แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ศีลศักดิ์สิทธิ์
    หลังจากที่เราทราบเรื่องราวของการภาวนาและบทภาวนาซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการช่วยเราให้เจริญชีวิตติดต่อสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้าไปแล้ว ต่อจากนี้เราจะมาพูดคุยกันถึงอุปกรณ์ที่สำคัญมากในฐานะเป็นเครื่องช่วยเราให้ได้รับชีวิตพระ (ชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์) นั่นคือ “ศีลศักดิ์สิทธิ์”

    ศีลศักดิ์สิทธิ์ คือ เครื่องหมายภายนอกอันศักดิ์สิทธิ์ สาเหตุที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นพิธีที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ตั้งขึ้นด้วยจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือมนุษย์โดยการประทานพระพร หรือ พระหรรษทานตามความจำเป็นของชีวิตที่ต้องพัฒนาไป
    ถ้าจะอธิบายเพื่อเสริมความเข้าใจให้ดียิ่งขึ้น ก็ต้องบอกว่าศีลศักดิ์สิทธิ์ คือ “พิธีกรรม” ที่ก่อให้เกิดพระหรรษทานและพระพรแก่มนุษย์ ตามขั้นตอนของชีวิตในวัยและสถานการณ์พิเศษต่างๆ
    ที่บอกว่าเป็นเครื่องหมายภายนอก เพราะจะต้องมีการประกอบพิธีที่เด่นชัดด้วยอากัปกิริยาของผู้ประกอบพิธีและผู้รับเสมอ    และในเวลาเดียวกันก็จะมี “บทภาวนา” (บทสวด) ขณะประกอบพิธีนั้นด้วย เช่น การเทน้ำบนศีรษะของผู้รับศีลล้างบาป หรือ การปกมืออัญเชิญพระจิตเหนือผู้รับศีลกำลัง เป็นต้น
    ถึงตรงนี้คำว่า “ศีล” ในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกหมายถึง พิธีกรรมที่ก่อให้เกิดพระหรรษทานและพระพรแก่ผู้รับนั่นเอง
    ในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกถือว่ามีศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดอยู่ 7 ศีล คือ    1. ศีลล้างบาป    2. ศีลกำลัง    3. ศีลมหาสนิท   
    4. ศีลอภัยบาป    5. ศีลเจิมคนไข้    6. ศีลบวช        7. ศีลแต่งงาน (ศีลกล่าว)
    ซึ่งจะได้อธิบายในรายละเอียดต่อไปภายหลัง เมื่อเราเห็นชื่อของศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เราก็พอจะเข้าใจได้ทันทีว่า แต่ละศีลนั้นเป็นที่มาของพระหรรษทานอะไร สำหรับชีวิตมนุษย์ซึ่งในเรื่องนี้ นับเป็นความรักและพระเมตตาขององค์พระเยซูคริสตเจ้าอย่างแท้จริงที่ทรงห่วงใยพวกเรา    ทรงใช้วิธีการมากมายเพื่อช่วงให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ (ไปสวรรค์)
    ถ้าจะถามว่าศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 7 ประการนี้ ศีลใดสำคัญที่สุด คำตอบก็คือมีความสำคัญแตกต่างกันออกไป ตามความจำเป็นของชีวิต    แต่ถ้าจะถือตามกฎหมายของพระศาสนจักร ต้องบอกว่า “ศีลล้างบาป” เพราะถือเป็นศีลที่ทำให้เราเป็นคริสตชนโดยสมบูรณ์ สามารถที่จะรับศีลศักดิ์สิทธิ์ประการอื่นๆ ต่อไป เปรียบเหมือนประตูบานใหญ่หน้าบ้านที่เปิดให้เราเข้าไปในบ้านและสามารถเข้าไปยังห้องต่างๆ ของบ้านได้    นั่นคือ เราจะไม่สามารถรับศีลอื่นๆ ได้ถ้าหากเรายังไม่ได้รับศีลล้างบาป หรือ ถ้าเรารับศีลอื่นๆ แต่ยังไม่ได้รับศีลล้างบาป ศีลเหล่านั้นก็ถือเป็นโมฆะทั้งหมด
    ในศีลศักดิ์สิทธิ์ทั่ง 7 ประการ มีศีลที่รับได้เพียงครั้งเดียวอยู่ 3 ศีล คือ ศีลล้างบาป ศีลกำลัง และศีลบวช    เพราะทั้ง 3 ศีลนี้ มีเครื่องหมายหรือ “ตรา” ที่ประทับอยู่ในวิญญาณอย่างถาวร    ส่วนอีก 4 ศีล คือ ศีลมหาสนิท ศีลอภัยบาป ศีลเจิมคนไข้ และศีลแต่งงาน สามารถรับได้หลายครั้งตามความเหมาะสมและความจำเป็นซึ่งจะอธิบายในรายละเอียดเฉพาะศีลอีกครั้งหนึ่ง
    ความสำคัญของศีลศักดิ์สิทธิ์นี้ ถือว่าสำคัญมาก เป็นแหล่งที่มาของอาหารฝ่ายวิญญาณที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้ เช่นเดียวกับพระวาจา (พระคัมภีร์) ของพระเป็นเจ้า    จนมีคำกล่าวว่าจะเป็นคริสตชนคาทอลิกที่แท้จริง ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวาจาและศีลศักดิ์สิทธิ์    พระวาจาเปรียบเสมือนคำสอนชี้แนะแนวทางในการดำรงชีวิต ส่วนศีลศักดิ์สิทธิ์คืออาหารที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตให้เข้มแข็งในการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในความเชื่อ ความไว้ใจ และความรักต่อพระผู้เป็นเจ้า