พระนางมารีย์ร่วมมือกับพระเป็นเจ้าเพื่อให้พระอาณาจักรของพระองค์มาถึง
ในพระคัมภีร์มีกล่าวว่าพระเจ้าทรงสัญญากับมนุษย์คู่แรกว่าพระองค์จะทรงประทานพระผู้ไถ่องค์หนึ่งมาลบล้างบาปทุกชนิดรวมทั้งบาปกำเนิดด้วยพระเจ้าตรัสกับงูว่า “เราจะทำให้เจ้าและหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลูกหลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรูกันด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้า และเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา” (ปฐมกาล 3:15) หญิงที่พระเจ้ากล่าวถึงนี้ได้แก่ใครหญิงผู้นี้ร่วมมือกับพระเจ้าในการนำความรอดมาสู่มนุษย์อย่างไร
พระวาจาของพระเจ้า
เทวทูตแจ้งข่าว
เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้วพระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิดท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำทักทายนี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ พระเจ้าจะประทานพระที่นั่งของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่านเพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป (ลูกา 1:26-38)
พระเจ้าทรงเตรียมการเสด็จมาของพระมหาไถ่
หลังจากที่มนุษย์คู่แรกได้ทำเคืองพระทัยพระเจ้าแล้วบาปก็ได้แผ่กระจายออกไปทั่วโลกมนุษย์ดำเนินชีวิตห่างจากพระเจ้าตกอยู่ใต้อำนาจของบาปที่ห้อมล้อมไว้ทุกด้านความเกลียดชังความอยุติธรรมการกดขี่กันมีอยู่ทั่วไปกระนั้นก็ดีพระเจ้าไม่ได้ทรงทอดทิ้งมนุษย์ให้ตกเป็นทาสของบาปตลอดไปพระองค์ได้ทรงดำริที่จะส่งพระบุตรเสด็จมากู้มนุษย์ให้พ้นบาปพระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมให้เป็นต้นตระกูลของประชาชาติที่พระองค์ทรงเลือกสรรเมื่อชนชาตินี้ทวีจำนวนขึ้นในประเทศอียิปต์พระองค์ก็ทรงเรียกโมเสสให้นำพวกเขาออกจากต่างแดนไปทำพันธสัญญากับพระองค์ในทะเลทรายและพาเข้าสู่ดินแดนที่พระองค์ทรงสัญญาจะประทานให้ณที่นี้แหละองค์พระมหาไถ่จะทรงบังเกิดมาพระเจ้าทรงเตรียมผู้ชอบธรรมทั้งหลายโดยทรงส่งประกาศกให้รอคอยพระมหาไถ่ด้วยความหวังที่แน่นอนและคอยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์เพื่อจะได้ต้อนรับพระองค์อย่างเหมาะสมประชากรอิสราเอลส่วนใหญ่ไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาที่ได้กระทำกับพระเจ้ามีคนเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
ในบรรดาผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์พระเจ้าทรงเลือกสรรพระนางมารีย์
พระนางมารีย์เป็นผู้หนึ่งในจำนวนคนที่รอคอยการเสด็จมาของพระมหาไถ่ด้วยความเชื่อมั่นคงพระนางเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะส่งพระมหาไถ่มาตามที่ทรงสัญญาไว้แต่กาลก่อนพระนางซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าโดยการปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระองค์เสมอพระนางรอคอยการเสด็จมาขององค์พระมหาไถ่ด้วยความหวังใหญ่หลวงจนกระทั่งพระนางยินดีปฏิญาณถวายชีวิตทั้งหมดรับใช้พระเจ้าและบำเพ็ญประโยชน์แก่พี่น้องเพื่อนมนุษย์พระนางมารีย์จึงเป็นชาวอิสราเอลที่ดีเด่นกว่าทุกคนคุณงามความดีทุกอย่างที่บรรดาบรรพบุรุษเคยมีมาและคุณธรรมที่น่าสรรเสริญทุกประการมีพร้อมในพระนาง
พระนางมารีย์ตอบสนองพระราชโองการของพระเป็นเจ้า
พระเจ้าทรงพอพระทัยเลือกพระนางผู้บริสุทธิ์ผุดผ่ององค์นี้เป็นผู้ให้กำเนิดแด่พระเยซูเจ้าพระบุตรของพระองค์แต่ก่อนที่พระบุตรจะเสด็จมารับเนื้อหนังมนุษย์ในครรภ์ของพระนางพระเจ้าทรงถามความสมัครใจของพระนางก่อนพระเจ้าทรงประสงค์ให้พระนางตัดสินใจอย่างอิสระที่จะร่วมมือกับพระองค์ในอันที่จะทำให้แผนการอันน่าพิศวงนี้สำเร็จไปพระนางมารีย์ตระหนักดีว่าพระเจ้าทรงประสงค์ให้พระนางร่วมมือกับพระองค์พระนางจึงยินดีสนองตามพระราชประสงค์ทุกประการทันทีโดยกล่าวกับทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” (ลูกา 1:38)
พระนางมารีย์เป็นมารดาของพระเยซูและของเราทุกคน
พระนางมารีย์มิได้เพียงแต่ยินดีสนองพระราชประสงค์ของพระเจ้าเฉพาะในกรณีนี้เท่านั้นแต่พระนางได้สนองพระราชประสงค์ของพระเจ้าตลอดชีวิตของพระนางทีเดียวพระนางได้ร่วมมือกับพระเจ้าในการทำให้อาณาจักรของพระองค์มาถึงมนุษย์พระนางเสด็จไปเมืองเบธเลเฮมหลบหนีไปประเทศอียิปต์กลับเมืองนาซาเร็ธพระนางทรงทำทุกอย่างเหล่านี้ตามน้ำพระทัยของพระเจ้าทั้งนั้นพระนางทรงดำเนินชีวิตอย่างเงียบๆในบ้านเล็กๆทรงยอมให้พระบุตรละบ้านออกไปเทศนาโดยไม่มีข้อแม้แต่ประการใดในที่สุดเมื่อพระบุตรทรงถูกสานุศิษย์ทอดทิ้งและกำลังสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนอย่างน่าอดสูนั้นพระนางก็ทรงอยู่ที่เชิงกางเขนร่วมถวายพระองค์เป็นบูชาแด่พระบิดาเจ้าตามน้ำพระทัยของพระองค์เพื่อลบล้างบาปของมนุษย์ทุกคน
ดังนี้พระมารดามารีย์จึงมีส่วนร่วมในกิจการของพระผู้ไถ่เป็นพิเศษด้วยความอ่อนน้อมความเชื่อความหวังและความรักร้อนรนเพื่อรื้อฟื้นชีวิตเหนือธรรมชาติของวิญญาณเสียใหม่ด้วยเหตุนี้พระนางจึงเป็นมารดาของเราในด้านพระหรรษทาน (ธรรมนูญเรื่องพระศาสนจักรข้อ 61)
พระนางผู้ปฏิสนธินิรมล
พระเจ้าทรงเตรียมพระนางมารีย์เพื่อภารกิจอันใหญ่ยิ่งขึ้นโดยบันดาลพระคุณพิเศษหลายอย่างให้แก่พระนางเนื่องด้วยพระนางต้องเป็นมารดาของพระเยซูเจ้าพระเจ้าจึงทรงบันดาลให้พระนางไร้มลทินบาปทั้งปวงให้พ้นบาปกำเนิดให้เป็นผู้เปี่ยมด้วยพระพรนานับประการพระนางมารีย์จึงเป็นมนุษย์คนเดียวที่ไม่มีบาปกำเนิดเราจึงเรียกพระนางว่า “ผู้ปฏิสนธินิรมล”
มารดาพรหมจารีเสมอ
คริสตชนยังเรียกพระนางมารีย์ว่า “มารดาพรหมจารีเสมอ” เพราะพระบุตรที่พระนางได้กำเนิดนั้นได้ปฏิสนธิด้วยฤทธิเดชของพระจิตเจ้านักบุญโยเซฟสามีตามกฎหมายของพระนางมารีย์ไม่ได้เป็นบิดาแท้ของพระเยซูท่านเป็นเพียงบิดาเลี้ยงเป็นผู้คุ้มครองและหัวหน้าครอบครัวศักดิ์สิทธิ์นี้
มารดาผู้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
หลังจากที่พระมารดามารีย์สิ้นพระชนม์พระเจ้าทรงยกย่องพระนางเหนือมนุษย์ทั้งปวงเนื่องจากบาปมิได้เคยครองพระมารดาเลยพระเจ้าจึงทรงพอพระทัยให้พระนางลาโลกนี้และเจริญชีวิตนิรันดรในพระสิริมงคลของพระองค์ทั้งกายและวิญญาณทันที
ทุกวันนี้พระวาจาของพระเจ้าปรากฏในพระศาสนจักร
อาณาจักรของพระเจ้าปรากฏท่ามกลางเราทางพระนางมารีย์พระเจ้าทรงอาศัยความร่วมมือของพระนางในการส่งพระผู้ไถ่มากู้โลกยิ่งไปกว่านั้นอาณาจักรของพระเจ้าสำเร็จอย่างบริบูรณ์ในพระนางมารีย์เพราะพระนางเป็นเพียงมนุษย์คนเดียวที่สามารถชนะบาปและความตายชัยชนะของพระนางเป็นการเริ่มต้นแห่งชัยชนะที่ประชากรของพระเจ้าจะต้องมีเหนือปีศาจและความชั่วช้าทุกอย่างในที่สุด
พระมารดาองค์อุปถัมภ์
ปัจจุบันพระมารดามารีย์สถิตอยู่ในสวรรค์กระนั้นก็ดีพระนางยังทรงร่วมมือกับพระเจ้าในการแพร่อาณาจักรของพระองค์ท่ามกลางมนุษย์พระมารดาทรงอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและคอยให้ความคุ้มครองช่วยเหลือเพื่อเราทุกคนจะได้ชนะบาปเหมือนพระนางเราจึงเรียกพระนางว่า “องค์อุปถัมภ์ของคริสตชน”
พระบุตรของพระเจ้าทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด
ในโอกาสคริสต์มาสทุกคนพากันยินดีเด็กๆต่างตื่นเต้นเป็นพิเศษถนนหนทางแพรวพราวไปด้วยไฟหลากสีตู้โชว์ตามร้านเต็มไปด้วยสินค้าและของขวัญนานาชนิดตามวัดวาอารามและตามบ้านคริสตชนก็มีต้นคริสต์มาสหรือถ้ำพระกุมารสิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงความยินดีเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์อันสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เรา
พระวาจาของพระเจ้า
ครั้งนั้น พระจักรพรรดิออกัสตัส ทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้มีการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วจักรวรรดิโรมัน การสำรวจสำมะโนประชากรครั้งแรกนี้ มีขึ้นเมื่อคีรินีอัสเป็นผู้ว่าราชการแคว้นซีเรีย ทุกคนต่างไปลงทะเบียนในเมืองของตน โยเซฟออกเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีไปยังเมืองของกษัตริย์ดาวิดชื่อเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย เพราะโยเซฟสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด ท่านไปลงทะเบียนพร้อมกับพระนางมารีย์ ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์ ขณะที่อยู่ที่นั่น ก็ถึงกำหนดเวลาที่พระนางมารีย์จะมีพระประสูติกาล พระนางประสูติพระโอรสองค์แรก ทรงใช้ผ้าพันพระวรกายพระกุมารนั้น แล้วทรงวางไว้ในรางหญ้า เนื่องจากไม่มีที่ในห้องพักแรมเลย ในบริเวณนั้นมีคนเลี้ยงแกะกลุ่มหนึ่งอยู่กลางแจ้ง กำลังเฝ้าฝูงแกะในยามกลางคืน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าปรากฏองค์ต่อหน้าเขา และพระสิริของพระเจ้าก็ส่องแสงรอบตัวเขา คนเลี้ยงแกะมีความกลัวอย่างยิ่ง แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่เขาว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมาบอกท่านทั้งหลาย เป็นข่าวดีที่จะทำให้ประชาชนทุกคนยินดีอย่างยิ่ง วันนี้ ในเมืองของกษัตริย์ดาวิด พระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้ว พระองค์คือพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะรู้จักพระองค์ได้จากเครื่องหมายนี้ ท่านจะพบกุมารคนหนึ่ง มีผ้าพันกายนอนอยู่ในรางหญ้า” ทันใดนั้น ทูตสวรรค์อีกจำนวนมากปรากฏมาสมทบกับทูตสวรรค์องค์นั้น ร้องสรรเสริญพระเจ้าว่า พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าในสวรรค์สูงสุด และบนแผ่นดิน สันติจงมีแก่มนุษย์ที่พระองค์โปรดปราน (ลูกา 2:1-14)
พระเจ้าทรงซื่อสัตย์
พระนางมารีย์และโยเซฟเดินทางไปเมืองเบธเลเฮมอันเป็นสถานที่ที่พระมหาไถ่จะต้องทรงบังเกิดมาตามคำทำนายของประกาศกมีคาห์ที่ว่า “เบธเลเฮมดินแดนแห่งยูดาห์เอ๋ยเจ้าจะไม่น้อยหน้าแก่บรรดาหัวเมืองยูดาห์เหตุว่าผู้นำประชาชาติอิสราเอลจะออกมาจากเจ้า” (มีคาห์ 5:2) การบังเกิดของพระเยซูเจ้าที่เบธเลเฮมพิสูจน์ว่าพระเจ้าทรงปฏิบัติตามที่ทรงสัญญาไว้เสมอพระองค์เคยสัญญาว่าพระองค์จะส่งพระมหาไถ่มากอบกู้โลกให้พ้นบาปพระองค์ก็ได้ส่งมาจริงๆ
พระบุตรของพระเจ้าทรงรับเอากาย
บรรดาประกาศกเคยเรียกพระมหาไถ่ว่า “เอ็มมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตกับเรา” เมื่อพวกชุมพาบาลพากันรีบไปเฝ้าพระกุมารเขาก็ได้พบเด็กทารกที่อ่อนแอและต้องการให้แม่เลี้ยงดูเอาใจใส่เช่นเดียวกับทารกอื่นๆพระมารดามารีย์เอาผ้าพันพระกุมารเพื่อกันหนาว... กระนั้นก็ดีเด็กน้อยนั้นคือพระบุตรของพระเจ้าสูงสุดที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเราทุกอย่างเว้นแต่ว่าพระองค์ทรงปราศจากมลทินบาปทั้งปวง
พระเยซูเจ้าทรงเป็นมนุษย์แท้
ต่อมาพระเยซูเจ้าทรงดำเนินชีวิตแบบเดียวกับคนอื่นๆทุกอย่างพระองค์ทานอาหารเติบโตฝึกงานอยู่ในโอวาทของพ่อแม่เหมือนคนอื่นพระเยซูเจ้าทำงานเป็นช่างไม้ช่วยนักบุญโยเซฟจนกระทั่งได้เวลาออกไปเทศนาประกาศให้ทุกคนทราบว่าอาณาจักรพระเจ้ามาถึงแล้วพระเยซูเจ้าทรงอยู่กับประชาชนมีสานุศิษย์ติดสอยห้อยตามคนเหล่านี้ทราบดีว่าพระเยซูเป็นคนเหมือนเขามีกายและวิญญาณเช่นทุกคนบรรดาสานุศิษย์ยืนยันว่า “เราได้ฟัง เราได้เห็นด้วยตาของเรา เราได้เฝ้ามองและเราได้สัมผัสด้วยมือของเรา” (1ยอห์น 1:1)
พระเยซูเจ้าเป็นมนุษย์แท้เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์จริงพระองค์ทรงบังเกิดในเมืองเบธเลเฮมที่ทุกคนรู้จักดีเวลาที่พระองค์ทรงบังเกิดก็แน่นอนและมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์คือสมัยที่จักรพรรดิออกัสตัสทรงปกครองจักรวรรดิโรมันขณะที่เฮรอดปกครองแคว้นกาลิลีพระองค์ทรงบังเกิดจากครอบครัวอิสราเอลครอบครัวหนึ่งมารดาสืบเชื้อสายเป็นลูกหลานของดาวิดพระองค์มีพี่น้องและเพื่อนบ้านเช่นเดียวกับทุกคนประชาชนสมัยนั้นเคยเห็นพระองค์เดินตามถนนหนทางและประกาศข่าวดีแก่ทุกคนมีหลายคนเชื่อและติดตามพระองค์
พระเยซูคือผู้นำมนุษย์ชาติคนใหม่
ทำไมพระเยซูเจ้าจึงทรงพอพระทัยบังเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเราคำตอบก็คือเพราะพระองค์ทรงต้องการให้แผนการช่วยมนุษย์ให้รอดนั้นบรรลุความสำเร็จการที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์นี้พระเยซูเจ้าก็ทรงกลายเป็นผู้นำมนุษยชาติคนใหม่เพราะทรงยินยอมรับผิดชอบแทนเราทุกคนถึงกับรับทนทุกข์ทรมานและชดใช้โทษบาปแทนเรา “มวลมนุษย์กลายเป็นคนบาปเพราะความไม่เชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันใด มวลมนุษย์ก็จะเป็นผู้ชอบธรรมเพราะความเชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันนั้น” (โรม 5:19) ด้วยเหตุนี้ทูตสวรรค์คาเบรียลจึงได้บอกพระนางมารีย์ให้ตั้งชื่อทารกที่จะเกิดมาว่า “เยซู” ซึ่งหมายความว่า “ผู้ช่วยให้รอด”
พระเยซูทรงพระนามว่าเอ็มมานูแอล เพราะพระองค์คือ “พระเจ้าผู้สถิตกับเรา”
พระเยซูเจ้าทรงเป็นมนุษย์แท้พระองค์เป็นพี่เป็นตัวอย่างและเป็นเพื่อนเดินทางของเราในการกลับไปยังเคหะของพระบิดาเจ้าแม้เราจะเป็นผู้อ่อนแอแต่เราก็ไม่กลัวเพราะพระเยซูเจ้าสถิตอยู่กับเราทรงเข้าใจเราดีและทรงคอยช่วยเหลือเราอยู่เสมอ
โดยอาศัยการเกิดเป็นมนุษย์พระบุตรของพระเจ้าได้มาร่วมสนิทกับมนุษย์แต่ละคนพระองค์ทรงทำงานด้วยมือทรงคิดด้วยสติปัญญาทรงปฏิบัติการด้วยพลังน้ำใจและทรงรักด้วยหัวใจเช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคนเมื่อทรงบังเกิดจากพระนางพรหมจารีพระองค์ก็ทรงเป็นคนหนึ่งในพวกเราอย่างแท้จริงพระองค์ทรงเหมือนกับเราทุกอย่างเพียงแต่ไม่มีบาปเท่านั้น (ธรรมนูญเรื่องพระศาสนจักรในโลกสมัยนี้ข้อ 22)
ทุกวันนี้พระวาจาของพระเจ้าปรากฏในพระศาสนจักร
ปัจจุบันนี้เราทุกคนเจริญชีวิตอยู่ในระยะเวลาที่ดีและเหมาะที่สุดซึ่งระยะเวลาดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่งเกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติเพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติและทำให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม (กาลาเทีย 4:4-5)
พระเยซูเจ้าสถิตอยู่ท่ามกลางเรา
บัดนี้พระเยซูเจ้าสถิตอยู่เบื้องขวาของพระบิดาเจ้าพระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อเราในเวลาเดียวกันพระองค์ยังสถิตอยู่ท่ามกลางเราในพระศาสนจักร (มัทธิว 18:20) ทรงสถิตอยู่ในใจของผู้เชื่อในพระเจ้าในใจของมนุษย์ผู้มีน้ำใจดีทั้งหลายในใจของคนยากจนและในใจของผู้ที่ถูกเบียดเบียนทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเยซูเจ้าสถิตอยู่ในศีลมหาสนิทระหว่างพิธีบูชามิสซาพระเยซูเจ้าทรงถวายพระองค์เองเป็นบรรณาการแด่พระบิดาเจ้าเพื่อช่วยเราให้พ้นบาปพร้อมทั้งประทานพระวรกายเป็นอาหารเลี้ยงเราซึ่งกำลังเดินทางไปสู่อาณาจักรของพระองค์
พระศาสนจักรฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าในวันพระคริสตสมภพซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี
การบังเกิดของพระเยซูเจ้าเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพระเจ้าทรงปฏิบัติตามสัญญาเสมอฉะนั้นเราจึงวางใจในพระองค์ได้ในทุกกรณีฉลองพระคริสตสมภพที่ชาวคริสต์ทั่วโลกกระทำกันทุกปีมิได้เพื่อระลึกถึงการบังเกิดของพระองค์ที่เมืองเบธเลเฮมเท่านั้นแต่เพื่อฉลองการที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาบังเกิดในจิตใจของมนุษย์ในปัจจุบันนี้ด้วย