แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

สมโภชนักบุญเปโตร และนักบุญเปาโล อัครสาวก

การเป็นสานุศิษย์ : พยานผู้โดดเด่นสองท่าน 

(Discipleship : two outstanding witnesses)

Peter Paul 1

บทนำ :

 คืนหนึ่งในกลางเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 64 เกิดไฟไหม้ใหญ่ในกรุงโรม ไหม้นาน 1 สัปดาห์ ผลาญเมืองจนราบไปครึ่งเมืองเลยทีเดียว  ประชาชนตั้งข้อกังขาว่าเหตุไฟไหม้อาจจะมาจากจักรพรรดิเนโร (สั่งเผา?) และควรจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ  เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องนี้ จักรพรรดิเนโรรีบตั้งคณะกรรมการขึ้นมา  และมีการสรุปผลอย่างรวดเร็วว่า  พวกคริสตชนซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาใหม่เป็นผู้เผาเมือง  ตั้งแต่นั้น ก็เริ่มการเบียดเบียนคริสตชนอย่างรุนแรง  การเป็นคริสตชนถือเป็นคนเถื่อน นอกกฎหมาย  ใครประกาศพระนามพระเยซูเจ้าจะต้องรับโทษถึงตาย  และผู้นำกลุ่มนอกกฎหมาย 2 คน จึงถูกเบียดเบียนในสมัยของจักรพรรดิเนโรนี้เอง  ซึ่งก็คือ นักบุญเปโตร และ นักบุญเปาโล นั่นเอง

 

นักบุญเปโตร, ผู้นำ (Peter, the leader)

 

 ผู้นิพนธ์พระวรสารทั้ง 4 เขียนพระวรสารหลังจากการตายของนักบุญเปโตร  พวกเขาทุกคนยอมรับรู้บทบาทพิเศษที่ท่านมีตั้งแต่ในสมัยพระเยซูเจ้ายังทรงพระชนมชีพ  ในพระวรสารฉบับแรก นักบุญมาระโกได้เอ่ยชื่อ นักบุญเปโตรเป็นชื่อแรกที่ถูกเรียกโดยพระเยซูเจ้า  แม้พระเยซูเจ้าทรงมาจากนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี  แต่พระองค์ทรงกำหนดให้เมืองคาเปอรนาอุมที่อยู่ริมทะเลสาบเป็นจุดศูนย์กลางในการประกาศพระวรสารช่วงต้น และที่มั่นพันธกิจของพระองค์ตอนแรกนั้นทรงใช้บ้านของนักบุญเปโตรเป็นศูนย์กลาง   เป็นบ้านหลังเดียวกับที่ทรงรักษาแม่ยายของนักบุญเปโตรให้หายนั่นเอง  เรือของนักบุญเปโตรถูกใช้เป็นเหมือนธรรมาสน์ของพระเยซูเจ้า  แม้แต่ชื่อนักบุญเปโตรเองพระเยซูเจ้าก็ทรงตั้งให้

 

 พระวรสารทั้งสี่ฉบับมองว่านักบุญเปโตรเป็นโฆษกประจำคณะอัครสาวก  ท่านได้แสดงอย่างเด่นชัดถึงคุณลักษณะที่ทำในนามของคนอื่นๆ  ท่านไม่ใช่รูปแบบตัวอย่างสินค้าที่ผิดไม่ได้  แต่เป็นผู้ซึ่งทราบดีในความบาปของตน  และทราบดีด้วยว่าพลานุภาพของพระเจ้าทรงทำงานในองค์พระเยซูเจ้า

Peter Paul 2

 ในพระวรสารของวันนี้ นำมาจากของนักบุญมัทธิว พูดถึงคำประกาศที่มีชื่อเสียงของท่านต่อพระเยซูเจ้า  พระศาสนจักรถูกมองว่าได้ถูกสร้างขึ้นมาบนคำประกาศยืนยันของนักบุญเปโตร  ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเปิดเผยให้ท่านรู้ได้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นใคร  แต่ในพระวรสารไม่ได้เล่าเพียงเรื่องที่นักบุญเปโตรประกาศยืนยันถึงพระเยซูเจ้าเท่านั้น  ยังเล่าเรื่องที่ท่านปฏิเสธพระองค์ด้วย  แต่ที่สำคัญคือว่าทำไมท่านทำทั้งสองอย่างแล้วยังสามารถคงความเป็น "ศิลา" อยู่ได้ อาจเป็นไปได้ที่ท่านใช้บทเรียนแห่งความล้มเหลว ของท่านให้เป็นแหล่งพลังที่เข้มแข็งให้กับคนอื่นๆ  ภายหลังการกลับคืนพระชนมชีพเราเห็นได้ว่า เพราะความรักของท่านที่มีต่อพระคริสตเจ้าทำให้ท่านสามารถเป็นหัวหน้าผู้เลี้ยงดูประชากรของพระคริสตเจ้าได้

 

 เป็นนักบุญเปโตรซึ่งเป็นหัวหน้าองค์กรของพระศาสนจักรแรกเริ่มหลังการเสด็จมาของพระจิตเจ้า    แม้มีการคัดค้านความคิดของท่านบ้างบางประการ  แต่ท่านก็ได้รับการรับรู้และการยอมรับว่าท่านถูกเลือกมาให้เป็นผู้นำ และเป็นศูนย์กลางของความเป็นหนึ่งเดียวกัน  ทั้งอำนาจของท่าน  และความรักของท่านถูกผนึกในการเป็นพยานที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของท่าน  เมื่อท่านยอมตายเป็นมรณสักขีเพื่อเห็นแก่พระคริสตเจ้า

 

นักบุญเปาโล  ผู้เดินทางประกาศพระวรสาร (Paul, the pilgrim)

 

 ต่างจากนักบุญเปโตร,  นักบุญเปาโลไม่เคยพบพระเยซูเจ้าแห่งนาซาเร็ธ  ไม่มีประสบการณ์เคยเห็นพระเยซูเจ้า  หรือเคยได้ยินพระองค์ทรงเทศน์สอน  หรือเป็นพยานกิจการยิ่งใหญ่ต่างๆของพระองค์  ตรงข้าม  นักบุญเปาโลกลับอุทิศตนที่จะกำจัดผู้ติดตามพระเยซูเจ้าด้วยซ้ำ  ท่านยอมรับเองว่าท่านได้ตกลงใจจะขจัดขบวนการของพระเยซูเจ้าให้สิ้นไป   โดยติดตามจับกุมคริสตชนในที่ต่างๆ  ท่านเป็นผู้คลั่งในลัทธิยิวอย่างมาก   

Peter Paul 3

 สรีระภายนอกของท่านที่บันทึกไว้ในหนังสือ "กิจการของนักบุญเปาโล" (Acts of Paul ≠ ไม่นับเนื่องว่าเป็นพระคัมภีร์) ซึ่งเขียนไว้หลังการตายของท่านประมาณ 100 ปี บอกว่าท่านเป็นคน "ตัวเล็ก" ขาของท่านคดงอ  แต่หนวดเคราเป็นแบบผู้ดี  คิ้วใกล้จะติดกัน  และมีจมูกใหญ่ ท่าทางเป็นคนที่เป็นมิตร (แต่จะเป็นมิตรจริงทั้งหมดหรือเปล่า  บางคนยังอาจสงสัย) หลังกลับใจแล้ว  ท่านใช้พลังขับเคลื่อนทุกอย่างในตัวท่านเพื่อเผยแผ่ข่าวสารของคริสตชน  นักบุญเปาโลได้ขับเคลื่อนที่จะแบ่งปันความจริงที่น่าตื่นเต้นของพระวรสารที่ว่า  ในการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า  พระองค์ได้ทรงทำให้เกิดอิสรภาพกับทุกๆคน

 

 อย่างไรก็ตาม  ข่าวดีของพระวรสารตามมุมมองของนักบุญเปาโลทำให้ท่านเกิดความขัดแย้งกับคนมากมาย  ดูเหมือนท่านมีพรสวรรค์ที่จะทำให้เกิดความโกลาหลในทุกที่ที่ไป  ความพยายามแรกของท่านในการประกาศที่กรุงเยรูซาเล็มเกือบทำให้ท่านถูกฆ่าตาย  และพระศาสนจักรท้องถิ่นที่นั่นต้องรีบเอาท่านออกไปให้เร็วที่สุด  นักบุญลูกาเล่าไว้ในกิจการอัครสาวกว่า หลังจากส่งเปาโลกลับไปเมืองทาร์ซัสแล้ว "พระศาสนจักรทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลี และสะมาเรีย ก็มีความสงบสุข" (กจ 9:31)  เห็นได้ชัดว่า  คุณอยากมีนักบุญเปาโล  หรือคุณอยากมีความสงบสุข  แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีทั้งสองอยู่ด้วยกัน

 

 นักบุญเปาโลเป็นคนฉลาดหลักแหลมและเป็นคนที่ลงมือกระทำด้วย  โดยส่วนตัวท่านคิดโดยผ่านทางของความเชื่อเรื่องสำคัญๆ  และถ่ายทอดพระวรสารออกไปด้วยพลังที่เปี่ยมล้นและด้วยความเฉลียวฉลาด  ท่านมีข้อขัดแย้งกับผู้มีอำนาจทางศาสนา  แม้กระทั่งเคยคัดค้านนักบุญเปโตร "หน้าต่อหน้า"  แต่ท่านไม่เคยสงสัยอำนาจของนักบุญเปโตรที่เป็นผู้นำกลุ่มคริสตชน  ท้ายที่สุดท่านและนักบุญเปโตรได้เป็นพยานสูงสุดต่อพระคริสตเจ้า  โดยการตายเพื่อพระนามของพระองค์

 

บทสรุป :

 ในวันสมโภชนักบุญเปโตร และนักบุญเปาโล  เราสรรเสริญพระเจ้าที่ทรงมอบพระหรรษทานให้พวกท่าน  สำหรับพันธกิจในชีวิตของพระศาสนจักร  ทุกวันนี้พระศาสนจักรยังคงต้องการพระพรที่ต่างกันของพวกท่านและความเป็นหนึ่งเดียวกันในการอุทิศตนของพวกท่าน  คริสตชนทั่วโลกยังคงต้องการรูปแบบของนักบุญเปโตรในการรวบรวมกลุ่มต่างๆ เข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกัน  และเป็นแหล่งรวมของเอกภาพที่มีพลังเข้มแข็ง   และคริสตชนก็ยังคงต้องการรูปแบบของนักบุญเปาโลที่เปี่ยมด้วยไฟรักต่อพระคริสตเจ้า  ผู้ซึ่งสามารถนำความเชื่อและพลังประกาศความเชื่อให้ไปถึงทุกผู้คน

 

 ไม่ว่านักบุญเปโตร หรือนักบุญเปาโลจะจุดไฟเผากรุงโรมของจักรพรรดิเนโรหรือไม่  แต่ที่แน่ๆ ท่านได้จุดไฟที่ไม่มีวันดับให้ลุกโชติช่วงขึ้นในพระศาสนจักรของเรา  ดังนั้น ขอเชิญชวนชาวเราให้สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอไปเทอญ 

 

(คุณพ่อวิชา  หิรัญญการ  เขียนและแก้ไขใหม่เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2018

Based on : Seasons of the Word, by Denis McBride)

Peter Paul 4Peter Paul 5Peter Paul 6Peter Paul 7