การกลับใจ (metanoia)
• การพบปะส่วนตัวกับพระคริสตเจ้า อาศัยพระวาจาและเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิต
• เชื่อในพระเยซูเจ้าว่าพระองค์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่กู้
• หลีกเลี่ยงบาปและความเชื่อ (ออกจากความมืด)
• ละทิ้งมนุษย์เก่าและการกระทำของความมืด (ความเห็นแก่ตัว ความโลภ การฉ้อโกง ไร้ศีลธรรม ความรุนแรง ฯลฯ)
“ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด ผลแห่งความสว่างคือความดี ความชอบธรรมและความจริงทุกประการ จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย จงอย่าเกี่ยวข้องกับกิจการแห่งความมืดซึ่งไร้ผล ตรงกันข้าม จงประณามกิจการเหล่านั้น” (อฟ. 5:8-11)
ความหมายของ “การกลับใจ”
• สวมใส่มนุษย์ใหม่ ดำเนินชีวิตในความสว่าง (เลียนแบบพระคริสตเจ้า ในความเมตตา ความรัก การรับใช้ ความถ่อมตน ความซื่อสัตย์ ฯลฯ)
• กลายเป็นคนใหม่ เป็นตนเองอย่างที่ดีที่สุด
ทุกคนต้องการ “การกลับใจ”
กฤษฎีกาของสมัชชาใหญ่ของพระศาสนจักรในประเทศไทย (ค.ศ. 2015) ข้อ 11 ได้กล่าวถึงความสำคัญในเรื่องนี้ไว้ว่า
คริสตชนผู้ปฏิบัติศาสนกิจและผู้ละทิ้งการปฏิบัติฯ รวมทั้งบุคคลผู้สนใจเป็นคริสตชน เมื่อได้ลองจุ่มชีวิตลงในความรักของพระเจ้าโดยเข้าร่วมในชุมชนคริสตชนย่อยที่มีบรรยากาศอารยธรรมแห่งความรัก และได้เริ่มเจริญชีวิตตามบทบัญญัติแห่งความรักของพระคริสตเจ้า จนเกิดเป็นประสบการณ์ความเชื่อ ได้พบพระคริสตเจ้า ได้สัมผัสความรักของพระองค์แล้ว การกลับใจ (metanoia) จะเกิดตามมา เขาเองจะเปิดใจไตร่ตรองชีวิตของตน สำนึกในสภาพจริง ความกลวง ความว่างเปล่า ความล้มเหลว ความผิดพลาดบกพร่อง ความท้อใจในอดีต และจะก้าวเข้าสู่การตัดสินใจครั้งสำคัญยิ่งในชีวิต ที่จะเป็นการตอบรับและจัดให้ พระเจ้าองค์ความรักที่เขาได้สัมผัส เป็นเป้าหมายแรกและสำคัญสูงสุดของ ชีวิตเขา เขาจะเปิดใจยอมรับการฟื้นฟูชีวิตความเชื่อขึ้นใหม่ หรือสมัครใจเข้า รับความเชื่อเป็นคริสตชน พร้อมที่จะก้าวเข้าร่วมชุมชนคริสตชนย่อยซึ่งเป็นเสมือน “เซลล์ชีวิตอารยธรรมความรัก” เพื่อเติบโตต่อไปในกระบวนการเรียนรู้คำสอนสำหรับผู้สนใจเป็นคริสตชน (RCIA) หรือกระบวนการเรียนคำสอนผู้ใหญ่ต่อเนื่องรูปแบบต่างๆ
สำหรับผู้ที่ได้รับศีลล้างบาปแล้ว เขาจะได้รับการหล่อเลี้ยงให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในความเชื่อต่อไป
ในที่สุดเขาจะเปิดขอบฟ้าใหม่ ชีวิตความเชื่อของตน ก้าวสู่พันธกิจการนำข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้าไปแบ่งปันให้กับทุกคน โดยดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานแก่ผู้อื่นตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อน และ ณ เวลาอันเหมาะสม ก็จะเชิญชวนบุคคลผู้สนใจความเชื่อเหล่านั้นให้มาลองสัมผัสความรักของพระเจ้า ในชุมชนคริสตชนย่อยที่มีบรรยากาศอารยธรรมใหม่นี้ รวมทั้งพวกเขาเองก็จะร่วมมือกันในกิจการความรักเมตตาภาคปฏิบัติ ให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือ แก่พี่น้องผู้ยากไร้และบุคคลชายขอบสังคมในวงกว้างกว่าเดิมตามกำลังความสามารถด้วย
ที่มา หนังสือคู่มือกิจกรรมฟื้นฟู "ชุมชนศิษย์พระคริสต์ เจริญชีวิตประกาศข่าวดีใหม่"