ข้าวละมาน
พระคัมภีร์ มัทธิว 13:24-30
คำแนะนำสำหรับผู้นำ
ผู้แสดง
1. พระเยซูเจ้า
2. ผู้หว่าน
3. ศัตรู
4. คนรับใช้ 1-2
อุปกรณ์ในการแสดง
1. ตะกร้า 2 ใบ
ใจความสำคัญ
ความชั่ว
คำอธิบาย
อุปมาเรื่องนี้ พร้อมกับอุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ด และเรื่องเชื้อแป้ง เป็นที่รู้จักกันดีว่าให้ความมั่นใจอย่างมาก เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากชาวฟาริสีบางคนกล่าวโจมตีพระเยซูเจ้า โดยทางอุปมาต่างๆ พระเยซูเจ้าอธิบายถึงพระอาณาจักรสวรรค์ว่าจะค่อยๆ แผ่ขยายออกไปในโลกได้อย่างไร ในอุปมาเรื่องนี้ ข้าวละมานที่ศัตรูมาหว่านไว้เป็นคำสาปแช่ง ข้าวละมานซึ่งมีความคล้ายคลึงกับข้าวสาลีเมื่อเริ่มงอก พระเยซูเจ้าทรงอธิบายว่าคนดี บุตรของพระเจ้า และคนบาป บุตรของซาตาน อาศัยอยู่ร่วมกันในโลก การแยกคนดีและคนชั่วจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะสิ้นโลก แม้พระเยซูเจ้าเองยังทรงคบหาสมาคมกับคนเก็บภาษีและคนบาป บรรดาศิษย์ของพระองค์จึงไม่ควรกีดกันคนบาปออกไปจากศาสนบริการของพวกเขา หรือแม้แต่ตัดสินพวกเขา แต่เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง พระเยซูเจ้าจะทรงแยกผู้ไม่เป็นทุกข์ถึงบาปออกไปจากบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์
ลักษณะเด่นเพื่ออภิปราย
ทำไมพระเจ้าจึงไม่ทรงลงโทษคนชั่วทุกคนในโลกนี้
จะช่วยคนบาปให้กลับใจได้อย่างไร
ทัศนของคริสตชนที่มีต่อคนบาป
คำอธิบายอุปมาเรื่องข้าวละมานที่อยู่ในพระวรสารนักบุญมัทธิว 13:36-43
พระเยซูเจ้า อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับชายคนหนึ่งที่หว่านข้าวพันธุ์ดีในนาของตน
(ผู้หว่านเข้ามา ทำท่าหว่านเมล็ดพืชจากตะกร้า คนรับใช้ 1-2 เข้ามา ทุกคนเหยียดตัวลงนอน ทำท่าหาว และนอนหลับ)
พระเยซูเจ้า คืนหนึ่ง ขณะที่ทุกคนนอนหลับ ศัตรูก็เข้ามาหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลี แล้วจากไป
(ศัตรูเข้ามา ทำท่าหว่านเมล็ดพืชจากตะกร้า ในที่เดียวกับผู้หว่านได้หว่านไว้ แล้วออกไป)
พระเยซูเจ้า เมื่อต้นข้าวงอกขึ้นจนออกรวง ข้าวละมานก็ปรากฏแซมอยู่ด้วย บรรดาผู้รับใช้ทราบดีว่าปัญหาเกิดขึ้นแล้ว
ผู้รับใช้ 1 (พูดกับผู้หว่าน)
นายครับ นายหว่านข้าวพันธุ์ดีในนามิใช่หรือ แล้วข้าวละมานมาจากที่ใดเล่า
ผู้หว่าน ศัตรูมาหว่านไว้
ผู้รับใช้ 2 นายต้องการให้เราไปถอนมันไหม
ผู้หว่าน อย่าเลย เพราะว่าเมื่อท่านถอนข้าวละมาน ท่านจะถอนข้าวสาลีติดมาด้วย
ผู้รับใช้ 1-2 ท่านพูดถูกทีเดียว
ผู้หว่าน จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว แล้วฉันจะบอกคนเก็บเกี่ยวว่า “จงเก็บข้าวละมานก่อน มัดเป็นฟ่อน เผาไฟเสีย ส่วนข้าวสาลีนั้น จงเก็บเข้ายุ้งของฉัน
คนรับใช้ 1-2 เป็นความคิดที่ดีมากเลยครับ