คุณค่าของศาสนาในวิถีชีวิตจริง
คุณพ่อประยูร พงษ์พิศ
ชีวิตมนุษย์จะพัฒนาให้สมบูรณ์สักเท่าใดก็ตาม เราต้องเริ่มต้นตั้งแต่ตอนปฏิสนธิ และชีวิตนั้นควรได้รับการปฏิบัติอบรมเลี้ยงดู ฟูมฟักทะนุถนอมกล่อมเกลาและเอาใจใส่ใกล้ชิดจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง หรือผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนอย่างต่อเนื่องกันมาทุกขั้นตอนด้วยความถูกต้องดีงาม ในเรื่องนี้ศาสนาน่าจะเข้ามามีบทบาทได้อย่างสำคัญยิ่ง เพราะคุณค่าศาสนานั้นสามารถทำให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมในวิถีชีวิตจริง
ในทัศนะคริสตชน การปลูกฝังความเชื่อศรัทธาและส่งเสริมศาสนธรรมให้หยั่งรากลึกลงในจิตใจของมนุษย์เรานั้น น่าจะดำเนินการนับตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อให้สามารถเจริญเติบโต งอกเงยและงอกงามขึ้นในวิถีชีวิตจริง ก่อนที่สิ่งอื่นจะเข้ามาช่วงชิงพื้นที่ในจิตใจของลูกหลาน
- ที่สำคัญกว่านั้น เราคริสตชนยังถือว่าแต่ละบุคคลคือภาพลักษณ์ของพระเจ้า ซึ่งจะต้องสะท้อนออกมาให้เห็นในวิถีชีวิตที่เราพึงประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันอย่างสอดคล้องกลมกลืนกัน ทั้งชีวิตของตนและชีวิตของกันและกัน
- ในบรรดาศาสนาใหญ่ๆ อาจแบ่งเป็นสองสายที่สำคัญ นั่นคือสายศาสนาที่นับถือพระเจ้าว่าเป็นบ่อเกิด ความหมายและเป้าหมายของชีวิตมนุษย์เรา จึงเป็นสรณะที่พึ่งและที่หนึ่งของศาสนิกในศาสนานั้นๆ และอีกสายหนึ่งที่ถือเอาธรรมะเป็นสรณะที่พึ่ง และเห็นว่าชีวิตมนุษย์มาจากธรรมชาติ ที่ประกอบด้วยธาตุสี่ อันได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เหล่านี้เป็นต้น
- สิ่งนี้แหละที่ทำให้มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐจริง เพราะสามารถใช้สติปัญญา อำเภอใจหรือน้ำใจอันเสรีของตน เพื่อเข้าถึงความรู้ความจริง และสร้างสรรค์คุณงามความดีงามนานัปการ
- ด้วยเหตุนี้ ศาสนิกไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดจำเป็นต้องใช้สติปัญญาพิจารณาคิดอ่านและเสรีภาพตัดสินใจเลือกประพฤติปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับจิตศรัทธา อันจะนำไปสู่กิจศรัทธาตามหลักศาสนาของตน ระหว่างความเชื่อในพระเจ้าและพระธรรม