เอกลักษณ์ของสถาบันการศึกษาคาทอลิก
ปัญหาการศึกษาทางศาสนาและการอบรมความเชื่อแก่ชนรุ่นต่อไปของชาวคาทอลิกในประเทศสหรัฐอเมริกาคือ หัวข้อที่สมเด็จพระสันตะปาปาประทานข้อสังเกตแก่บรรดาพระคาร์ดินัลและสังฆราช จากการประชุมสภาพระสังฆราชของสหรัฐอเมริกา (Regions X-XIII) ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการเข้าเฝ้าพระองค์เพื่อถวายรายงาน
สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสกับกลุ่มที่พูดภาษาอังกฤษ ทรงเริ่มว่า “เราทราบ "ความก้าวหน้าอย่างมากในปีที่ผ่านมาว่ามีการปรับปรุงการสอนคำสอน ทบทวนเนื้อหา และนำไปอบรมให้สอดคล้องกับหนังสือคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก" นอกจากนี้ เราขอชมเชยความพยายามอย่างสัตย์ซื่อ "ที่จะรักษามรดกอันยิ่งใหญ่ของโรงเรียนคาทอลิกระดับประถมและระดับมัธยมปลายของอเมริกา ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากจากจำนวนประชากรที่เปลี่ยนแปลงและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ในเวลาเดียวกัน เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกครอบครัวไม่ว่าจะมีฐานะทางการเงินอย่างไรก็ตามสามารถเข้าถึงการศึกษาที่ยังดำเนินการอยู่ได้ "
"ส่วนระดับการศึกษาระดับสูงนั้น หลายท่านตระหนักมากขึ้น ในส่วนของวิทยาลัยคาทอลิกและมหาวิทยาลัยคาทอลิกว่าต้องยืนยันถึงเอกลักษณ์อย่างซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ของการก่อตั้งสถาบัน และภารกิจของพระศาสนจักรในการรับใช้พระวรสาร. อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายสิ่งต้องทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องพื้นฐานเช่นนั้นต้องสอดคล้องกับอำนาจตามกฎหมายพระศาสนจักร มาตรา 812 สำหรับบุคคลที่สอนหลักเทววิทยา. บรรทัดฐานตามกฎหมายพระศาสนจักรเป็นการแสดงออกที่จับต้องได้ประการหนึ่งของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความเป็นปึกแผ่นของงานแพร่ธรรมด้านการศึกษาของพระศาสนจักร สิ่งที่เราพิจารณามากกว่าคือ ความสับสนที่เกิดจากกรณีของความบาดหมางระหว่างผู้แทนของสถาบันการศึกษาคาทอลิกกับภาวะผู้นำด้านงานอภิบาลของพระศาสนจักร เพราะข้อบาดหมางกันดังกล่าวเป็นอันตรายต่อพยานของพระศาสนจักร และจากประสบการณ์ที่เห็นได้,เป็นการหาประโยชน์ส่วนตัวเพื่อประนีประนอมระหว่างสิทธิอำนาจกับเสรีภาพ
พระสันตะปาปาตรัสเสริมว่า "ไม่ได้กล่าวเกินความจริงเลยว่า ประชาคมคาทอลิกในประเทศของพวกท่านกำลังถูกท้าทายให้จัดอบรมความเชื่อแก่คนหนุ่มสาว"
"ก่อนอื่น เท่าที่เราทราบกันว่า งานที่สำคัญของการศึกษาที่แท้จริงนั้น ... ไม่ได้เป็นเพียงการถ่ายทอดความรู้ แต่เป็นการอบรมจิตใจ. นี่เป็นความต้องการอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเรืองปัญญาในการสื่อสาร ...พระศาสนจักรจะมีความเชื่อที่สมบูรณ์ได้เมื่อมีการอบรมวัยรุ่นเรื่องความรักของพระเจ้า การนำศีลธรรมแบบคริสต์และชีวิตศักดิ์สิทธิ์มาประยุกต์ใช้ ด้วยการปลูกฝังเรื่องการภาวนาส่วนบุคคลและส่วนรวม"
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงอธิบายว่า "ปัญหาเอกลักษณ์ของคาทอลิก ไม่เพียงแต่ระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ต้องทำสิ่งที่มากกว่าการคำสอนทางศาสนาหรือการมีจิตตาภิบาลในวิทยาเขต บ่อยครั้งโรงเรียนคาทอลิกและวิทยาลัยคาทอลิกล้มเหลวที่จะท้าทายให้นักเรียนปรับความเชื่อของพวกเขาให้เป็นส่วนหนึ่งของการค้นพบทางปัญญาที่น่าตื่นเต้น ที่สำคัญต่อการศึกษาระดับสูง.
ความจริง นักศึกษาใหม่จำนวนมากมายพบว่า ตัวเองแยกตัวจากครอบครัวโรงเรียนและระบบสนับสนุนชุมชน ที่ก่อนหน้านี้สถาบันเหล่านี้ที่เคยอำนวยความสะดวกต่อการถ่ายทอดความเชื่ออย่างต่อเนื่อง ควรได้รับการสนับสนุนให้สร้างความกลมกลืนระหว่างความเชื่อกับเหตุผล สามารถชี้แนะพวกเขาเรียนรู้และปฏิบัติคุณธรรมตลอดชีวิต ...ด้วยเหตุนี้ ความเชื่อเรียกร้องการกลับใจอย่างสม่ำเสมอเพื่อไปสู่ความจริงบริบูรณ์ที่พระคริสตเจ้าทรงเผยแสดง.... คริสตชนมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ ซึ่งเคยสถาปนามหาวิทยาลัยในยุคกลาง มั่นใจว่า พระเจ้า เดียวทรงเป็นแหล่งที่มาของความจริงและความดี เช่นเดียวกัน เป็นที่มาของความปรารถนาที่หลงใหลของสติปัญญา ที่จะรู้และโหยหาที่จะกระทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จในความรัก
"อาศัยความเข้าใจนี้ เราปรารถนาจะมีส่วนในการศึกษาคาทอลิก ซึ่ง"รับใช้ความจริงโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว” โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเมตตาธรรมที่ใช้สติปัญญาที่รู้ว่า การนำคนอื่นไปสู่ความจริงคือการปฏิบัติความรักอย่างสูงสุด. การรู้จักความเชื่อที่เกี่ยวกับเอกภาพที่จำเป็น แล้วยังรู้จักใช้ความเชื่อเพื่อสำนึกถึงสามัคคีธรรมของความเชื่อทั้งหมด เป็นเครื่องป้องกันความแปลกแยก และการแบ่งแยกที่จะเกิดขึ้น เมื่อเลิกใช้เหตุผลจากการแสวงหาความจริงและคุณธรรม ในแง่นี้ สถาบันคาทอลิกมีบทบาทเฉพาะในการช่วยในการเอาชนะวิกฤตของมหาวิทยาลัยต่างๆ ในปัจจุบันนี้ได้ " .