เงยหน้าดูพระเยซูเจ้า
กันดารวิถี 21:4-9
“โมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ขึ้นติดไว้ที่เสา ผู้ที่ถูกงูกัดและมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้นก็รอดชีวิต” พระคัมภีร์ตอนนี้ทำให้เราเข้าใจได้ว่า เราเองก็จะได้รับความรอดเหมือนกันหากเราเงยหน้ามองดูพระเยซูเจ้าบนกางเขน บาดแผลที่ปรากฏบนพระกายพระเยซูจะรักษาบาดแผลภายในจิตใจมนุษย์เรา เพราะฉะนั้นสำหรับเราบาดแผลบนพระกายของพระเยซูเจ้าจึงเป็นบาดแผลศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่บาดแผลที่สำแดงถึงการทรยศของมนุษย์เรา
ไม่ว่าบาปของเราจะมากมายหนักหนาแค่ไหน เราต้องเงยหน้ามองดูพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน ตามธรรมดาเมื่อเราอ่อนแรง อ่อนกำลังหรือเศร้าโศก เราจะก้มหน้า คอตก แต่พระเยซูตรัสว่า “เมื่อเหตุการณ์ทั้งปวงนี้เริ่มเกิดขึ้น ท่านทั้งหลายจงยืนตรงเงยหน้าขึ้นเถิด เพราะในไม่ช้าท่านจะได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระแล้ว” (ลก.21:28) ธรรมชาติของเรา เมื่อเราอยู่เฉยๆ ศีรษะของเราจะก้มลงทีละน้อยๆ โดยไม่รู้สึกตัว และคอของเราก็จะตกลงไปเรื่อยๆ เหมือนกับเราตกเป็นทาสของบาปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเราจึงต้องมีสติตั้งมั่นว่าจะเงยหน้าดูพระเยซู มองดูสิ่งต่างๆ ด้วยสายตาที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ การเงยหน้าขึ้นมองดูพระเยซูทำให้เรารู้ว่า คำสอนของพระองค์คือการมุ่งหน้าไปสู่วันพรุ่งนี้ ไปสู่อนาคต ไม่ใช่มองอยู่ที่เดิมหรือที่ผ่านมา
พันธสัญญาเดิมทำให้เราเข้าใจว่ามนุษย์ไม่สามารถเงยหน้าดูพระเจ้าได้ เมื่อไรที่ทำอย่างนั้นก็ต้องตาย เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงให้ทูตสวรรค์เป็นทางเชื่อมมนุษย์กับพระองค์ ทูตสวรรค์เงยหน้ามองดูพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับมนุษย์ในพันธสัญญาเดิมนั้น พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์ผู้เต็มไปด้วยบาปจะเงยหน้ามองดพระองค์ได้ แต่สำหรับพระเยซู พระเจ้าคือพระบิดาผู้ทรงเชื่อมติดสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับพระบุตร พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่แต่ไม่ไกลเกินกว่าจะทรงแตะต้องได้
ความคิดแบบมนุษย์ที่เรามีต่อพระเจ้าทำให้เราเกรงกลัวพระองค์และหยุดยั้งเราไม่ให้ก้าวเดินไปข้างหน้า แต่ถ้าเราคิดและเข้าใจถึงน้ำพระทัยที่เปี่ยมด้วยเมตตาและความรักของพระองค์ เราจะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากความกลัว และจากการเป็นทาสของบาป
อิสรภาพทำให้เราเดินต่อไปได้ เราเดินไปข้างหน้าได้ด้วยการเงยหน้าขึ้นมองดูพระเยซู เรามองเห็นอนาคต และสิ่งใหม่ที่พระเจ้าประทานแก่เราวันต่อวันตลอดนิรันดร แน่นอนบางครั้งเราอาจอยากย้อนเวลากลับไปในอดีตได้ เราคงจะไม่ทำผิดอย่างที่ทำมา แต่ความจริงก็คือเราย้อนเวลาไม่ได้ ที่ทำไปแล้วก็คือทำไปแล้ว แต่เมื่อเราเชื่อว่าพระเจ้าประทานสิ่งใหม่ๆ ให้เราตลอดนิรันดร เราจึงยังมีความหวังรออยู่ข้างหน้า ในวันพรุ่งนี้ในอนาคตตลอดนิรันดร
พรุ่งนี้นั่นแหละ จะรักษาบาดแผลของเรา พรุ่งนี้นั่นแหละจะดีกว่าวันนี้ พรุ่งนี้นั่นแหละที่ทำให้ความทุกข์ยากของวันนี้กลายเป็นความยินดี เราเป็นมนุษย์ของพรุ่งนี้ พระคัมภีร์สอนเราว่าการกลับใจคือการเงยหน้าขึ้นดูพระเจ้า ไม่ใช่ก้มลงมองดูตัวเอง แม้ว่าการทำอย่างนั้นคือจุดเริ่มต้นของการกลับใจ แต่ถ้าเรามัวแต่ก้มหน้ามองดูบาปของตัวเองเราคงจะกลัวและละสายตาของเราจากพระเจ้า แยกตัวออกจากพระองค์
เงยหน้าดูพระเจ้า เงยดูความยิ่งใหญ่ ความเมตตาและความรักของพระองค์ แล้วเราจะเห็นว่าสิ่งที่เราเผชิญอยู่นั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก มีสิ่งสำคัญกว่าความทุกข์ยากที่เราเผชิญอยู่ และบางครั้งความทุกข์และเหตุการณ์ทำให้เราลืมไปว่ามีสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่า และเราต้องยึดไว้ให้มั่นนั่นคือ ความเชื่อของเรา