้และภายในใจของมนุษย์ผู้ปฏิบัติความยุติธรรม ไม่ใช่โดยย้ายถิ่นเข้าไปในนั้น แต่โดยประทับลงเหมือนกับรูปภาพจากแหวนที่ประทับลงบนขี้ผึ้ง แต่ก็ไม่ออกไปจากแหวนนั้น” กฎของธรรมชาติ “ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากแสงสว่างของสติปัญญาที่พระเจ้าทรงฝังไว้ในตัวเรา ช่วยให้เรารู้ว่าอะไรควรทำ อะไรควรหลีกเลี่ยง พระเจ้าประทานแสงนี้และกฎนี้แก่มนุษย์เมื่อทรงเนรมิตสร้าง”    

การอธิษฐานภาวนาโดยพิศเพ่งฌาณ

CCC ข้อ 2715 การอธิษฐานภาวนาโดยพิศเพ่งฌานเป็นการเพ่งมองด้วยความเชื่อไปยังพระเยซูเจ้า “ข้าพเจ้าเพ่งมองพระองค์ และพระองค์ทรงเพ่งมองข้าพเจ้า” ท่านนักบุญเจ้าอาวาสแห่งอาร์สกล่าวเช่นนี้เมื่อท่านอธิษฐานภาวนาต่อหน้าตู้ศีล การเพ่งมองพระองค์เช่นนี้เป็นการ “สละตนเอง” การเพ่งมองพระองค์ชำระจิตใจ แสงสว่างจากพระพักตร์ของพระเยซูเจ้าส่องสว่างดวงตาจิตใจของเราและสอนเราให้มองทุกสิ่งอาศัยแสงสว่างแห่งความจริงของพระองค์ และมองมนุษย์ทุกคนด้วยความเห็นอกเห็นใจเหมือนพระองค์ การอธิษฐานภาวนาโดยพิศเพ่งฌานยังนำเราให้พิศเพ่งดูพระธรรมล้ำลึกในพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า ดังนั้นเราจึงเรียนรู้ “ที่จะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างลึกซึ้ง” เพื่อจะรักและติดตามพระองค์ได้มากยิ่งขึ้น    

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)