แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ash wed re

เทศกาลมหาพรต: เวลาแห่งการเตรียมจิตใจและการฟื้นฟูจิตวิญญาณ

 

เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาพิเศษประจำปีของคริสตชนที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้มีความเชื่อศรัทธาได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงตนเอง และพัฒนาเพิ่มพูนมิตรภาพกับพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เทศกาลนี้มีระยะเวลา 40 วัน (ประกอบด้วย 40 วันธรรมดาและ 6 วันอาทิตย์) โดยจะเริ่มต้นในวันพุธรับเถ้า ช่วงเวลาดังกล่าวระลึกถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงอยู่ในถิ่นทุรกันดาร 40 วันเพื่อจำศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา ก่อนจะทรงเริ่มต้นชีวิตเปิดเผยและพันธกิจของพระองค์

 

แนวปฏิบัติหลัก 3 ประการที่คริสตชนตั้งใจกระทำเป็นพิเศษในระหว่างเทศกาลมหาพรตคือ การอธิษฐานภาวนา การจำศีลอดอาหาร และการทำบุญให้ทาน 

 

การอธิษฐานภาวนา ทำได้โดยการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณอย่างสม่ำเสมอในทุกวันอาทิตย์ หรือสวดสายประคำเป็นประจำ (อย่างน้อยตลอดเทศกาลนี้) 

 

ส่วนการจำศีลอดอาหาร ทำได้โดยการงดเว้นอาหารบางอย่างที่ชอบ เช่น ขนมต่างๆ เป็นต้น หรือลดลักษณะนิสัยที่ไม่ดี เช่น การบ่น การพูดไม่สุภาพ ฯลฯ แม้การจำศีลอดอาหารอาจดูเหมือนไม่ได้พิเศษอะไร แต่แท้จริงแล้วเป็นการภาวนาที่ทรงพลังมาก 

 

นอกจากนี้ยังมีการทำบุญให้ทาน สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การบริจาคเงินสำหรับกิจการเมตตาต่างๆ หรือสละเวลาและความสามารถเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เช่น การเยี่ยมเยียนผู้ป่วยที่เป็นญาติหรือคนรู้จัก การให้ทานนั้นมีผลไม่เพียงแค่การช่วยเหลือผู้อื่น แต่ยังสามารถชดเชยบาปที่เราได้กระทำอีกด้วย

 

เทศกาลมหาพรตเริ่มต้นด้วยวันพุธรับเถ้า ซึ่งเป็นวันที่พระสงฆ์ทำเครื่องหมายกางเขนบนหน้าผากของคริสตชนโดยใช้เถ้าที่ทำมาจากการเผาใบลานแห้งของวันอาทิตย์ใบลานในปีก่อน เพื่อเตือนใจว่าเป็นเวลาแห่งการเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต เถ้าที่รับการเสกแล้วเป็นสัญลักษณ์ของความเสียใจและการไว้ทุกข์ ในวันพุธรับเถ้าและวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ คาทอลิกทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 14 ปีขึ้นไปต้องอดเนื้อ และผู้มีสุขภาพดีระหว่างอายุ 18 ปีถึง 59 ปีบริบูรณ์ต้องจำศีลอดอาหาร (รับประทานอิ่มได้เพียงมื้อเดียว) ยกเว้นผู้ป่วยที่แพทย์กำหนดให้รับประทานอาหารปกติ

 

ก่อนเข้าสู่เทศกาลมหาพรต ในวันอังคารก่อนเริ่มเทศกาลมหาพรต บางแห่งมีประเพณีปฏิบัติฉลองวันคาร์นิวัล คำว่า "คาร์นิวัล" มีความเกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้คือมาจากคำภาษาละติน 'carne' (เนื้อสัตว์) และ 'vale' (ลาก่อน) จึงมีความหมายถึงการอำลาการรับประทานเนื้อสัตว์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้าเทศกาลมหาพรตนั่นเอง

 

สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งในระหว่างเทศกาลมหาพรตคือการไปรับศีลอภัยบาปเป็น เพราะแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น การทูลพระเจ้าด้วยความเสียใจต่อบาปที่ได้ทำด้วยการไปสารภาพบาปจึงเป็นการเริ่มต้นที่ดี เป็นการแสดงออกถึงความพยายามที่จะเป็นอิสระจากบาป และเป็นการเตรียมตัวเพื่อเฉลิมฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าในวันปัสกา

 

เทศกาลมหาพรตสิ้นสุดลงด้วยสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเริ่มต้นด้วยวันอาทิตย์ใบลาน เป็นวันที่ระลึกถึงการเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มของพระเยซูเจ้าอย่างผู้มีชัยชนะ โดยประชาชนนำกิ่งมะกอกเทศมาโบกและวางบนทางเดินคล้ายพรมให้พระองค์ผู้ประทับนั่งบนหลังลาได้เสด็จผ่านไป พิธีในวันอาทิตย์ใบลานเริ่มต้นด้วยการเสกใบลานและสัตบุรุษร่วมขบวนแห่เข้าวัด

 

จุดสูงสุดของสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์คือพิธีกรรมใน 3 วันสุดท้าย หรือที่เรียกว่า "ตรีวาร" นั้นประกอบด้วยวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ (ระลึกถึงการที่พระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายและการตั้งศีลมหาสนิท) วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (ระลึกถึงการทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าบนกางเขน) และวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นคืนตื่นเฝ้าปัสกา (เฉลิมฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า) พิธีกรรมทั้งสามนี้ถือเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแยกกันไม่ได้ และคริสตชนถือเป็นหน้าที่ไปร่วมพิธีกรรมดังกล่าวทั้งสามวันเพื่อให้ได้มีส่วนร่วมกับพระเยซูเจ้าในทุกช่วงเวลาอย่างสมบูรณ์

 

สำหรับคริสตชน เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมจิตใจและฟื้นฟูจิตวิญญาณที่สำคัญ อาศัยการภาวนา การอดอาหาร และการทำบุญให้ทาน เพื่อดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้าอย่างใกล้ชิด เสริมสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ จะได้เตรียมพร้อมรับความชื่นชมยินดีของการกลับคืนชีพร่วมกับพระเยซูเจ้าในเทศกาลปัสกาอย่างสมบูรณ์

 

(ข้อมูลจาก หนังสือครอบครัวบ่อเกิดแห่งความเชื่อ)