อย่ากลัวเลย (ลูกา 1:26-38)
คำว่ามนุษย์คนแรกหมายถึง สภาพดั้งเดิมของมนุษย์ ผู้เขียนปฐมกาลเห็นว่าแรกเริ่มเดิมทีนั้นมนุษย์มีบาปและพระเจ้าปรารถนาให้มนุษย์รอดพ้นจากบาปโดยอาศัยพระคัมภีร์ และความกลัวเป็นผลของบาป ที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์
ปฐมกาล 3:10 พระเจ้าตรัสกับมนุษย์หลายต่อหลายครั้งว่า อย่ากลัวเลย อย่ากลัวเลย มนุษย์ไม่สามรถหนีบาปพ้นด้วยตัวเอง ดั้งนั้น เมื่อพระเจ้าตรัสว่า อย่ากลัวเลย พระองค์จึงตรัสต่อไปด้วยว่า พระเจ้าสถิตกับท่าน พระเจ้าหมายความว่าถ้าพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา เราไม่ต้องกลัวบาป เพราะพระองค์ผู้สถิตอยู่ในใจเราจะต่อสู้กับบาปแทนเรา
คำพูดที่ว่า พระเจ้าสถิตกับเรา มีนัยสำคัญ 2 อย่างคือ ถ้าพระเจ้าสถิตกับเรา ทุกสิ่งก็เป็นไปได้สำหรับเรา และในทางกลับกันถ้าพระเจ้าไม่สถิตกับเรา ก็ไม่มีอะไรเป็นไปได้สำหรับเราเช่นกัน
สรุปก็คือ คำพูดที่ว่า พระเจ้าสถิตกับเรา แสดงถึงว่าทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้
ทูตสวรรค์ในพระวรสารของลูกาก็พูดเช่นเดียวกันว่า ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้ นัยสำคัญของการสถิตอยู่ของพระเจ้าคือมนุษย์ยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันมนุษย์ก็ว่างเปล่า เมื่อมนุษย์อยู่กับพระเจ้ามนุษย์ยิ่งใหญ่ เมื่อห่างจากพระเจ้ามนุษย์ว่างเปล่า
ในค่ายกักกันของนาซี คนแข็งแรงตายมากกว่าคนอ่อนแอ เพราะคนอ่อนแอวางใจในพระเจ้า พวกเขาพูดถึงความหวังเมื่อได้รับการปล่อยตัวจากค่ายกักกันว่า อยากใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่กับครอบครัว ทั้งๆที่อยู่ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่เพราะพวกเขามีความหวังอยู่ในใจ พวกเขาจึงดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ มนุษย์ไม่ว่าจะแข็งแรงเพียงใดถ้าไม่มีความหวังก็ยากที่จะมีชีวิตอยู่ได้
นับตั้งแต่ในสมัยพันธสัญญาเดิม เมื่อพระเจ้าจะทรงมอบภาระหน้าที่พิเศษให้ใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ พระองค์ก็มักจะตรัสต่อไปว่า อย่ากลัวเลย และก่อนที่พระเยซูเจ้าองค์พระผู้ช่วยจะทรงถือกำเนิด พระเจ้าตรัสกับพระนางมารย์เช่นเดียวกันว่า อย่ากลัวเลย
ทำไมพระเยซูเจ้าจึงตรัสเช่นนี้อยู่เสมอ มีเรื่องเล่าอยู่สี่เรื่องในปฐมกาล คือเรื่องของอาดัมกับเอวา คาอินกับอาแบล โนอาห์และหอบาแบล แต่ละเรื่องล้วนแสดงถึง ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับบาป โดยเฉพาะปฐมกาล นั้นเห็นได้ว่า ผู้เขียนต้องการให้เราเข้าใจว่าเมื่อมนุษย์คนแรกทำบาป กิจการชั่วของเขามีผลสืบเนื่องถ่ายทอดถึงทุกคน มนุษย์คนแรกซึ่งหมายถึง สภาพดั้งเดิมของมนุษย์ ตกอยู่ในความทุกข์ยากและความกลัวที่เป็นผลจากบาปที่ตนกระทำ อาดัมกับเอวาทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็เกรงกลัว เพราะข้าพระองค์เปลือยกายอยู่จึงได้ซ่อนตัวเสีย ” (ปฐก 3:10 )
พระคัมภีร์เป็นคำบอกเล่าอันยิ่งใหญ่ซึ่งช่วยมนุษย์ที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากของบาปให้รู้ว่า จะรอดพ้นจากบาปได้อย่างไร พระเจ้าทรงสอนว่า เราไม่ต้องกลัวอะไรเลย เมื่อพระเจ้าตรัสว่า “อย่ากลัวเลย” ขณะเดียวกันพระองค์ตรัสเพิ่มเติมด้วยว่า “พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา” (ลก 1:28) หมายความว่า ถ้าพระเจ้าประทับอยู่ในเรา เราไม่ต้องกลัวบาป เพราะพระเจ้าเองจะทรงต่อสู้กับบาปแทนเรา
สรุปได้ว่า คำพูดที่ว่าพระเจ้าอยู่กับเรามีความหมายสองประการคือ ถ้าเราอยู่กับพระเจ้าทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับเรา (ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทรงกระไม่ได้) และตรงกันข้ามคือ ถ้าเราไม่อยู่กับพระเจ้าทุกสิ่งจะเป็นไปไม่ได้ เราต้องเข้าใจถึงความแตกต่างของความยิ่งใหญ่ของมนุษย์เมื่ออยู่กับพระเจ้า และความว่างเปล่าโดดเดี่ยวของมนุษย์ที่แยกตัวจากพระเจ้า