แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

c96463ffa8f69163861c469774521e77

อัตลักษณ์ของ “เยซู” ชาวนาซาเร็ธ
1. เลือกที่จะเป็นคนยากจน
    ทรงบังเกิดท่ามกลางคนยากจน และเติบโตท่ามกลางคนยากจน พระองค์เป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขา ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร รักษากายใจ เลี้ยงดูคนยากจน
2. อยู่กับธรรมชาติ
    พระองค์ทรงอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ อยู่ในที่เปลี่ยว บนภูเขา ไม่มีที่พักพิงถาวร เดินทางเรื่อยไป
3. ภาวนาเป็นชีวิต
    พระองค์ใช้เวลามากทีเดียวเพื่อสงบเงียบ ภาวนาในทุ่งนา บนภูเขา ทะเลทราย อันแสดงถึงความผูกพันกับพระเจ้าที่พระองค์ทรงเรียกว่าพระบิดา
4. ร่วมโต๊ะอาหารกับเพื่อนพ้อง
    พระองค์ไม่เหมือนกับยอห์น บัปติสต์ ที่จำศีลอย่างเคร่งครัด พระองค์มักจะร่วมโต๊ะอาหารกับเพื่อนฝูงบ่อยๆ

5. สนิทสนม มีมิตรไมตรี
    พระเยซูเจ้าเป็นบุคคลที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้อื่น สร้างมิตรภาพ
    พระองค์ตรัสกับบรรดาศิษย์อย่างสนิทสนมว่า “เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้ แต่เรียกท่านเป็นมิตรสหาย”
    พระองค์สามารถกล่าวกับบรรดาศิษย์ว่า “ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน”
    แม้ในบรรดาศิษย์ก็ยังมีบางคนที่สนิทสนมเป็นพิเศษ เช่น เปโตร ยากอบ ยอห์นและอันดรูว์
    พระเยซูเจ้าเป็นมิตรกับคนยากจน คนชายขอบ คนที่สังคมรังเกียจ ทำให้ชาวฟาริสีรู้สึกไม่พอใจ เรียกพระองค์ว่า “นักกิน นักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป” การร่วมโต๊ะอาหารกับคนทุกชั้นวรรณะ แสดงถึงความสนิทสนมที่พระองค์มีต่อคนอื่นๆ
6. ต้อนรับสตรี
    พระเยซูเจ้าปฏิบัติต่อสตรีด้วยความเคารพ พระองค์มีเพื่อนสตรีในพระวรสารนักบุญลูกา พระเยซูเจ้าเยี่ยมบ้านของมารธาและมารีย์ มีสตรีหลายคนติดตามพระองค์และสละทรัพย์ของตนมาช่วยเหลือ อยู่กับพระองค์จนถึงเชิงกางเขน ดังนั้น เราจึงอาจกล่าวได้ดว่าพระองค์ถือว่าสตรีเป็นเพื่อนและศิษย์ ซึ่งไม่ธรรมดาสำหรับยุคนั้น สตรีถูกมองเป็นคนชั้นสอง ในพระวรสารนักบุญยอห์น มีเรื่องราวของมารธาและมารีย์ซึ่งโศกเศร้าเพราะพี่ชายตาย พระองค์ก็ร่วมทุกข์กับพวกเขาด้วย
    หลังจากพระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพ ทรงประจักษ์แก่สตรีชื่อมารีย์ มักดาลา แสดงถึงความสัมพันธ์ที่สนิทสนม
7. มีเมตตา
    พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่เมตตาต่อคนยากจน คนป่วย ถูกสังคมรังเกียจ คนชายขอบ ที่ทุกข์ทรมานและถูกกดขี่
    “ทรงเห็นประชาชนมากมายก็ทรงสงสาร และทรงรักษาผู้เจ็บป่วยให้หายจากโรค” (มธ.14:14)
    คำว่าเมตตาอาจจะน้อยไป ที่จะแสดงถึงอารมณ์ของพระเยซูเจ้า คำภาษากรีกหมายถึง “ความปั่นป่วนลึกๆ ในตน”
    พระเยซูเจ้ามักจะสงสารคนทุกข์ยาก อัศจรรย์ที่พระองค์ทำก็เพื่อช่วยคนเหล่านั้นด้วยความเมตตา
    การให้อภัยของพระองค์ก็ออกมาจากความเมตตาเช่นกัน พระองค์ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับประชาชน
8. หาญกล้าและเผชิญหน้า
    พระเยซูเจ้าไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความชั่วร้ายและอำนาจใดๆ
    พระองค์ไม่กลัวที่จะวิพากษ์ชาวฟาริสี ที่หน้าไหว้หลังหลอก ประณามพวกเขาที่คิดถึงแต่กฎเกณฑ์ภายนอก แต่ไม่คำนึงถึงความเมตตาและความยุติธรรม
    พระองค์ไม่กลัวที่จะละเมิดวันสับบาโตเพื่อทำความดี
    พระองค์ไม่กลัวที่จะคว่ำโต๊ะคนแลกเงินในพระวิหาร
    แม้พระองค์จะอ่อนโยน แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา ต่อหน้าความชั่วร้าย พระองค์ก็โกรธได้
9. มีอิสระ
    พระองค์เป็นคนที่มีอิสรภาพอย่างแท้จริง
    พระองค์กระทำตามที่พระองค์เห็นว่าชอบธรรม
    พระองค์ไม่ยึดติดกับประเพณี หรือกฎเกณฑ์ในสมัยนั้น
    พระองค์ไม่เป็นทาสของความอยาก ความโลภ หรือความเห็นแก่ตัว
10. อยู่เพื่อผู้อื่น
    พระองค์มิได้เป็นอยู่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อผู้อื่น รับใช้พระอาณาจักรและมนุษยชาติ
    พระองค์เปี่ยมด้วยความรักต่อผู้อื่น เป็นต้น คนจน คนต่ำต้อย อ่อนแอ และถูกทอดทิ้ง
11. มีชีวิตที่กลมกลืน
    พระองค์มีบุคลิกที่กลมกลืน ทั้งอ่อนโยนและมีพลัง
    สามารถโกรธ หัวเราะและร้องไห้
    พระองค์เป็นคนที่ทำงานมาก แต่ก็ภาวนาและพิศเพ่งไปพร้อมกัน
    พระองค์เคารพบทบัญญัติ กฎเกณฑ์ แต่ก้าวพ้นเมื่อจำเป็น
    พระองค์เปี่ยมด้วยความเมตตา แต่ก็ตำหนิผู้ที่กดขี่ผู้อื่น
    พระองค์จำศีลได้ กินเลี้ยงกับเพื่อนฝูงก็ทำ
    พระองค์กล้าหาญและมุ่งมั่นแม้จะหวั่นกลัว และพร้อมที่จะเผชิญความตาย

ที่มา หนังสือคู่มือกิจกรรมฟื้นฟู "ชุมชนศิษย์พระคริสต์ เจริญชีวิตประกาศข่าวดีใหม่"