แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ชาวอิสราเอล (Israel)
    เป็นชนชาติตามพระสัญญา สืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม ซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงกระทำพันธสัญญาด้วย (ปฐก. 17:1-2) ได้รับนามว่า “บุตรหลานของอิสราเอล” เมื่อพระเจ้าทรงเปลี่ยนชื่อ ยาโคบเป็น “อิสราเอล” (ปฐก. 32:23-34)  ดังนั้นชื่อ “อิสราเอล” จึงเป็นทั้งชื่อของยาโคบและชื่อของชนชาติหนึ่งด้วย  พระเจ้าทรงอวยพรยาโคบและมีความผูกพันอยู่กับยาโคบทั้งให้พระสัญญาสืบทอดต่อไปถึงประชากรของพระองค์  จากความจริงพื้นฐานนี้ พระสัญญาของพระเจ้าได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาที่เมืองเชเคม  ชาวอิสราเอล 12 เผ่า(ตระกูล) ซึ่งเกิดจากยาโคบจึงได้มีการจัดตั้งถิ่นฐาน  โดยอาศัยชื่อ “อิสราเอล” นี้ ทายาทของอับราฮัมได้เป็นผู้มีความสัมพันธ์หนึ่งเดียวกับพันธสัญญาของพระเจ้าอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น (อพย. 19:3-4; ยชว. 24) 

ในระหว่างเวลาที่ 10 เผ่าทางตอนเหนือรวมตัวกันเป็นอาณาจักรอิสราเอล(931-721 ก.ค.ศ.)นั้น ชาวอิสราเอลก็ได้กลายเป็นชนชาติหนึ่งที่มีการปกครองตนเอง  หลังการเป็นเชลยที่บาบิโลนนั่นเอง คำนี้จึงได้เป็นคำที่มีความหมายในทางศาสนาและเป็นคำที่มีความหมายเกี่ยวกับอนาคตของยุคพระเมสสิยาห์ในเวลาที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้แล้ว ด้วยการรับสภาพเป็นมนุษย์ของพระบุตรพระเจ้าคือ พระเยซูคริสตเจ้าอยู่ในตระกูลยูดาห์ ราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิ ด
พระเยซูเจ้าทรงสถาปนาพระศาสนจักรให้เป็น “อิสราเอลใหม่” ให้ได้ชื่นชมพระสัญญา   พระสิริรุ่งโรจน์และการได้เป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้า (รม. 9:3-18, 2 คร. 3:18)   อิสราเอลใหม่จะปรากฏเมื่อชาวยิวได้รวมกับชาวต่างชาติเป็นพระศาสนจักร (รม. 11:25-29)
    สภาสังคายนาวาติกันที่ 2  ประกาศว่า “ชาวอิสราเอล ในฐานะเป็นคนมีเนื้อหนัง คราวระเหเร่ร่อนอยู่ในทะเลทราย” ยังได้ชื่อว่า เป็นพระศาสนจักรของพระเจ้า (เทียบ กดว. 20:4, ฉธบ. 23:1) ในทำนองเดียวกัน อิสราเอลใหม่ที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าในโลกปัจจุบันนี้ เพื่อแสวงหานครอันถาวรที่จะเกิดขึ้น (เทียบ ฮบ. 13:14)  ก็ได้ชื่อว่า เป็นพระศาสนจักรของพระคริสตเจ้า (เทียบ มธ. 16:18)  เพราะว่าพระองค์ทรงได้มาด้วยการหลั่งพระโลหิตของพระองค์ (เทียบ กจ. 20:28)  ได้ประทานพระจิตของพระองค์แก่พระศาสนจักร  และทรงจัดเตรียมพระศาสนจักรด้วยวิธีการต่างๆเพื่อให้เหมาะกับความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอันแลเห็นได้ในสังคม และมีบทบาทที่สำคัญในสังคมโลก (เอกสารจากสภาสังคายนาวาติกัน ที่ 2 “พระศาสนจักร” LG 9)
    ตามสถิติ คนยิวมีจำนวน 0.2 % ของคนทั้งโลกเท่านั้น แต่ 20% ของคนที่ได้รับรางวัลโนเบลเป็นคนยิว และ 30% ของศาสตร์อาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกาเป็นคนยิว นี่เป็นผลการสอนลูกในครอบครัว บุคคลสำคัญในการสอนลูกในครอบครัวของคนยิว ก็คือมารดา