พระวจนาถต์ (The Word)
พระบุตรหรือพระปรีชาญาณของพระเจ้าซึ่งทรงดำรงอยู่กับพระเจ้าตั้งแต่นิรันดร ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ คือ พระเยซูเจ้า เพื่อทรงเผยแสดงความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าให้มนุษย์รู้จัก
1. พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้าก่อนที่จะทรงเนรมิตสร้างโลก (ยน. 1.1-18) พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้าก่อนที่จะทรงเนรมิตสร้างโลก (ปชญ. 7.22 สภษ. 8.22) พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างทุกสิ่งด้วยพระวจนาตถ์
2. พระวจนาตถ์เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาในโลก เพื่อเปิดเผยแผนการไถ่กุ้ของพระองค์ พระวจนาตถ์กลับไปหาพระบิดาเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ (สภษ. 8.22-36 /ปชญ. 9.9-12/บสร. 24.3-22/ อสย.55.10.11)
3. พระวจนาตถ์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ประกาศ "ข่าวดีเรื่องความรอดพ้น" (ยน. 1.33) ให้โลกรู้
4. พระเยซูเจ้าทรงเป็น "พระวาจาทรงชีวิต" พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ประกาศคำสอนแทนพระบิดา และเป็นผู้ไถ่บาปของมนุษย์ทั้งหลายด้วยชีวิตของพระองค์เอง เพื่อให้มนุษย์พ้นจากบาปกำเนิดจนเข้าถึงพระเจ้าหรือชีวิตนิรันดร
5.พระบุตรของพระเจ้า ที่พระเจ้าทรงบันดาลให้แผนการไถ่กู้มนุษย์ได้สำเร็จเมื่อพระบุตร ทรงรับสภาพมนุษย์ ทรงเป็นบุคคลกลางและเป็น "ถ้อยคำ"การเผยแสดงที่สมบูรณ์ ที่พระเจ้า "ได้ตรัสแก่เราทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมกันเป็นครั้งเดียวในพระวาจาหนึ่งเดียวนั้น" (นักบุญยอห์น แห่งไม้กางเขน)
6.พระวจนาตถ์ที่ประกอบด้วย "พระหรรษทานและความจริง" เป็นการเผยแสดงพระเจ้าให้มนุษย์รู้จักมากกว่ามนุษย์อื่นๆ ( อพย. 34.6 / ฮชย. 2.16-22)
7.การบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระวจนาตถ์ ทำให้พระเจ้าประทับอยู่กับมนุษย์อย่างที่เราแลเห็นได้ ไม่น่ากลัวและมองไม่เห็นดังที่บรรยายในพันธสัญญาเดิม (อพย. 25.8 /กดว. 35.34 / บสร. 24.7-22/บรค. 3.36-4.4)
นักบุญแบร์นาร์ดแห่งแคร์โวซ์ เขียนว่า "พระเจ้าไม่สามารถเป็นทุกข์ได้ แต่พระองค์สามารถร่วมเป็นทุกข์ด้วยได้" นั่นคือ พระเยซูเจ้าทรงร่วมทนทุกข์กับมนุษย์ถึงที่สุด คือมีเลือดเนื้อแบบมนุษย์ ดูจากเรื่องราวพระทรมานของพระองค์ (รอดพ้นด้วยความหวัง - สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณเบเนดิกต์ที่ 16)