ชีวิตนิรันดร
ยอห์น 5:17-30
พระเยซูตรัสว่า “ผู้ที่ฟังวาจาของเรา และมีความเชื่อในพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา ก็ย่อมมีชีวิตนิรันดร” ยอห์นใช้คำว่าความเชื่อและชีวิตนิรันดรหลายครั้ง นอกจากนี้ ยอห์นยังเน้นว่าความเชื่อนั่นเองคือชีวิตนิรันดร หมายความว่า ชีวิตนิรันดรและความเชื่อเป็นสิ่งที่มาด้วยกัน ทันทีที่เราเชื่อเราก็ได้รับชีวิตนิรันดร ความรอดไม่มีเงื่อนไข เพราะว่าเมื่อไรที่มนุษย์เชื่อในพระเจ้าและชีวิตนิรันดร เมื่อนั้นเราก็ได้รับความรอด
ความรอดเกิดขึ้นทันทีที่เราเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นถ้าใครสักคนบอกเราว่า จงเชื่อในพระเจ้าเมื่อยังมีชีวิตอยู่ เพื่อวันหนึ่งท่านจะได้รับความรอดในสวรรค์ คำพูดอย่างนั้นไม่ถูกต้อง ชีวิตนิรันดรเริ่มทันทีที่เราเชื่อในพระเจ้า ไม่ใช่หลังจากตายไปแล้ว ทันทีที่เราเชื่อในพระเจ้าเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตนิรันดรจะงอกงามและเติบโตขึ้นในจิตใจเรา และพระเจ้าเองจะทรงเป็นผู้หล่อเลี้ยงไม่ให้เมล็ดพันธุ์นั้นเหี่ยวแห้งไป เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตบนพื้นโลกมาถึง เมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อก็จะผลิดอกออกผล ให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าตลอดนิรันดรกาล
เพราะฉะนั้นความเชื่อเองนั่นแหละที่เป็นพระคุณและความรอด ทันทีที่เชื่อเราก็รอด ทันทีที่เชื่อเราก็ได้รับชีวิตนิรันดร เรื่องของโจรที่ถูกตรึงกางเขนพร้อมกับพระเยซูเจ้าในพระวรสารลูกาทำให้เราเข้าใจได้ว่าความเชื่อนั่นเองที่เป็นความรอด เมื่อโจรทูลพระเยซูว่า “ข้าแต่พระเยซู โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระองค์จะเสด็จสู่พระอาณาจักรของพระองค์” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า วันนี้ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์”
ความเชื่อคือความรอด ปัญหาก็คือบางคนยังไม่เข้าใจว่าความเชื่อคืออะไร ความเชื่อคือ การมอบตนเองทั้งหมดไว้ในการทรงนำของพระจิตโดยเฉพาะเมื่อชีวิตดำเนินอยู่ในความมืด มองไม่เห็นหนทาง และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า ความเชื่อเป็นเรื่องยากในแง่ที่เราอยากจะเชื่อในพระเจ้าและชีวิตนิรันดร แต่ทั้งพระเจ้าและชีวิตนิรันดรเป็นสิ่งที่ตามองไม่เห็น มือสัมผัสไม่ได้ ยากที่จะมีใครเชื่อได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ ทำไมหรือ เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราอยากเชื่อ หมายความว่าเมื่อนั้นเราเชื่อแล้ว ความรักและการอภัยก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราอยากรักอยากอภัยก็เท่ากับว่าเรารักและอภัยแล้ว
ความเชื่อ ความรัก และการอภัย ตลอดจนการติดตามพระเยซูอย่างใกล้ชิดเป็นเครื่องหมายของการเป็นศิษย์ของพระเยซู จะต้องระวัง เพราะความมั่นใจนั้นอาจทำให้หลงอวดดี คิดว่าติดตามพระเยซูด้วยตนเอง ลืมไปว่าแท้ที่จริงพระเยซูทรงนำเขา
คนที่รู้ตัวอยู่เสมอว่าตนเองมีจุดอ่อนอยู่มากมาย และอยากจะติดตามพระเยซูต่างจากที่เป็นศิษย์ของพระเยซูอย่างแท้จริง และไม่ว่าจุดอ่อนนั้นจะมีอยู่มากมายแค่ไหน เขาก็สามารถเป็นศิษย์ของพระองค์ได้ และความเชื่อ ความรัก การอภัยเกิดขึ้นในตัวเขาได้ทันทีที่เขารู้สึกอยากเชื่อ อยากรัก และอยากอภัย