บทที่ 2
พระเยซูเจ้าองค์พระผู้ไถ่ : พระพรสำหรับเอเซีย
พระพรแห่งความเชื่อ
10. ในขณะที่การประชุมสมัชชาแบ่งปันสภาพที่ค่อนข้างสับสนของเอเซีย ก็เป็นที่ปรากฏชัดเจนว่า บทบาทอันประเสริฐยิ่งของพระศาสนจักรต่อประชาชนในเอเซียก็คือ การประกาศพระเยซูคริสตเจ้า พระเป็นเจ้าแท้และมนุษย์แท้ พระผู้ไถ่กู้แต่เพียงพระองค์เดียวของมวลมนุษย์ สิ่งที่ทำให้พระศาสนจักรแตกต่างไปจากศาสนาอื่นๆ ก็คือ ความเชื่อในองค์พระเยซูคริสตเจ้า และพระศาสนจักรไม่สามารถจะซ่อนแสงสว่างอันทรงคุณค่านี้ไว้ใต้ตะกร้า (ดู มธ.5:15) เหตุว่า พันธกิจของพระศาสนจักรก็คือ การแบ่งปันแสงสว่างนี้ให้กับทุกคน “พระศาสนจักรปรารถนาที่มอบชีวิตใหม่ที่ได้พบในพระเยซูคริสตเจ้า ให้แก่ประชากรทั้งหลายในเอเซีย ในขณะที่เขาแสวงหาชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เพื่อทุกคนจะได้มีความสัมพันธ์เช่นเดียวกันกับพระบิดา และพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระองค์ ในพระอานุภาพของพระจิต” ความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้านี้เอง ที่เป็นสิ่งดลบันดาลการแพร่พระวรสารในเอเซีย ซึ่งมักจะกระทำได้ในสภาพที่ยากลำบากและเสี่ยงต่ออันตราย บรรดาสมาชิกของสมัชชาได้ตั้งข้อสังเกตว่า การประกาศว่าพระเยซูเจ้า ทรงเป็นพระผู้ไถ่แต่พระองค์เดียว อาจก่อให้เกิดความยากลำบากในแต่ละวัฒนธรรมของท่าน เมื่อมาคำนึงว่าศาสนาหลายศาสนาในเอเซีย สอนว่าการสำแดงออกของพระเจ้า ว่าเป็นการวอนขอความรอด แต่แทนที่จะเป็นเหตุผลให้พวกท่านหมดกำลังใจ บรรดาสมาชิกของสมัชชากลับเห็นว่า ปัญหาท้าทายต่างๆ ที่ท่านต้องเผชิญเพื่อพระวรสาร กลับเป็นการกระตุ้นให้พวกท่านพยายามถ่ายทอด “ความเชื่อซึ่งพระศาสนจักรในเอเซียได้รับมาจากบรรดาอัครสาวก และมีส่วนร่วมกับพระศาสนจักรทุกยุคทุกสมัยและทุกสถานที่” อันที่จริง ท่านกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “หัวใจของพระศาสนจักรในเอเซียจะหยุดนิ่งไม่ได้ จนกว่าชาวเอเซียทั้งหมดได้พักผ่อนภายใต้ร่มแห่งสันติของพระ- คริสตเจ้า พระผู้ทรงกลับคืนพระชนม์
ความเชื่อของพระศาสนจักรคือพระพรที่ได้รับมา และเป็นพระพรที่จะต้องแบ่งปัน เป็นพระพรอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระศาสนจักรสามารถจะมอบให้แก่ทวีปเอเซียได้ การแบ่งปันความจริงของพระเยซูคริสตเจ้ากับผู้อื่นนั้น ถือว่าเป็นหน้าที่อันสูงส่งของบรรดาผู้ที่ได้รับความเชื่อ ในสมณ-สาสน์ของข้าพเจ้า เรื่อง “พระพันธกิจขององค์พระผู้ไถ่” ข้าพเจ้าเขียนไว้ว่า “พระศาสนจักร และคริสตชนแต่ละคนในพระศาสนจักร ไม่มีสิทธิที่จะซ่อนทรัพย์สมบัติใหม่ที่ได้รับจากน้ำพระทัยอันกว้างขวางของพระเป็นเจ้า เพื่อถ่ายถอดให้มวลมนุษย์ชาตินี้ ไว้เฉพาะตัวเองได้” ในจดหมายฉบับเดียวกันนั้น ข้าพเจ้าได้เขียนไว้ว่า “ผู้ที่มารวมอยู่ในพระศาสนจักรคาทอลิก ควรสำนึกในเกียรติยศนี้ และด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมีหน้าที่เป็นสักขีพยานแห่งความเชื่อและชีวิตคริสตชน เป็นการให้บริการแก่พี่น้องชายหญิง และเป็นการตอบสนองต่อพระเป็นเจ้าอย่างเหมาะสมยิ่ง”
บรรดาสมาชิกของสมัชชามีความเชื่อมั่นในเรื่องนี้มาก ในขณะเดียวกัน ท่านก็คำนึงถึงภาระเฉพาะตนของพวกท่าน ในความพยายามที่จะเข้าใจถึงสถานการณ์ อาศัยการศึกษา การอธิษฐานภาวนา และการรำพึงถึงความจริงอันไม่มีขอบเขตแห่งกาลเวลาของพระเยซูเจ้า เพื่อจะนำเอาพลังและชีวิตชีวาแห่งความเชื่อนี้มาใช้ในการแพร่พระวรสารในเอเซีย ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต