ปีของพระศาสนจักร
ปีของพระศาสนจักร พระศาสนจักรกำหนดให้ในรอบปีหนึ่งๆ มีช่วงเวลาหรือที่เรียกว่า “เทศกาล” เพื่อให้ความสำคัญกับพระภารกิจแห่งการไถ่กู้ขององค์พระเยซูคริสตเจ้า โดยจัดให้เป็นระยะเวลาของการเตรียมจิตใจและมีส่วนรับการไถ่กู้ของพระองค์นั่นเอง โดยแบ่งออกเป็น 4 เทศกาล ดังนี้...
1. เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าและพระคริสตสมภพ
• เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า คือ ช่วงเวลา 4 สัปดาห์ก่อนสมโภชพระคริสตสมภพ โดยเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์หลังจากวันอาทิตย์สมโภชพระคริสตเจ้าเป็นกษัตริย์ ตลอดเวลา 4 สัปดาห์นี้ พระศาสนจักรเชื้อเชิญให้บรรดาคริสตชนทำการเตรียมตัวเตรียมใจด้วยการบำเพ็ญภาวนา ลด ละ เลิก อบายมุขและมีจิตเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ คือ เน้นให้รู้จักรักพระและรักมนุษย์ด้วยกิจการต่างๆ ในชีวิตประจำวันของตน
สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ เราจะเห็นอาภรณ์ที่พระสงฆ์ใช้ในพิธีมิสซาเป็นสีม่วง ซึ่งหมายถึง สีแห่งการเพียรพยายาม อดทน และตายจากตัวเองในกิเลสตัณหา สมัยก่อนเราเรียกช่วงเวลานี้ว่า “อนุพรต”
• พระคริสตสมภพ ถือเป็นวันสำคัญที่สุดในเทศกาลนี้ คือ วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันสมโภชการบังเกิดมาขององค์พระเยซูคริสตเจ้า ถือเป็นวันฉลองบังคับ ที่จะไม่มีการเปลี่ยนไปฉลองในวันอื่นทั้งสิ้น คริสตชนทุกคนจะต้องไปร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ เช่นเดียวกับวันอาทิตย์
o อัฐมวารพระคริสตสมภพ คือ ระยะ 8 วันหลังจากการสมโภชพระคริสตสมภพ มีความสำคัญอยู่ที่การเฉลิมฉลองวันที่พระคริสตเจ้าแสดงองค์ คือ การแลองฉลองการเดินทางไปนมัสการพระกุมารเยซูของพญาสามองค์ เตือนให้เราระลึกถึงการเปิดเผยพระองค์เองแก่มนุษยชาติทั้งหลาย ตรงกับวันที่ 6 มกราคม ตามปกติจะเลื่อนไปฉลองในวันอาทิตย์ หลังจากวันอาทิตย์สมโภชพระวิสุทธิวงศ์ หรือ ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ สีของอาภรณ์ที่พระสงฆ์ใช้ในพิธีระหว่างพระคริสตสมภพจะเป็นสีขาว
• วันอาทิตย์ต่อจากวันพระคริสตเจ้าแสดงองค์ เป็นวันอาทิตย์ที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงรับพิธีล้างและเป็นช่วงเวลาเทศกาลธรรมดาอีกประมาณ 7-8 สัปดาห์ สีของอาภรณ์พระสงฆ์จะใช้สีเขียว นอกจากนั้นจะเข้าสู่มหาพรต
2. เทศกาลมหาพรต
คือช่วงเวลา 40 วันนับตั้งแต่วันพุธรับเถ้าจนถึงวันสมโภชปัสกา เป็นเวลาของการถือศีลอดอาหาร เช่นเดียวกับที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงอยู่ในที่เปลี่ยว ทรงจำศีล อดอาหาร สวดภาวนา และถูกประจญจากปีศาจ
ตลอดระยะเวลา ในเทศกาลมหาพรตนี้ พระศาสนจักรเชื้อเชิญให้เรากระทำกิจการสำคัญสองอย่าง คือ รู้จักบังคับตัวเองมีชีวิตเรียบง่าย พยายามเอาชนะความอ่อนแอตามประสามนุษย์ที่มีอยู่ในตัวเรา คือ โลภ โกรธ หลง และในเวลาเดียวกัน ก็ให้รู้จักการอยู่กับเพื่อนมนุษย์ด้วยความรัก ความเมตตา ช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก และ ผู้ด้อยโอกาสในสังคม พูดง่ายๆ ก็คือให้รู้จักแบ่งปันนั่นเอง
พิธีรับเถ้า เป็นพิธีที่เตือนให้เราตระหนักว่า วันหนึ่งเราต้องตาย และเมื่อตายไปแล้วร่างกายของเราก็สลายเน่าเปื่อยกลายเป็นดิน ดังนั้น ให้รู้จักกลับใจ สะสมคุณธรรมความดีเอาไว้ให้มากๆ
สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ คือ ระยะเวลา 7 วันนับตั้งแต่วันอาทิตย์ใบลานจนถึงวันอาทิตย์สมโภชปัสกา เริ่มต้นด้วยวันอาทิตย์ใบลาน เตือนให้เราคิดถึงการเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่าประหนึ่งแม่ทัพที่กลับจากการทำศึกสงครามพร้อมกับชัยชนะ ประชาชนทุกคนชื่นชมยินดีต้อนรับด้วยการนำใบปาล์มมาโบกต้อนรับ... แต่ที่แท้แล้วการเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม คือ การเดินเข้าสู่มหาทรมานความตายและบรรลุถึงชัยชนะที่แท้จริงด้วยการเสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพนั่นเอง
ที่เรียกว่าสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าระหว่างสัปดาห์นี้มีการระลึกถึงเหตุการณ์ที่สำคัญของพระเยซูคริสตเจ้า คือ
- วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ เป็นวันที่บ่งบอกถึงพระเมตตาและความรักของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์ด้วยการตั้งศีลมหาสนิทและศีลบวชเป็นพระสงฆ์พิธีกรรมพิเศษในวันนี้ คือ การล้างเท้าบรรดาอัครสาวก ของพระเยซูเจ้า นั่นหมายถึงการถ่อมพระองค์ลงเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ที่มอบให้เราทุกคนกระทำตามด้วย และหลังจากพิธีมิสซาในวันนี้ยังมีการเฝ้าศีลมหาสนิท เพราะเป็นวันที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิทอันเป็นศีลแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงประทับในเราเป็นเลือนเป็นเนื้อของเราเพื่ออยู่กับเราเสมอไป
- วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วันนี้ถือเป็นวันที่พระองค์ทรงรับมหาทรมานถูกจับเฆี่ยนตี ถูกสวมมงกุฎหนาม ต้องแบกกางเขนไปตามเขากัลป์วาริโอ และที่สุดทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อไถ่บาปของเรา วันนี้จะไม่มีพิธีบูชามิสซา แต่มีการระลึกถึงพระมหาทรมานของพระองค์และการนมัสการกางเขนร่วมพระทรมานพร้อมกับพระองค์
- วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นวันแห่งการระลึกถึงพระศพของพระองค์ที่ถูกฝังอยู่ในพระคูหา และในภาคค้ำจะมีพิธีตื่นเฝ้ารอคอยการเสด็จกลับเป็นขึ้นมาของพระองค์ มีพิธีเสกไฟ เสกน้ำ มีการจุดเทียนปัสกา ซึ่งหมายถึงการเสด็จกลับเป็นขึ้นมาของพระองค์ และตามธรรมเนียมทั่วไปก็จะมีพิธีบูชามิสซาเฉลิมฉลองการกลับเป็นขึ้นมาของพระองค์ เพราะตังแต่เวลาค่ำของวันเสาร์เป็นต้นไป ถือเป็นวันอาทิตย์แล้ว นั่นคือ เป็นการฉลองปัสกาแล้ว
3. เทศกาลปัสกา ปัสกาถือเป็นวันสมโภชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี ทั้งนี้เพราะเป็นการฉลองการเสด็จกลับคือนพระชนม์ชีพขององค์พระเยซูคริสตเจ้า อันหมายถึง การชนะต่อความตายต่อบาป คำว่า “ปัสกา” หมายถึง การข้ามหรือ การผ่านไป จึงมีความหมายถึงการผ่านหรือข้ามจาแความตายไปสู่ชีวิต จากบาปไปสู่บุญ ดังนั้น ประชากรของพระเจ้า คือ พวกเราจะได้รับผลแห่งการเสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพของพระองค์ เราทุกคนจะรอดพ้นจากบาปแล้ความตายด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าหากเราดำเนินชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ด้วยการปฏิบัติตามจิตตารมณ์ของพระองค์ สีประจำเทศกาลคือสีขาว
ต่อจากนั้นอีก 40 วันเราจะมีการเฉลิมฉลองการเสด็จสู่สวรรค์อย่างผู้มีชัยชนะขององค์พระเยซูคริสตเจ้า กล่าวคือ พระองค์ทรงกระทำพระภารกิจของพระองค์ที่ทรงได้รับมอบหมายจากพระบิดานั้นได้สำเร็จสมบูรณ์แล้ว ที่เหลือใครจะได้รับความรอดหรือไม่ จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละคนที่จะต้องมีส่วนร่วมในแผนการแห่งความรอดนี้ ด้วยการปฏิบัติตามจิตตารมณ์ของพระองค์
ต่อจากนั้นอีก 1 สัปดาห์เราเฉลิมฉลองการเสด็จลงมาขององค์พระจิตเจ้า อันหมายถึงการประทับอยู่ของพระเป็นเจ้าเพื่อประทานพระพรแห่งความช่วยเหลือเราในการมีชีวิตประจำวัน ซึ่งเราเรียกว่าพระคุณของพระจิต 7 ประการ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในเนื้อหาเรื่องศีลกำลัง
4. เทศกาลหลังสมโภชพระจิตเจ้า (เทศกาลธรรมดา) เป็นระยะเวลาประมาณ 27 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นช่วงที่ยาวที่สุด เราเรียกว่าเทศกาลธรรมดา เหมือนกับระยะเวลา 7-8 สัปดาห์หลังจากฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง ซึ่งถือเป็นเทศกาลธรรมดาอีกช่วงหนึ่ง สีประจำเทศกาลนี้ใช้สีเขียว
ในช่วงเทศกาลธรรมดานี้ หลังสมโภชพระจิตเจ้ามีวันแลองสำคัญอยู่หลายวัน คือ
ก. วันฉลองพระตรีเอกภาพ คือ วันฉลององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวที่ประกอบด้วยสามพระบุคคลเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังข้อความเชื่อที่เราได้ทราบแล้วในภาคที่ 1
ข. วันฉลองพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า คือ การฉลองความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระเยซูเจ้าทรงมอบพระกายและพระโลหิตของพระองค์ เป็นอาหารเลี้ยงวิญญาณของเราทางศีลมหาสนิท ดังที่เราได้ทราบแล้วในภาคที่ 3 เรื่องศีลมหาสนิท และจะมีพิธีแห่ศีลมหาสนิทอย่างสง่าร่วมด้วยเสมอ
ค. วันแลองพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า เพื่อให้มนุษย์ได้แสดงความกตัญญูรู้คุณต่อความรักอันยิ่งใหญ่หาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อมนุษย์และเพื่อชดเชยบาปมากมายที่เราได้ทำเคือพระหฤทัยของพระองค์
ง. วันฉลองนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล (10 มิถุนายน) ซึ่งพระศาสนจักรให้ความสำคัญในฐานะที่ท่านทั่งสองเป็นรากฐานของพระศาสนจักรตั้งแต่แรกเริ่ม