ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ต่อเนื่องกันมานานนับศตวรรษ เมื่อคริสตชนคนหนึ่งคนใดจะเข้าวัด ไม่ว่าจะเข้าไปเพื่อร่วมพิธีกรรมของหมู่คณะ เช่น ร่วมพิธีมิสซา หรือเข้าไปเพื่อประกอบกิจศรัทธาส่วนตัว เช่น เฝ้าศีลมหาสนิท สวดสายประคำ ฯลฯ คริสตชนคนนั้นจะมองหาที่บรรจุน้ำเสก เพื่อจะจุ่มน้ำเสกนั้น แล้วก็แตะที่หน้าผาก พลางรำพึงหรือเอ่ยถ้อยคำในใจ “เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน”
บ่อยครั้ง ยังมีภาพน่ารัก ๆ ให้เห็น ที่คุณพ่อคุณแม่จะอุ้มลูกตัวเล็ก ให้จุ่มน้ำเสกด้วยตัวเอง แล้วก็สอนให้ทำเครื่องหมายกางเขน(อันที่จริง หากย้อนเวลากลับไปหลายศตวรรษ ก่อนที่จะมีธรรมเนียมจุ่มน้ำเสกก่อนเข้าวัด ที่ประตูทางเข้า จะมีพระสงฆ์ยืนรออยู่ เพื่อคอยพรมน้ำเสกให้สัตบุรุษ)
ธรรมเนียมการพรมน้ำเสกหรือการจุ่มน้ำเสกก่อนเข้าวัด ไม่ได้เป็นแค่เพียงอิริยาบถประกอบการเดินเข้าวัด แต่มีความหมายมากกว่านั้น ที่วันนี้ เราจะมาหาคำตอบด้วยกัน
แต่ก่อนที่จะอธิบายความหมายหรือที่มาที่ไปของการจุ่มน้ำเสก ผมขอหยิบยกข้อเขียนของแตร์ตุลเลียน ปิตาจารย์ ในศตวรรษที่ 2 ซึ่งได้กล่าวถึง “น้ำ” ไว้อย่างน่าสนใจ
แตร์ตุลเลียน เขียนไว้ว่าภารกิจของพระเยซูเจ้าเกี่ยวข้องกับ “น้ำ” อยู่บ่อยครั้ง
•เริ่มตั้งแต่ที่พระองค์ทรงรับพิธีล้างจากยอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน (มธ 3:13-17)
•เมื่อพระองค์ได้รับเชิญไปร่วมงานสมรสที่หมู่บ้านคานา พระองค์ก็ทรงใช้น้ำทำอัศจรรย์ครั้งแรก (ยน 2: 1-12)
•เมื่อพบหญิงชาวสะมาเรียกำลังตักน้ำ ทรงขอน้ำดื่มจากหญิงคนนั้น ก่อนที่จะตรัสเรื่อง “น้ำทรงชีวิต” (ยน 4: 1-24)
•เมื่อทรงสอนเรื่องบทพิสูจน์แห่งความรัก ก็ทรงยกตัวอย่างการยื่นน้ำสักแก้วให้กับเพื่อนพี่น้องที่กำลัง กระหาย (มธ 25: 35)
•เมื่อศิษย์ สองพี่น้อง ทูลขอตำแหน่ง พระองค์ก็ถามตอบว่า พวกเขาจะดื่มถ้วยที่พระองค์จะทรงดื่ม และรับการล้างเหมือนพระองค์ได้ไหม (มก 10: 38)
•และที่สุด บนไม้กางเขน เมื่อทหารใช้หอกแทงที่สีข้างของพระองค์ โลหิตและน้ำก็ไหลออกมาทันที (ยน 19: 34)
ปิตาจารย์ท่านนี้เขียนถึงเหตุการณ์อันหลากหลายของพระเยซูเจ้าซึ่งเกี่ยวข้องกับน้ำ ก็เพื่อจะอธิบายถึง “ศีลล้างบาป”
และที่ผมได้กล่าวในตอนต้นถึงธรรมเนียมการจุ่มน้ำเสก ก็เพื่อจะกล่าวถึง “ศีลล้างบาป” เพราะจุดมุ่งหมายของการจุ่มน้ำเสกพร้อมกับทำเครื่องหมายกางเขน ก็เพื่อระลึกถึงศีลล้างบาปที่เราได้รับ
เป็นความหมายเดียวกันกับการก้มศีรษะเพื่อรับการพรมน้ำเสกจากพระสงฆ์ในตอนต้นมิสซาของทุก ๆ วันอาทิตย์ และที่เด่น ชัดที่สุด ก็คือในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ ค่ำวันนั้น ก่อนที่พระสงฆ์จะพรมน้ำเสก มือของเราถือเทียนที่จุดสว่างไสว พร้อมกับประกาศถ้อยคำรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลล้างบาป
มิใช่เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ตอนหนึ่งในพิธีตื่นเฝ้าของค่ำวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ที่พวกเรามีโอกาสได้ระลึกถึงศีลล้างบาปควบคู่ไปกับกับการปลุกจิตสำนึกการเป็นคริสตชน ตลอดเทศกาลมหาพรตยังเป็นช่วง เวลาที่เหมาะสมยิ่งที่เราจะได้รำพึง-ไตร่ตรองส่วนตัวถึงสถานะการเป็นคริสตชนของเรา พร้อม ๆ กับที่บรรดาว่าที่คริสตชนใหม่ ได้ใช้ช่วงเวลานี้อย่างเข้มข้นเพื่อเตรียมตัวรับศีลล้างบาป