8. การตอบรับ "ใช่" แห่งความเชื่อ
ความปรารถนาที่จะประกาศพระคริสตเจ้า “ประกาศข่าวดี” และนำผู้อื่นให้เข้ามา “ยอมรับความเชื่อ” ในพระเยซูคริสตเจ้าเช่นนี้ เกิดจากความรู้จักพระคริสตเจ้าซึ่งผุดขึ้นมาจากความรักต่อพระองค์ (CCC 429)
สตีฟฝึกเดินบนเชือกในสวนหลังบ้านเป็นเวลาหลายเดือน แม้เชือกจะอยู่ไม่สูงมาก แต่เขาฝึกอย่างจริงจังราวกับกำลังเดินบนที่สูงอันตราย ต่อมา เขาเพิ่มความท้าทายด้วยการเข็นรถเข็นที่บรรจุอิฐขณะเดินบนเชือก
เจสซี่ เพื่อนบ้าน สังเกตเห็นการฝึกซ้อมของสตีฟมานาน จึงถามถึงจุดประสงค์ สตีฟเปิดเผยว่าเขาตั้งใจจะเดินข้ามน้ำตกไนแองการ่าบนเชือก และถามเจสซี่ว่าเชื่อมั่นในตัวเขาหรือไม่ เจสซี่ตอบว่าเชื่อมั่น
สตีฟถามซ้ำหลายครั้งเพื่อยืนยันความเชื่อมั่นของเจสซี่ สุดท้ายเขาถามน้ำหนักของเจสซี่ ซึ่งเท่ากับน้ำหนักอิฐที่เขาฝึกเข็น สตีฟจึงท้าทายให้เจสซี่นั่งในรถเข็นขณะที่เขาเดินข้ามน้ำตก เพื่อพิสูจน์ความเชื่อมั่นที่แท้จริง
เรื่องนี้สอนว่าการยอมรับความเชื่อไม่ใช่เพียงคำพูด แต่ต้องแสดงออกด้วยการกระทำ เช่นเดียวกับการมอบชีวิตให้พระเยซูคริสต์ ต้องไว้วางใจพระองค์อย่างสมบูรณ์ แม้ในยามเผชิญความท้าทาย เราสามารถยึดแบบอย่างของพระแม่มารีย์ที่ยอมรับการเป็นมารดาของพระบุตร ตัวอย่างของพระแม่และนักบุญอื่นๆ สามารถใช้อธิบายความหมายของการยอมรับความเชื่ออย่างแท้จริงได้
คำถามไตร่ตรอง
- ถ้าพระเยซูเจ้าถามคุณว่า "คุณเชื่อในฉันไหม" คุณจะตอบว่าอย่างไร
- ในชีวิตประจำวัน คุณแสดงออกถึงความเชื่อของคุณอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างการกระทำที่สะท้อนความเชื่อของคุณ
ภาวนา
พระเยซูเจ้าข้า การยอมรับความเชื่อที่ทรงขอจากผู้ติดตามของพระองค์นั้นแสดงออกด้วยการกระทำ ไม่ใช่เพียงวาจาเท่านั้น พระนางมารีย์ พระมารดาของพระองค์ เป็นแบบอย่างของคำว่ายอมรับความเชื่อนั้น ขอให้ความปรารถนาที่จะติดตามพระองค์นำพาผู้ที่ข้าพเจ้าสอนให้แสดงการยอมรับความเชื่อในพระองค์ด้วยเทอญ อาเมน
ถอดความจากหนังสือ Jump Start for Catechists : Reflection on the Catechism