14. จงปล่อยประชาชนของเราเป็นอิสระ
ต่อมา โมเสสและอาโรนไปเฝ้าพระเจ้าฟาโรห์ทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ จงปล่อยประชากรของเราไปจัดงานเลี้ยงฉลองเป็นเกียรติแก่เราในถิ่นทุรกันดาร” พระเจ้าฟาโรห์ตรัสว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นใครเล่า เราจึงต้องเชื่อฟังและปล่อยชาวอิสราเอลไป เราไม่รู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าและจะไม่ปล่อยอิสราเอล เราจะให้พวกเขาทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อเขาจะได้ทำงานแทนที่จะไปคอยฟังคำหลอกลวง”
ชาวอิสราเอลคร่ำครวญถึงภาระอันหนักที่เขาต้องแบกรับในครั้งนั้น โมเสสได้กลับไปหาพระเจ้าและพระองค์ได้สัญญากับเขาว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เรา ได้สำแดงตนแก่อับราฮัม อิสอัคและยาโคบว่า เราคือพระผู้ทรงสรรพานุภาพ ”เอล ชัดดาย (พระผู้ทรงสรรพานุภาพ)” แต่เราไม่ได้ให้เขารู้จักว่านามของเราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราจะนำเจ้าออกจากอียิปต์ เราจะรับเจ้าเป็นประชากรของเรา เจ้าจงจำไว้เสมอว่าเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะนำพวกเจ้าเข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราได้สัญญาไว้ว่าเราจะให้แก่อับราฮัม แก่อิสอัคและแก่ยาโคบ เรายกแผ่นดินนั้นให้แก่เจ้า ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอด”
พระเจ้าทำให้พระเจ้าฟาโรห์ได้รู้ถึงอำนาจของพระองค์ โดยให้เกิดภัยพิบัติ 9 ประการ คือ น้ำกลายเป็นเลือด ฝูงกบ ฝูงยุง ฝูงเหลือบ ฝูงสัตว์ของชาวอียิปต์ล้มตาย ฝีร้าย ลูกเห็บ ฝูงตั๊กแตน ความมืดสามวัน พระเจ้าฟาโรห์ทราบดีถึงสาเหตุของความวิบัติครั้งนี้ เป็นเวลาสองถึงสามครั้งพระองค์แกล้งทำเป็นว่าพระองค์จะปล่อยให้ชาวอิสราเอลเป็นอิสระจากการเป็นทาส แต่เมื่อโรคระบาดสงบลงพระองค์ก็ผิดคำสัญญาอีก (อพย 5-11)