สายประคำ
ปี ค.ศ. 1214 พระแม่มารีย์ได้มอบสายประคำให้แก่นักบุญดอมินิก เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับพวกต่อต้านพระศาสนจักร เพื่อทำให้พวกเขากลับใจ
นอกจากนั้น สายประคำยังหมายถึง “มงกุฎกุหลาบ” (Rosary) ทุกครั้งที่สวดสายประคำอย่างสง่า (สวดครบ 3 สาย) คือ การถวายดอกกุหลายสีขาว 153 ดอก และสีแดง 16 ดอก แด่พระเยซูและพระแม่มารีย์
กุหลาบสีแดง กุหลาบสีขาว มีที่มาดังนี้ คือ บทข้าแต่พระบิดาหมายถึงกุหลาบสีแดง ส่วนบทวันทามารีย์ คือกุหลาบสีขาวนั่นเอง
การสวดสายประคำตามข้อรำพึงต่างๆ นั้น จะเห็นว่าเป็นการรำพึงถึงพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้า นับแต่ประสูติ การเทศนาสั่งสอน การรับทรมาน และการกลับคืนพระชนม์ชีพ ผ่านทางบทภาวนาของพระนางมารีย์ หากเราได้ปฏิบัติกิจศรัทธานี้อย่างดี เราก็จะสามารถมีชีวิตที่ใกล้ชิดสนิทกับพระผู้เป็นเจ้ามากยิ่งขึ้น
สายประคำ1 สาย ประกอบด้วย
1. บทพระสิริรุ่งโรจน์ 6 ครั้ง
2. บทข้าแต่พระบิดา 6 ครั้ง
3. บทวันทามารีย์ 53 ครั้ง
แบ่งออกเป็น 5 ข้อ แต่ละข้อสวดบทพระสิริรุ่งโรจน์ 1 ครั้ง และข้าแต่พระบิดา 1 ครั้ง แต่ละข้อระลึกถึงรหัสธรรมข้อความเชื่อเกี่ยวกับพระชนม์ชีพพระเยซูเจ้า รวม 20 เหตุการณ์ด้วยกัน โดยแบ่งเป็น 4 ภาคดังนี้
ก. พระธรรมล้ำลึกแห่งความปิติยินดี ข้อรำพึงเกี่ยวกบการบังเกิดของพระเยซูเจ้า (วันจันทร์และวันเสาร์)
1. ทูตสวรรค์แจ้งข่าวแก่พระนางมารีย์ ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่า “เยซู” เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และ พระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป้นบุตรของพระองค์ (ลก 1 : 31-32)
2. พระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ เธอมีบุญยิ่งกว่าหญิงใดๆ และบุตรชายของเธอก็มีบุญด้วย เธอเป็นสุขที่เช่อว่าพระวาจาที่พระเจ้าได้ตรัสแก่เธอไว้จะสำเร็จไป (ลก 1 : 42, 45)
3. พระเยซูเจ้าประสูติ ณ เมืองเบธเลเฮม พระนางมารีย์ได้คลอดบุตรชายคนแรก ณ เมืองเบธเลเฮม เอาผ้าพันกายกุมารนั้น แล้ววางไว้ในรางหญ้า เนื่องจากไม่มีที่ในห้องพักแรมเลย (ลก 2 : 7)
4. พระนางมารีย์ถวายพระกุมารในพระวิหาร เมื่อครบกำหนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำพิธีชำระล้างตามบทบัญญัติของโมเสส โยเซฟและพระนางมารีย์ได้นำพระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่พระเจ้า (ลก 2 : 22)
5. พระนางมารีย์พบพระเยซูเจ้าในพระวิหาร ในวันที่สามท่านทั้งสองจึงพบพระองค์ในพระวิหารกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางบรรดาอาจารย์ ทรงฟังและไต่ถามพวกเขา ทุกคนที่ได้ฟังพระองค์ต่างประหลาดใจในสติปัญญาและคำตอบของพระองค์ (ลก 2 : 46-47)
ข. พระธรรมล้ำลึกแห่งการทรมาน ข้อรำพึงเกี่ยวกับความทุกข์ของพระเยซูเจ้า (วันอังคารและวันศุกร์)
1. พระเยซูเจ้าทรงเข้าตรีทูตในสวนเกทเสมนี ทรงซบพระพักตร์ลงกับพื้นดิน อธิษฐานภาวนาว่า “พระบิดาเจ้าข้า ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ถ้วยนี้พ้นข้าพเจ้าไปเถิด ถ้าเป็นไปไม่ได้ ก็ขออย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด” (มธ 26 : 39)
2. พระเยซูเจ้าทรงถูกเฆี่ยน ประชาชนทุกคนตอบว่า ขอให้เลือดของเขาตกเหนือเรา และเหนือลูกหลานของเราเถิด แล้วปิลาตได้สั่งให้ปล่อยบารับบัส สั่งให้โบยตีพระเยซูเจ้า แล้วส่งพระองค์ให้เขานำไปตรึงบนไม้กางเขน (มธ 27 : 25-26)
3. พระเยซูเจ้าทรงถูกสวมมงกุฎหนาม เขาเปลื้องผ้าฉลองพระองค์ออก นำเสื้อคลุมสีม่วงแดงมาคลุมให้ นำหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียร ให้พระองค์ถือไม้อ้อในพระหัตถ์ขวาแล้วคุกเข้าเฉพาะพระพักตร์ เยาะเย้ยพระองค์ (มธ 27 : 28-29)
4. พระเยซูเจ้าทรงแบกไม้กางเขน พระองค์ทรงแบกไม้กางเขนเสด็จออกไปยังสถานที่ที่เรียกว่า เนินหัวกะโหลก ภาษาฮีบรูว่า กลโกธา เขาได้ตรึงพระองค์บนไม้กางเขนที่นั่น (ยน 19 : 17-18)
5. พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนพระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” เมื่อตรัสดังนี้แล้ว ก็สิ้นพระชนม์ (ลก 23 : 46)
ค. พระธรรมล้ำลึกแห่งพระสิริมงคล ข้อรำพึงเกี่ยวกับการเสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้า (วันพุธและวันอาทิตย์)
1. พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ ทูตสวรรค์กล่าวแก่สตรีทั้งสองคนว่า “อย่ากลัวเลย ข้าพเจ้าทราบว่าท่านกำลังแสวงหาพระเยซูผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองคืไม่อยู่ที่นี่เพราะกลับคืนพระชนม์ชีพแล้วตามที่ตรัสไว้” (มธ 28 : 5-6)
2. พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์ได้ทรงนำบรรดาศิษย์ออกไปใกล้หมู่บ้านเบธานี ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นอวยพระพรและขณะที่ทรงอวยพระพรอยู่นั้น พระองค์ได้ทรงแยกไปจากเขาและทรงถูกนำขึ้นสวรรค์ (ลก 24 : 50-51)
3. พระจิตเจ้าเสด็จมา เมื่อวันเปนเตกอสเตมาถึง บรรดาศิษย์ทุกคนได้มาชุมนุมในสถานที่เดียวกัน เขาได้เห็นเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นแยกไปอยู่เหนือศีรษะของเขาแต่ละคน ทุกคนได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม (กจ 2 : 1, 3-4)
4. พระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ธิดาเอ๋ย ในบรรดาสตรีทั้งหลายในโลก เธอได้รับพระพรพิเศษจากพระเจ้าสูงสุด และขอให้พระเจ้าพระผู้สร้างฟ้าและแผ่นดินจงได้รับการสดุดี (ยดธ 13 : 18)
5. พระนางมารีย์ได้รับมงกุฎในสวรรค์ เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏในสวรรค์ คือ สตรีผู้หนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ (วว 12 : 1)
ง. พระธรรมล้ำลึกแห่งความสว่าง ข้อรำพึงเกี่ยวกับพระชนม์ชีพเปิดเผย และพระภารกิจของพระเยซูเจ้า (วันพฤหัสบดี)
1. พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง ณ แม่น้ำจอร์แดน ขณะที่พระคริสต์เจ้าเสด็จลงไปในน้ำ พระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่มารับสภาพบาปเพราะเห็นแก่เรา (เทียบ 2 คร 5 : 21) ท้องฟ้าเปิดออก แล้วมีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา” (มธ 3 : 16-17) พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ เพื่อส่งพระองค์ไปปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบ
2. พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองในงานมงคลสมรส ณ หมู่บ้านคานา เมื่อพระคริสตเจ้าทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น พระองค์ทรงกระทำอัศจรรย์นี้เป็นเครื่องหมายแรกที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์ (ยน 2 : 11) ให้เราขอบพระคุณพระนางมรีย์ ผู้เป็นศิษย์กลุ่มแรกได้มีส่วนริเริ่มในเหตุการณ์นี้
3. พระเยซูเจ้าทรงประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า และทรงเรียกผู้คนให้กลับใจ “เวลาที่กำหนดมาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจและเชื่อข่าวดีเถิด” (มก 1 : 15) ทรงอภัยบาปของทุกคนที่เข้ามาหาด้วยความไว้วางใจ และสุภาพ (มก 2 : 3-152 ลก 7 : 47-48) พระองค์ทรงริเริ่มพระเมตตาและยังปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาศัยศีลอภัยบาปซึ่งมีอยู่ในพระศาสนจักร (ยน 20 : 22-23)
4. พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระกายอย่างรุ่งโรจน์ ณ ภูเขาทาบอร์ พระพักตร์ของพระองค์ฉายพระสิริรุ่งโรจน์ พระบิดาตรัสกับอัครสาวกว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรของเรา ผู้ที่เราได้เลือกสรร จงฟังท่านเถิด” (ลก 9 : 35) และได้เตรียมพวกเขาให้มีประสบการณ์มหาทรมานเพื่อให้เขาได้รับความยินดีในการกลับคืนพระชนม์ชีพ และดำเนินชีวิตอาศัยพระจิตเจ้า
5. พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท เพื่อเป็นเครื่องหมายของธรรมล้ำลึกปัสกา พระเยซูเจ้าทรงทราบว่า ถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด (ยน 13 : 1) พระคริสตเจ้าถวายพระองค์ในศีลมหาสนิท ภายใต้รูปปรากฏของแผ่นปังและเหล้าองุ่น แสดงถึงความรักต่อมนุษยชาติ