น้ำพระทัยของพระเจ้าและน้ำใจของมนุษย์
ในการสร้างมนุษย์พระเจ้ามีพระประสงค์อย่างหนึ่ง ใครที่มีสติปัญญาเมื่อจะทำสิ่งใดก็ต้องมีจุดประสงค์ พระเจ้าผู้มีสติปัญญาสูงสุดในการสร้างมนุษย์มาต้องมีพระประสงค์สักอย่างหนึ่งแน่นอนและพระองค์ทรงเมตตากรุณาให้มนษุษย์สามารถรู้จักพระประสงค์นั้นด้วย จากพระคัมภีร์เราสามารถรู้ว่าพระองค์ทรงสร้างมนุษย์มาเพื่อรู้จักรักและปรนนิบัติพระองค์ในชีวิต (จึงให้มีอำเภอใจ) และไปหาพระองค์เพื่อมีความสุขกับพระองค์ชั่วนิรันดร์
นักบุญยอห์น (ยน.6:39) เขียนว่า พระเยซูเจ้าตรัสถึงพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงต้องการให้เราทำดังนี้คือ ไม่ให้คนที่พระองค์ประทานแก่เราต้องสูญเสียไป แต่ให้เราทำให้คนเหล่านั้นเป็นขึ้นมามีชีวิตอีกในวันสุดท้ายนั้น เพราะพระบิดาของเราปรารถนาให้ทุกคนที่เห็นพระบุตร และเลื่อมใสในพระองค์มีชีวิตนิรันดร”
นักบุญยอห์น (ยน.3:16) ดังนั้น พระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้มนุษย์มีชีวิตนิรันดรกับพระองค์ นักบุญเปาโลเขียนถึงชาวโคโลสีดังนี้ “ดังนั้น นับแต่วันที่เราได้ยินเรื่องของท่าน เราอธิษฐานภาวนาสำหรับท่านอยู่เสมอ วอนขอให้ท่านมีความรู้อย่างสมบูรณ์ถึงพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยสรรพปรีชาญาณและความเข้าใจฝ่ายจิต เพื่อท่านจะได้ดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมกับองค์พระเจ้า เป็นที่สมพระทัยพระองค์ในทุกสิ่ง บังเกิดผลเป็นกิจการดีทุกประการและเรียนรู้พระเจ้ามากขึ้น”
ท่านเปาโลได้อธิบายว่า น้ำพระทัยของพระเจ้าก็คือให้มนุษย์รู้จักพระองค์ และพระองค์ทรงช่วยมนุษย์ให้รู้จักพระองค์ โดยอาศัยฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้า ท่านเปาโลเขียนถึงชาวทิโมธีดังนี้ “พระองค์มีพระประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดพ้นและรู้ความจริงที่สมบูรณ์” (ทิโมธี 2:4) ท่านเปโตรเขียนไว้ว่า “องค์พระเจ้ามิได้ทรงรีรอที่จะปฏิบัติตามพระสัญญาดังที่บางคนคิด แต่พระองค์ทรงอดกลั้นต่อท่านทั้งหลาย ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ แต่ทรงประสงค์ให้ทุกคนกลับใจเปลี่ยนวิถีชีวิต” (เปโตร 2:3-9) ท่านเปโตรจึงให้ทราบว่าพระเจ้าทรงต้องการให้มนุษย์ทุกคนพ้นบาปและอยู่กับพระองค์ ท่านมัทธิวเขียนว่า “พระเยซูเจ้าตรัสดังนี้ แล้วประชากรของพระเจ้าจะรุ่งเรืองดุจดวงตะวันอยู่ในอาณาจักรของพระบิดา (มัทธิว 13:43) ท่านมัทธิวหมายถึงความสุขอย่างรุ่งเรืองที่พระเจ้าจะให้มนุษย์ซึ่งทำตามน้ำพระทัย”
ท่านลูกาเขียนว่า “พระเยซูเจ้าตรัสดังนี้ เราขอสัญญาว่า พวกท่านจะได้กินและดื่มร่วมโต๊ะกับเราในอาณาจักรของเรา และจะได้นั่งบัลลังก์พิพากษาอิสราเอลทั้งสิบสองตระกูล” (ลก.22:30) นี้หมายความว่าพระเจ้าทรงต้องการให้มนุษย์รู้จักพระองค์ อยู่เป็นสุขกับพระองค์ตลอดไป ท่านยอห์นเขียนดังนี้ “จิตใจของท่านจะปลาบปลื้มเต็มที่ เป็นความยินดีที่ไม่มีใครจะเอาไปได้” หมายถึงว่าสานุศิษย์ของพระองค์จะมีความสุขอย่างสมบูรณ์ (ยน.16:22) ในตอนหนึ่งพระเยซูเจ้าตรัสว่า “นี่แหละเป็นชีวิตนิรันดร คือเขาจะทราบว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้” (ยน.17:3)
จากนี้จะเห็นว่า พระองค์มีพระประสงค์ที่จะให้มนุษย์รู้จักพระองค์และมนุษย์จะได้ชีวิตนิรันดร โดยอาศัยความรู้เกี่ยวกับพระ ในพระคัมภีร์มีอีกหลายตอนเพื่อจะให้มนุษย์เรารู้ซึ้งถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าในการสร้างมนุษย์ และพระองค์ทรงต้องการให้มนุษย์ไปถึงเป้าหมายตามที่ได้อธิบายเมื่อพูดเกี่ยวกับข้อความจริงที่คริสตชนต้องเชื่อคือพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาเพื่อรู้จัก รัก และปรนนิบัติพระองค์ในโลกนี้ จึงจะได้ไปอยู่กับพระองค์ในชีวิตหน้า ดังนั้น น้ำพระทัยของพระเจ้าคือ ความสุขและความสำเร็จของมนุษย์ตามธรรมชาติของเขานั้นเอง
ในการรักษาศีลธรรมต้องไม่ลืมข้อใหญ่ข้อแรกนี้ ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่สุด ศีลธรรมต้องช่วยเหลือมนุษย์ให้ไปถึงเป้าหมายซึ่งธรรมชาติและพระเจ้าตั้งไว้สำหรับเขา ดังนั้นสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือกิจการใดๆ ที่ช่วยให้มนุษย์ไปถึงเป้าหมายนี้เรียกว่า ดี ชอบ เป็นธรรม สิ่งใดหรือกิจการใดๆที่ทำให้มนุษย์ห่างไกลหรือไม่ไปสู่เป้าหมายนี้ เรียกว่าเป็นข้อเสียหรือ อธรรม หรือ ความชั่ว บาป
เราต้องอธิบายโดยอาศัยหลักที่นำมาจากคำสอนในพระคัมภีร์ ไม่ใช่ว่าการแนะนำและความเข้าใจของมนุษย์ไม่ถูก แต่เพราะความเข้าใจของมนุษย์นั้นถ้าปราศจากความช่วยเหลือและแสงสว่างของพระเจ้าแล้ว อาจผิดพลาดได้ง่าย ถ้าเราคิดดูให้ละเอียดลึกซึ้งอย่างถูกต้องแล้ว จะเห็นว่าคำสอนของพระเจ้ากับคำแนะนำของความคิดที่ถูกต้องของมนุษย์ไปในทางเดียวกัน
ที่มา: หนังสือความสว่างที่แท้จริง ซึ่งนำไปสู่ความรอด เล่ม 3