บทที่ 7
เป็นสักขีพยานให้แก่พระวรสาร
พระศาสนจักรที่เป็นสักขีพยาน
42. สภาพระสังคายนาวาติกันที่ 2 สอนอย่างชัดเจนว่า พระศาสนจักรทั้งหมดล้วนเป็นธรรมทูต และการแพร่ธรรมนั้น เป็นภารกิจของประชากรของพระเป็นเจ้าทั้งหมด ในเมื่อประชากรของพระเป็นเจ้าได้ถูกส่งให้ไปประกาศพระวรสาร จึงมิใช่ภารกิจของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือภารกิจที่กระทำเพียงคนเดียว แต่ต้องเป็นงานของพระศาสนจักร ซึ่งจะต้องกระทำร่วมกับกลุ่มผู้มีความเชื่อทั้งหมด พันธกิจนั้นเป็นหนึ่งเดียวและจะแบ่งแยกกันไม่ได้ มีต้นกำเนิดและจุดหมายปลายทางหนึ่งเดียวกัน แต่มีความรับผิดชอบและภารกิจที่แตกต่างกันในทุกกรณีจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า จะประกาศพระวรสารอย่างแท้จริงไม่ได้หากคริสตชนมิได้ดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานที่สอดคล้องกับสิ่งที่เขาเทศน์ “รูปแบบแรกของการเป็นสักขีพยานก็คือชีวิตของธรรมทูต ของครอบครัวคริสตชนและกลุ่มพระศาสนจักรนั่นเอง ซึ่งเผยถึงวิธีการดำเนินชีวิตแบบใหม่ ทุกๆ คนในพระศาสนจักรที่พยายามเลียนแบบพระอาจารย์เจ้า สามารถและจำเป็นต้องเป็นประจักษ์พยานแบบนี้ในหลายกรณี นับเป็นวิธีเดียวที่เราอาจเป็นธรรมทูตได้ การเป็นสักขีพยานแบบคริสตชนอย่างแท้จริงเป็นความต้องการที่เร่งด่วน โดยเฉพาะในปัจจุบัน เหตุว่า “ประชาชนในปัจจุบันเชื่อมั่นในการเป็นประจักษ์พยานมากกว่าผู้สอน ในประสบการณ์มากกว่าการสอน และในชีวิตมากกว่าในทฤษฎี” ซึ่งนับว่าเป็นจริงในบริบทของเอเซีย ประชาชนได้รับความประทับใจในชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์มากกว่าการใช้เหตุผลในด้านสติปัญญา ประสบการณ์แห่งความเชื่อและพระพรของพระจิตเจ้า จึงกลายเป็นฐานของงานแพร่ธรรมทั้งหลาย ทั้งในเมืองและในชนบท ในโรงเรียนและในโรงพยาบาล ในท่ามกลางคนพิการผู้ย้ายถิ่นฐานและชนเผ่าต่างๆ หรือในการแสวงหาความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ทุกสถานการณ์คือโอกาสให้คริสตชนสำแดงออกถึงพลังซึ่งความจริงของพระเยซูเจ้าเข้ามามีบทบาทในชีวิตของพวกเขา ดังนั้นอาศัยการดลใจจากธรรมทูตจำนวนมากมาย ผู้เป็นสักขีพยานที่กล้าหาญถึงความรักของพระเป็นเจ้าในท่ามกลางประชาชนชาวเอเซียในอดีต พระศาสนจักรในเอเซียจึงพยายามที่จะเป็นสักขีพยานที่ไม่ด้อยไปกว่ากัน ให้แด่พระเยซูคริสตเจ้าและพระวรสารของพระองค์ พันธกิจคริสตชนย่อมไม่เรียกร้องสิ่งใดที่น้อยไปกว่านี้เลย
ด้วยความสำนึกถึงเอกลักษณ์อันสำคัญของพระศาสนจักรในการเป็นผู้แพร่ธรรมนี้ และการเสาะหาหนทางใหม่แห่งการหลั่งพระพรของพระจิตเจ้า ในขณะที่พระศาสนจักรก้าวสู่สหัสวรรษใหม่ บรรดาพระ-สังฆราชผู้ร่วมประชุม ขอร้องให้สมณสาสน์หลังการประชุมสมัชชา ได้ชี้แนะและให้แนวทาง สำหรับผู้ที่กำลังกระทำการแพร่พระวรสารอยู่ในเอเซีย ซึ่งมีเนื้อที่อันกว้างไกล