ทัศนะที่ควรเข้าใจ
เหตุสุดท้าย (eschatology)
เหตุสุดท้ายของคริสตชนมีอยู่ 4 อย่างด้วยกันคือ
1) ความตาย คือ การที่วิญญาณแยกออกจากร่างและก็นำร่างกายไปฝังไว้ แต่ปัจจุบันคริสตชนเชื่อว่า เมื่อตาย วิญญาณจะไปพบพระเป็นเจ้าทันที เพื่อตัดสินว่าจะไปสวรรค์หรือนรก ณ เวลานั้นเอง
2) การพิพากษา คือการที่พระเป็นเจ้าตัดสินบุญและบาปต่อวิญญาณของผู้ตายในทันทีที่วิญญาณออกจากร่าง เรียกว่า “พิพากษาทีละคน” และจะมีการพิพากษาใหญ่อีกครั้งหนึ่งในวันสิ้นพิภพ
3) สวรรค์ คือที่ประทับของพระเป็นเจ้า วิญญาณที่ทำบุญ ความดี ก็จะไปพำนักอยู่กับพระเป็นเจ้าในสวรรค์ตลอดนิรันดร
4) นรก คือที่ที่เราไม่อาจพบพระเป็นเจ้า เป็นสภาพที่ไม่อาจมีความสุข ไม่มีความหวังที่จะพ้นโทษ ต้องอยู่ไปตลอดนิรันดร
วันสิ้นพิภพ (end of the world)
คริสตชนเชื่อว่าโลกนี้จะจบลง แต่จะมีโลกใหม่ที่สมบูรณ์ตลอดไปนิรันดร เมื่อสิ้นพิภพ วันนั้นมนุษย์ทุกคนทั้งที่ตายแล้วและยังมีชีวิตอยู่จะมาอยู่รวมกันต่อหน้าพระเป็นเจ้า พระเยซูคริสตเจ้าจะเสด็จมาในโลกอีกครั้งหนึ่งในวันนั้นเพื่อทรงนั่งบัลลังก์พิพากษามนุษย์ทุกคน คริสตชนยังเชื่ออีกว่า ร่างของผู้ที่สิ้นใจไปแล้วจะกลับเป็นขึ้นมาเพื่อรวมกับวิญญาณและหากได้รับการพิพากษาความดีความชั่วแล้ว ก็จะได้ไปอยู่สวรรค์กับพระเป็นเจ้าหรือไปนรก และจะต้องอยู่ที่นั่นทั้งร่างกายและวิญญาณด้วย เพราะว่าพระเป็นเจ้าสร้างมนุษย์มาทั้งร่างกายและวิญญาณ ทั้งสองเป็นสิ่งดีและเราต้องรักวิญญาณ เอาใจใส่และดูแลร่างกายขณะเมื่อยังมีชีวิตอยู่ การฆ่าตัวตายสำหรับคริสตชนเป็นบาปหนัก การพิพากษาในวันสุดท้ายนี้เรียกว่า การพิพากษาประมวลพร้อม
พระบัญญัติ 10 ประการ
“เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน”
1. จงนมัสการ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าพระองค์เดียวของท่าน
2. อย่าออกพระนามพระเจ้าโดยไม่สมเหตุ
3. อย่าลืมฉลองวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
4. จงนับถือบิดามารดา
5. อย่าฆ่าคน
6. อย่าผิดประเวณี
7. อย่าลักขโมย
8. อย่าพูดเท็จใส่ร้ายผู้อื่น
9. อย่าปลงใจผิดประเวณี
10. อย่ามักได้ทรัพย์สินของผู้อื่น
พระบัญญัติ 10 ประการนี้ เป็นพระบัญญัติที่พระเป็นเจ้าประทานให้แก่ชาวอิสราเอลผ่านทางโมเสส ตั้งแต่สมัยพันธสัญญาเดิม และคริสตชนยังคงถือปฏิบัติเรื่อยมาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตขั้นพื้นฐาน นอกจากนั้นยังมีข้อปฏิบัติที่พระศาสนจักรตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือให้เราดำเนินชีวิตคือ
บทบัญญัติพื้นฐานของพระศาสนจักร
1. จงร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ และหยุดทำงานในวันอาทิตย์และวันฉลองบังคับ
2. จงรับศีลอภัยบาปอย่างน้อยปีละครั้ง
3. จงรับศีลมหาสนิทอย่างน้อยปีละครั้งในกำหนดปัสกา
4. จงอดอาหาร และอดเนื้อ ในวันที่กำหนด
5. จงบำรุงพระศาสนจักรตามความสามารถ
บาปต้น 7 ประการ
ยังมีความบกพร่องอีกชนิดหนึ่งในตัวของมันเองมิใช่บาปหนัก คริสตชนเรียกว่า “บาปต้น” เป็นความบกพร่องหรือนิสัยไม่ดีที่มีอยู่ในตัวเรา ซึ่งยากที่จะแก้ไข บางทีก็เรียกว่า “พยศชั่ว” คือยากที่จะปราบ มันจะนำเราไปทำบาปที่สำคัญในข้อหนักต่อไป เมื่อเรามีพยศชั่วเหล่านี้ จึงควรขจัดออกจากชีวิตเรา
1) จองหอง
2) ตระหนี่ (โลภ)
3) อิจฉา
4) โมโห (โกรธ)
5) โลภอาหาร (ตะกละ)
6) อุลามก
7) เกียจคร้าน
หากสรุปว่าบาปคืออะไร ก็อาจกล่าวได้ว่าบาปคือการทำผิดต่อความรักของพระเป็นเจ้า และความรักที่เราควรมีต่อเพื่อนพี่น้องทุกคน เราอาจทำบาปได้ 5 ทางคือ
1) ทางความคิด
2) ทางวาจา
3) ทางกิจการ
4) ทางความปรารถนา
5) ทางการละเลย
ทัศนะเกี่ยวกับรูปเคารพ
ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมีรูปเคารพ มิใช่เชื่อเรื่องความขลัง ศักดิ์สิทธ์ในตัวพระรูปนั้น แต่มีไว้เพื่อช่วยเหลือเรา มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในโลกแห่งผัสสะ เราอาศัยรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ตามอยาตนะทั้ง 5 เพื่อสื่อความในใจ ความรู้สึก ความรักที่เราแสดงออกมาภายนอก บทความต่อไปนี้ แสดงให้เราเห็นถึงความเข้าใจเรื่องรูปเหมือนของพระที่คาทอลิกมีอยู่ในเวลา ประกอบพิธีกรรมหรือสวดภาวนา
ที่มา หนังสือความเชื่ออันเป็นชีวิต - คุณพ่อพงษ์เทพ ประมวลพร้อม