มีความหลากหลายของบาปหรือไม่ (1852-1853, 1873)
ความหลากหลายของบาปนั้นมีหลายประการ สามารถที่จะแยกออกได้ตามเจตนาที่กระทำหรือตามคุณธรรม หรือตามพระบัญญัติที่ละเมิด อาจมุ่งตรงถึงพระเป็นเจ้า เพื่อนมนุษย์หรือตนเองก็ได้ นอกนั้น ยังสามารถที่จะแยกแยะออกเป็นบาปด้วยความคิด คำพูด การกระทำหรือการละเลย
เราแยกบาปออกตามความหนักของมันได้อย่างไร (1854)
แยกออกเป็น บาปหนัก (mortal) และบาปเบา (venial)
เมื่อใดจึงถือว่าเป็นการทำบาปหนัก (1855-1861, 1874)
การกระทำบาปหนักคือการกระทำผิดในเรื่องที่หนัก รู้ตัวอย่างเต็มที่และเต็มใจกระทำ บาปชนิดนี้ทำลายความรักในตัวเรา ทำให้เราขาดพระหรรษทานที่ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ และหากเราไม่เป็นทุกข์กลับใจจะนำไปสู่ความตายนิรันดรในนรก จะได้รับการให้อภัยตามวิธีปกติคืออาศัยศีลล้างบาปและศีลอภัยบาปหรือศีลแห่งการคืนดี
เมื่อใดจึงจะถือว่าเป็นการทำบาปเบา (1862-1864, 1875)
บาปเบาแตกต่างจากบาปหนักอย่างสิ้นเชิง คือการกระทำผิดในเรื่องที่เบา อาจเป็นเรื่องหนักก็ได้ แต่ไม่รู้ตัวอย่างเต็มที่หรือขาดความเต็มใจที่สมบูรณ์ บาปเบาไม่ได้ทำลายพันธสัญญากับพระเป็นเจ้า แต่ทำให้ความรักอ่อนแอ และแสดงให้เห็นถึงความรักที่ไร้ระเบียบต่อสิ่งดีงามที่พระเป็นเจ้าทรงสร้างมา เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของวิญญาณในการฝึกฝนคุณธรรม และในการปฏิบัติสิ่งดีงามทางศีลธรรม บาปเบาสมควรได้รับโทษชั่วคราว
บาปจะแพร่ขยายในตัวเราได้อย่างไร (1865, 1876)
บาปก่อให้เกิดความโอนเอียงในทางชั่ว ก่อให้เกิดพยศชั่วด้วยการกระทำสิ่งเดียวกันซ้ำซาก