13 ธันวาคม
ระลึกถึงนักบุญลูเซีย พรหมจารีและมรณสักขี
(St. Lucy, Virgin & Martyr, memorial)
ตามตำนานที่เล่าขานกันมา นักบุญลูเซียเป็นเด็กสาวเกิดที่เมืองไซราคิวส์ (Syracuse) อยู่บนเกาะซิซิลี ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี วันหนึ่งเธอได้ไปที่สักการสถานของนักบุญอากาธา ที่ คาตาเนีย กับมารดาของเธอ ซึ่งต้องรับความทุกข์ทรมานจากโรคโลหิตไหลไม่หยุด (ที่ไม่สามารถควบคุมได้) ในขณะที่กำลังสวดอยู่ที่สักการสถานนั้น มารดาของเธอหายจากโรคอย่างอัศจรรย์ นักบุญลูเซียจึงได้ตัดสินใจสละทรัพย์สมบัติฝ่ายโลกเพื่อไปทำงานรับใช้คนยากคนจน และได้ปฏิญาณว่าจะถือพรหมจรรย์ และยกเลิกการแต่งงานกับชายหนุ่มตระกูลสูงที่เคยกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อจะมอบชีวิตของเธอทั้งครบแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ชายหนุ่มคู่หมั้นหมายโกรธมากที่เธอทำเช่นนี้ จึงได้กล่าวหาเธอต่อหน้ากงสุลโรมันว่าเธอเป็นคริสตชน ซึ่งถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติต่อกฎหมายของจักรวรรดิโรมัน แต่เธอกลับประกาศความเชื่อของเธออย่างกล้าหาญ เธอจึงถูกตัดสินให้รับความทรมานโดยไฟและน้ำมันเดือด เธอยอมรับทรมานแสนสาหัสโดยไม่ถอยหนี และไม่แสดงความอ่อนแอให้ปรากฏเลย เธอกล่าวว่า "พระเจ้าได้ทรงให้ฉันต้องสู้ทนกับสิ่งเหล่านี้ เพื่อปลดปล่อยคริสตชนให้เป็นอิสระจากความกลัวที่จะต้องทุกข์ทรมาน" และแม้เธอจะถูกดาบจ้วงฟันเข้าไปถึงคอหอย แต่เด็กสาวผู้นี้ยังไม่สิ้นลม จนกระทั่งเธอได้รับศีลมหาสนิทสำหรับการเดินทางครั้งสุดท้ายไปสู่สวรรค์ เธอสิ้นชีพในช่วงการเบียดเบียนของจักรพรรดิดิโอเคลเตียน (Diocletian) ในปี ค.ศ. 304
"ฉันเป็นเพียงผู้รับใช้ผู้ยากจนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์เพียงผู้เดียวที่ฉันถวายทุกสิ่งเป็นพลีบูชา
ฉันไม่มีสิ่งใดให้มอบถวายอีกแล้วนอกจากตัวฉันเท่านั้น"
นักบุญลูเซีย
(ถอดความโดย คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ จากหนังสือ The Book of Saints, Text by Victor Hoagland, C.P., The Regina Press, New York)
N.B. มีตำนานอีกแห่งเล่าว่า เมื่อนักบุญลูเซียถูกกล่าวหา ผู้พิพากษาออกคำสั่งให้จับไปขังไว้ในโรงหญิงโสเภณี แต่เธอมีวิธีที่จะรักษาเกียรติของเธอไว้ได้ แล้วนั้น พวกผู้คุมได้รับคำสั่งให้ใช้ไฟเผาหญิงสาว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถฆ่าเธอได้ ตำนานเล่าต่อมาว่า เพื่อทำให้ตัวเธอดูน่าเกลียด เธอจึงควักลูกตาออกมา ซึ่งก็ได้ถูกนำกลับคืนไปสู่ที่เดิมอย่างอัศจรรย์ ดังนั้น นักบุญลูเซียจึงมีชื่อเสียงเป็นพิเศษในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับดวงตาทั้งหลาย
(จาก A Calendar of Saints, โดย James Blentley)