แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

อย่าผิดประเวณี
อย่าปลงใจผิดประเวณี
    พระบัญญัติ 2 ประการนี้เป็นพระบัญญัติที่ว่าด้วยเรื่องการดำเนินชีวิตในฐานะที่เป็นมนุษย์อย่างดี ไม่ปล่อยตนให้อยู่ในตัณหา หรือ ความปรารถนาที่ทำให้ต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ทางกาย วาจา ใจ
    ความปรารถนา หรือ ความต้องการทางเพศ มีอยู่ในสัตว์ทุกชนิดและไม่ยกเว้นแม้กับมนุษย์ด้วย ถือเป็นสัญชาตญาณตามธรรมชาติอย่างหนึ่ง และเราเชื่อว่าพระเจ้าทรงสร้างสัญชาตญาณนี้มาเพื่อให้สรรพสิ่งทั้งหลายจะได้สืบพันธุ์ขยายลูกหลานต่อๆ กันไป จึงถือว่าเป็นสิ่งที่ดี
    แต่สำหรับเราที่เป็นมนุษย์ พระองค์ทรงประทานสติปัญญา ความคิด และมโนธรรม ทำให้มนุษย์มีคุณค่าและเป็นสิ่งสร้างที่สูงกว่าสิ่งสร้างทั้งหลาย  มนุษย์จึงสามารถบังคับตนเองได้ สามารถเลือกกระทำดีและละเว้นการกระทำผิดได้
    ด้วยเหตุนี้ แม้มนุษย์จะมีสัญชาตญาณแห่งความปรารถนา ความต้องการทางเพศ แต่ก็สามารถบังคับตนเองได้ด้วยการมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของความปรารถนา หรือ ความต้องการดังกล่าว    เรียกว่ายกระดับความรู้นึกนึกคิดเกี่ยวกับเรื่องเพศให้สูงขึ้น เห็นคุณค่ามากกว่าเป็นเพียงแค่ธรรมชาติเท่านั้น
    อย่างไรก็ดี ถ้าหากมนุษย์ไม่ระมัดระวัง ทำให้ความปรารถนา หรือ ความต้องการนี้เป็นเพียงสัญชาตญาณ    มนุษย์ก็ไม่ต่างกับบรรดาสัตว์ทั้งหลาย คุณค่าของความเป็นมนุษย์นั้นก็จะลดน้อยลงไป...
    พระบัญญัติประการที่ 6 “อย่าผิดประเวณี”    เป็นพระบัญญัติที่สั่งให้มนุษย์ละเว้นการกระทำทุกอย่างที่ผิดต่อความบริสุทธิ์ เช่น การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มิใช่สามีภรรยาของตน หรือ การมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน หรือ การกระทำผิดต่อความบริสุทธิ์ด้วยตัวเอง เป็นต้น    จะถือว่าพระบัญญัติประการที่ 6 นี้เป็นการกระทิดด้วยการกระทำอย่างตรงไปตรงมาเลยก็ว่าได้
    พระบัญญัติประการที่ 9 “อย่าปลงใจผิดประเวณี”    เป็นพระบัญญัติที่ห้ามการคิด ปรารถนา การมอง การอ่าน หรือ พฤติกรรมต่างๆ อันนำไปสุ่การกระทำผิดต่อความบริสุทธิ์
    แน่นอนว่าในความอ่อนแอประสามนุษย์ บางครั้งเราอาจตกอยู่ในบาปนี้ด้วยเหมือนกัน    และเราจะถูกประจญล่อลวงให้ตกอยู่ในบาปนี้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยสื่อลามกอนาจารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อภาพยนตร์ หรือ แม้กระทั่งสื่อที่เป็นมนุษย์ด้วยกันเอง เช่น การแต่งเนื้อแต่งตัวของบางคน อากัปกิริยา การแสดงออก คำพูดาที่ส่อไปในทางลามก...
    การพบเห็นสิ่งเหล่านี้ โดยทั่วไปยังมิใช่ความผิดหรือบาปแต่ประการใด เช่น เห็นหนังสือที่วางขายอยู่ตามแผงหนังสือ มีรูปภาพหรือ เรื่องราวที่ไม่ดีและเราก็ผ่านไปมิได้สนใจ แต่ถ้าหากเราสนใจหยิบมาอ่าน มาดู และปล่อยให้ความอยากรู้อยากเห็นดำเนินต่อไป อย่างนี้เป็นบาปและความผิดแล้ว    หรือเราเห็นใครแต่ตัวไม่เรียบร้อยและเราปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความคิด อย่างนี้ก็เป็นบาปเหมือนกัน และถ้ายิ่งเราเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้ที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยเสียเอง ความผิดหรือบาปนั้นยิ่งทวีขึ้นมากมาย เพราะเราเป็นสาเหตุให้เกิดการกระทำผิดในเรื่องนี้โดยตรง
    การกระทำผิดต่อพระบัญญัติประการที่ 6 และ 9 นี้ นับเป็นบาปหรือการกระทำผิดที่เกิดขึ้นง่ายๆ และหลายครั้งเป็นความผิดส่วนตัวที่เกิดขึ้นแบบลับๆ คนอื่นไม่รู้... แต่ทุกครั้งเราสังเกตได้ว่า มโนธรรมของผู้นั้นจะตำหนิติเตียนตนเองเสมอ และ ถ้าไม่แก้ไขก็ชินชากับความผิดหรือ บาปนั้น และจะยิ่งยากแก่การเยียวยามากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
    สภาพของสังคมทั่วไปเวลานี้ล้วนแต่เอื้อจ่อการกระทำผิดต่อพระบัญญัติประการที่ 6 และ 9 อย่างมาก    ไม่ว่าจะมาจากแหล่งเริงรมย์ สถานบันเทิงต่างๆ การขาดจิตสำนึกของคนในเชิงของคุณธรรมความดี หรือ พูดง่ายๆ ก็คือ “ศีลธรรมเสื่อม” นั่นเอง คนเราถือว่าการกระทำผิดในเรื่องเพศ ผิดลูกผิดเมียเป็นเรื่องธรรมดา สลับสับเปลี่ยนคู่กันเป็นว่าเล่น เห็นการมีเพศสัมพันธ์เป็นเพียงเรื่องของการตอบสนองความใคร่ สนองตัณหาของตนเท่านั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ชีวิตมนุษย์ถูกลดคุฤณค่าลงมาอย่างน่าใจหาย
    สิ่งที่จะช่วยป้องกันความผิดในเรื่องนี้มีหลายประการเหมือนกัน
    การภาวนา    เป็นวิธีสำคัญที่สุด เพราะจะทำให้ชีวิตของเราใกล้ชิดสินทกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้น    และแน่นอนว่าชีวิตของผู้ที่ใกล้ชิดสนิทกับพระย่อมจะไม่กระทำผิดอะไรได้ง่ายๆ    การมีพระเจ้าอยู่กับตนจะทำให้เราเข้มแข็ง มีพลังที่จะเอาชนะการประจญล่อลวงต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย...        เราจะมีจิตสำนึกว่าร่างกายของเราเป็นวิหารของพระเป็นเจ้า เราจะมีแรงบันดาลใจที่จะดูแลให้บริสุทธิ์ผุดผ่องที่สุด
    การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ    ถือเป็นการเพิ่มพลังด้วยพระพรของพระเป็นเจ้าโดยตรง เป็นต้น ศีลอภัยบาป และศีลมหาสนิท...
    นอกนั้น ความศรัทธาต่อพระแม่มารีย์ยังนำมาซึ่งกำลังใจและพระพรที่พระแม่มารีย์จะทรงวอนขอพระเจ้าเพื่อเราอีกด้วย
    สุดท้ายเราอย่าถือว่าความผิดบกพร่องในพระบัญญัติประการที่ 6 และ 9 นี้เป็นเรื่องธรรมดาไม่สำคัญอะไร แต่ต้องเข้าใจว่ามันเป็นความผิดบกพร่องที่ทำให้เราสูญเสียคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ลดฐานะอันสูงส่งที่พระเป็นเจ้าประทานให้อย่างมาก...    และในประวัติศาสตร์โลกมนุษย์ก็ถูกลงโทษ ถูกทำลาย ถูกชำระล้างเพราะเรื่องนี้มาแล้ว    ไม่ว่าจะเป็นน้ำมหาวินาศ หรือ ไฟจากฟ้าที่ทำลายเมือโสโดม เมืองโกโมราห์ ก็เช่นกัน