สังคมอิสราเอลสมัยพระเยซู
พระเยซูทรงบังเกิดท่ามกลางชนชาติอิสราเอล ทรงเสด็จมาเพื่อให้พระประสงค์ของพระเจ้าของอิสราเอลสำเร็จสมบูรณ์ยิ่งกว่าใครอื่นทั้งสิ้น (ยอห์น ๔:๓๔) ใครก็ตามที่ปรารถนาจะเข้าใจเรื่องของพระองค์จำเป็นต้องเรียนรู้สาเหตุที่พระเยซูทรงต้องต่อสู้กับบรรดาผู้มีอำนาจทางการเมืองและทางสังคมของคนอิสราเอล และต้องเรียนรู้ว่าทำไมจึงทรงต้องถูกประหารทั้งๆ ที่เสด็จมาประกาศข่าวประเสริฐได้สามปีเท่านั้น
เราเรียนรู้สภาพความเป็นไปทางสังคมของอิสราเอลสมัยพระเยซูได้จากเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่มีอยู่จนทุกวันนี้ ในสมัยนั้นผู้มีอำนาจปกครองสูงสุดของอิสราเอลตอนใต้คือปีลาตเจ้าเมืองชาวโรมัน ส่วนทางตอนเหนือคือเฮโรด อันทิพัส ซึ่งอยู่แคว้นกากิลี ปีลาตเป็นเจ้าเมืองชาวโรมันที่ไม่ศรัทธาในศาสนาใดๆประวัติศาสตร์บอกเราว่าปีลาตมีชีวิตอยู่เพื่อสะสมทรัพย์สมบัติและแสวงหาแต่อำนาจ เฮโรดก็เช่นเดียวกันเป็นกษัตริย์ผู้แสวงหาแต่ความสุขสำราญและกดขี่บีบคั้นประชาชนผู้อยู่ใต้อำนาจจักรวรรดิโรมันอย่างเหี้ยมโดยเฉพาะผู้ที่เป็นศัตรูทางการเมืองของตน
ผู้มีอำนาจรองลงมาจากปีลาตในสมัยนั้นคือ พวกมหาปุโรหิต ซึ่งมีหน้าที่ประจำอยู่ในพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม อิสราเอลปกครองโดยระบบสภาซึ่งประกอบด้วยสมาชิกคือ พวกมหาปุโรหิต ธรรมจารย์และพวกผู้ใหญ่ฝ่ายปกครอง คนเหล่านี้เป็นผู้มีอำนาจในอิสราเอล โดยเฉพาะพวกปุโรหิต ถึงแม้ว่าเวลานั้นอิสราเอลตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิโรม แต่จักริพรรดิโรมได้ถ่ายทอดอำนาจให้คนอิสราเอลปกครองกันเอง ผ่านทางสภาดังกล่าว ซึ่งมีพวกมหาปุโรหิตเป็นสมาชิกที่มีอิทธิพลสูงสุด
ในสมัยพระเยซู บรรดาปุโรหิตให้ความสำคัญเรื่องการถวายเครื่องสักการบูชาในพระวิหารของกรุงเยรูซาเล็มเป็นพิเศษ พวกเขาเน้นการปฏิบัติตมธรรมบัญญัติ รวมทั้งการถวายสิบลดของประชาชน เพื่อนำเงินไปซ่อมแซมบำรุงพระวิหาร แต่คนเหล่านี้ไม่สนใจสั่งสอนประชาชนให้เข้าถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า
คนสำคัญอีกกลุ่มหนึ่งในสังคมอิสราเอลคือ พวกฟาริสี นับเป็นพันๆคน ซึ่งมีอำนาจอยู่ในสังคมอิสราเอลสมัยพระเยซู คนเหล่านี้ศึกษาธรรมบัญญัติของโมเสสอย่างลึกซึ้ง พวกเขาเรียนและเน้นการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และดูถูกคนที่ประพฤติต่างไปจากตน
อีกพวกหนึ่งคือสมาชิกพรรคชาตินิยม เป็นพวกที่ต้องการปลดปล่อยประเทศจากการปกครองของจักรวรรดิโรม คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่เกลียดชังคนโรมันที่กดขี่คนอิสราเอล แต่ยังเกลียดชังคนอิสราเอลที่ร่วมมือรับใช้จักรวรรดิโรมด้วย
นอกจากนี้ยังมีบรรดาคนรวยซึ่งแสวงหาแต่ความสุขสำราญให้ตนเองโดยไม่สนใจคนยากจน ในคนกลุ่มนี้มีคนเก็บภาษี ซึ่งเป็นชาวอิสราเอลที่ได้รับอำนาจจากคนโรมันให้เก็บภาษีจากชนชาติเดียวกันพวกเขาเป็นที่เกลียดชังของคนยากจนขาวอิสราเอลซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่สุดและส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา ทำการประมง หรือเป็นช่างไม้ หาเช้ากินค่ำใฝ่ฝันถึงสวรรค์ ถึงพระเจ้าผู้จะเสร็จมาช่วยปล่อยพวกเขาให้พ้น จากความยากจน
กลุ่มสุดท้ายคือคนชั้นล่างสุด เป็นกลุ่มที่น่าสมเพชเวทนาอยู่ในสังคมได้แก่ พวกแม่หม้าย เด็กกำพร้า โสเภณี คนพิการ คนตาบอดหรือคนเจ็บป่วยด้วยโรคร้าย โดยเฉพาะคนโรคเรื้อน เป็นกลุ่มคนที่มีชีวิตอยู่อย่างสิ้นหวัง
ในสมัยดั้งเดิมคนอิสราเอลถือว่าพระเจ้าเป็นศูนย์รวมจิตใจที่ผูกพันพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียวกันแต่ในสมัยพระเยซูความเชื่อเช่นนี้เลือนรางไป เพราะพวกเขาได้รับคำสอนผิดๆ นอกจากนี้ ผู้ปกครองประเทศอย่างเฮโรดและปีลาตก็ไม่สนใจและไม่มีศรัทธาใดๆ มหาปุโรหิตผู้ทำหน้าที่ในพระวิหารก็มุ่งเน้นแต่กฎระเบียบในการถวายเครื่องบูชา ส่วนฟาริสีก็เน้นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ในการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติเช่นการห้ามทำงานในวันสะบาโต ห้ามทานอาหารบางอย่าง การสวดภาวนาตามกฎระเบียบที่กำหนด การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร การถวายเศษหนึ่งส่วนสิบของรายได้ เป็นต้น
พวกสมาชิกพรรคนิยมทำตัว เป็นศัตรูต่อสู้กับคนบางคนพวกเพื่อให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้า คนรวยก็ไม่สนใจความทุกข์ยากของคนจน มีแต่จะแสวงหาทรัพย์สมบัติเพื่อตัวเอง ส่วนคนยากจนเป็นพวกที่ถูกฟาริสีตำหนิว่าเป็นพวกคนบาปไม่สามารถถือรักษาตามธรรมบัญญัติของโมเสสได้
ที่มา: หนังสือชีวิตและคำสอนของพระเยซู