หนังสือยูดิธ

I. การสงครามของโฮโลเฟอร์เนส

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงทำสงครามกับกษัตริย์อารฟาซัด
1    1ปีที่สิบสองในรัชสมัยของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์b ซึ่งทรงปกครองชาวอัสซีเรียที่กรุงนีนะเวห์นครใหญ่ กษัตริย์อารฟาซัดc ทรงปกครองชาวมีเดียที่เมืองเอกบาทานา 2พระองค์ทรงสร้างกำแพงรอบเมืองเอกบาทานาด้วยก้อนหินที่สกัดมา แต่ละก้อนหนาสามศอกและยาวหกศอก กำแพงที่ทรงสร้างสูงเจ็ดสิบศอกและกว้างห้าสิบศอก 3ที่ประตูเมือง ทรงสร้างหอคอยสูงหนึ่งร้อยศอก มีฐานกว้างหกสิบศอก 4ทรงสร้างประตูเมืองสูงเจ็ดสิบศอก กว้างสี่สิบศอก เพื่อให้กองรถศึกผ่านไปได้ และทหารราบเดินเป็นขบวนออกไปได้ด้วย
    5เวลานั้น กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงทำสงครามกับกษัตริย์อารฟาซัดในที่ราบใหญ่ ภายในเขตแดนราเกา 6ทุกคนที่อาศัยอยู่แถบภูเขาd และผู้ที่อาศัยอยู่ตามลุ่มแม่น้ำยูเฟรติส ไทกริสและไฮดัสเปส รวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ตามที่ราบในปกครองของอาริโอ๊ค กษัตริย์ของชาวเอลีมัสe ต่างรวมกำลังกับกษัตริย์อารฟาซัด ดังนั้น ชนหลายชาติจึงมาชุมนุมกันเพื่อช่วยชาวมีเดียfในการสู้รบ
    7กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ของชาวอัสซีเรียทรงส่งผู้ถือสารไปถึงชาวเปอร์เซียและทุกคนที่อาศัยอยู่ทางภาคตะวันตก ไปถึงผู้อาศัยในแคว้นซีลีเชีย กรุงดามัสกัส เทือกเขาเลบานอนและอันติเลบานอน ไปถึงผู้อาศัยอยู่ริมฝั่งทะเล 8ไปถึงผู้อาศัยอยู่แถบภูเขาคาร์เมล  แคว้นกิเลอาด กาลิลีตอนบน และที่ราบใหญ่เอสเดรโลน 9ไปถึงผู้อาศัยในแคว้นสะมาเรียและเมืองที่อยู่โดยรอบ ไปถึงผู้อาศัยทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน จนถึงกรุงเยรูซาเล็ม เบธานี เคลูส คาเดช แม่น้ำที่กั้นพรมแดนอียิปต์ เมืองทาฟเนส ราเมเสส และทั่วดินแดนโกเชน 10ไปจนเลยเมืองทานิสและเมมฟิส และชาวอียิปต์ทุกคน จนถึงชายแดนเอธิโอเปียg 11แต่ผู้ที่อยู่ในดินแดนเหล่านี้ทั้งหมดไม่สนใจคำเชิญของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งอัสซีเรีย จึงไม่ไปรวมพลกับพระองค์ เขาไม่เกรงกลัวพระองค์เลย คิดว่าพระองค์ไม่ทรงมีพันธมิตรอีกแล้วh เขาจึงส่งผู้ถือสารของพระองค์กลับไปมือเปล่าด้วยความอัปยศอดสู 12กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์กริ้วดินแดนเหล่านี้ทั้งหมดอย่างมากiทรงสาบานโดยอ้างถึงพระบัลลังก์และอาณาจักรของพระองค์ว่าจะทรงแก้แค้นดินแดนเหล่านี้ทั้งหมด จะทรงยกทัพมาทำลายดินแดนแคว้นซีลีเชีย ดามัสกัสและซีเรีย จะทรงทำลายดินแดนของชาวโมอับและอัมโมน แคว้นยูเดียและชาวอียิปต์ทุกคน ตั้งแต่ฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงอ่าวเปอร์เซียj

การสงครามกับกษัตริย์อารฟาซัด
    13ปีที่สิบเจ็ด กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงยกทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อารฟาซัด ทรงได้ชัยชนะ ทำให้กองทัพของกษัตริย์อารฟาซัด รวมทั้งกองทหารม้าและรถศึกต้องหนีไป 14ทรงยึดเมืองต่างๆได้ ทรงยกกำลังไปถึงเมืองเอกบาทานา ทรงยึดหอคอย ทรงปล้นลานตลาด ทำให้นครที่เคยรุ่งเรืองต้องกลายเป็นกองซากปรักหักพัง 15แล้วทรงจับกุมกษัตริย์อารฟาซัดได้บนเทือกเขาราเกา ทรงใช้หอกแทงจนสิ้นพระชนม์ และกำจัดพระองค์ได้ตลอดไป
    16หลังจากนั้น จึงเสด็จกลับกรุงนีนะเวห์พร้อมกับกองทัพใหญ่ที่รวบรวมนักรบจากชาติต่างๆ  ทรงฉลองชัย พักผ่อนและกินเลี้ยงพร้อมกับกำลังพลที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งร้อยยี่สิบวัน

การสงครามทางตะวันตก
2    1วันที่ยี่สิบสองของเดือนแรก ปีที่สิบแปดa มีการปรึกษาราชการในพระราชวังของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ของชาวอัสซีเรียว่าจะทรงแก้แค้นแผ่นดินต่างๆดังที่เคยตรัสไว้ 2พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดานายทัพและข้าราชการชั้นสูง ทรงเปิดเผยแผนการลับให้รู้อย่างละเอียดว่าจะทรงทำลายแผ่นดินเหล่านั้นทั้งหมด 3ที่ประชุมตกลงกันว่าทุกคนที่ไม่เชื่อฟังพระบัญชาจะต้องถูกประหารชีวิต
    4เมื่อการประชุมเสร็จสิ้นแล้ว กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ของชาวอัสซีเรียทรงเรียกโฮโลเฟอร์เนสb จอมทัพซึ่งมีตำแหน่งรองจากพระองค์เข้ามาเฝ้า ตรัสว่า “กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เจ้านายเหนือแผ่นดินทั้งสิ้นตรัสดังนี้c ท่านจะต้องไปนำทหารชำนาญศึก คือทหารราบหนึ่งแสนสองหมื่นคน และทหารม้าอีกหนึ่งหมื่นสองพันคน 6ไปโจมตีดินแดนทางตะวันตกทั้งสิ้น เพราะเขาไม่ทำตามคำสั่งของเรา 7จงสั่งเขาเหล่านั้นให้เตรียมดินและน้ำไว้ให้พร้อมdแสดงว่ายอมจำนน เรากำลังจะยกทัพมาโจมตีเขาด้วยความโกรธ เราจะให้เท้าของทหารของเราเหยียบย่ำแผ่นดินของเขา จะให้กองทัพของเราปล้นทรัพย์สินทุกอย่างของเขา 8หุบเขาจะเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บของเขา แม่น้ำและลำธารจะเต็มไปด้วยศพจนล้นฝั่ง 9เราจะจับเขาเป็นเชลย เนรเทศเขาไปจนสุดปลายแผ่นดิน 10จงไปยึดแผ่นดินทั้งหมดเหล่านั้นให้เรา ถ้าเขายอมจำนน ท่านจงไว้ชีวิตเขาจนถึงวันที่เราจะมาลงโทษเขา 11แต่ถ้าเขาไม่ยอมจำนน ก็อย่าได้สงสารเขาเลย จงฆ่าเขาและปล้นแผ่นดินทั้งหมดของเขา 12เราขอสาบานว่าตราบใดที่เรายังมีชีวิตและมีอำนาจปกครองอาณาจักรของเรา เราจะจัดการกับเขาดังที่ได้ลั่นวาจาไว้ 13ส่วนท่าน ท่านอย่าได้ฝ่าฝืนคำสั่งใดของเจ้านายของท่าน จงปฏิบัติตามคำสั่งของเราอย่างเคร่งครัดโดยไม่ชักช้า”
    14โฮโลเฟอร์เนสทูลลากษัตริย์ออกไปเรียกบรรดาแม่ทัพ ผู้บังคับบัญชาและนายทหารในกองทัพอัสซีเรีย 15เขารวมพลทหารชำนาญศึกจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นคน และทหารม้ายิงธนูอีกหนึ่งหมื่นสองพันคนตามคำสั่งของเจ้านาย 16และจัดแบ่งเป็นกองกำลังเพื่อออกศึก 17เขารวบรวมอูฐ ลาและล่อจำนวนมากเพื่อใช้เป็นพาหนะขนส่งยุทธสัมภาระ พร้อมทั้งจัดหาแกะ โคและแพะจำวนนับไม่ถ้วนเพื่อเป็นเสบียงอาหาร 18จัดให้ทหารแต่ละคนได้รับเสบียงอาหารอย่างเต็มที่ นำทองคำและเงินจำนวนมากจากท้องพระคลังของกษัตริย์
    19แล้วเขากับกองทัพทั้งหมด ได้ออกเดินทางล่วงหน้ากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ไปทำสงคราม มีรถศึก กองทหารม้าและทหารราบชำนาญศึกจนเต็มแผ่นดินทางทิศตะวันตก 20นอกจากนี้ยังมีกำลังพลจากหลายชนชาติจำนวนนับไม่ถ้วน เปรียบเสมือนฝูงตั๊กแตนหรือฝุ่นบนพื้นดินติดตามไปด้วย

เส้นทางเดินทัพของโฮโลเฟอร์เนส e
    21กองทัพของโฮโลเฟอร์เนสเดินทางออกจากกรุงนีนะเวห์ไปได้สามวัน ก็มาถึงที่ราบเบ็คทิเลธ จากเบ็คทิเลธ เขาเดินทางต่อไปตั้งค่ายอยู่ใกล้ภูเขาทางทิศเหนือของแคว้นซีลิเชียตอนบน 22จากที่นั่น โฮโลเฟอร์เนสนำกองทัพทั้งหมด คือทหารราบ ทหารม้าและรถศึก ไปยังแถบภูเขา 23เข้าโจมตีแคว้นฟูดและลูด ปล้นชาวเมืองราซีสและชาวอิชมาเอลผู้อาศัยอยู่ชายทะเลทรายทางทิศใต้ของเคเลโอน 24ข้ามแม่น้ำยูเฟรติส ผ่านแคว้นเมโสโปเตเมียไปทำลายเมืองป้อมตามแม่น้ำอาโบรนาจนถึงทะเล 25แล้วจึงยึดครองดินแดนแคว้นซีลิเชีย ฆ่าทุกคนที่ต่อต้าน มาถึงเขตแดนทางใต้ของยาเฟท ตรงชายแดนติดกับแคว้นอาระเบีย 26ล้อมชาวมีเดียไว้ทั้งหมด จุดไฟเผากระโจมและปล้นฝูงสัตว์ของเขา 27กองทัพของโฮโลเฟอร์เนสเดินทางลงไปยังที่ราบเมืองดามัสกัสในฤดูเก็บเกี่ยวข้าวสาลีf จุดไฟเผาไร่นา ทำลายล้างฝูงแพะแกะ ฝูงโค ปล้นเมือง ทำลายที่เพาะปลูกให้รกร้าง และใช้ดาบฆ่าชายหนุ่มทุกคน 28ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ชาวเมืองไซดอน ไทระ ซูร์ โอกีนา ยัมเนีย อาโซทัสและอัสคาโลน ต่างหวาดกลัวมาก
3    1ชาวเมืองต่างๆเหล่านี้จึงส่งผู้ถือสารไปเจรจาสงบศึกกับเขา พูดว่า 2”พวกเราเป็นผู้รับใช้ของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ผู้ยิ่งใหญ่ เรากราบลงต่อหน้าท่าน จงทำกับเราตามที่ท่านเห็นควรเถิด 3บ้านเรือนของเรา แผ่นดินทั้งหมด นาข้าวสาลี ฝูงแพะแกะ ฝูงโคและฝูงสัตว์อื่นๆที่อยู่ในดินแดนของเราล้วนเป็นของท่าน 4เมืองของเราและผู้อาศัยในเมืองเป็นผู้รับใช้ของท่าน จงมาจัดการกับเราตามที่ท่านเห็นสมควรเถิด” 5เมื่อผู้ถือสารมาถึงโฮโลเฟอร์เนสและแจ้งสารนี้ 6โฮโลเฟอร์เนสก็ยกทัพไปยังชายฝั่งทะเล ยึดเมืองป้อม และเลือกเอาชายฉกรรจ์มาเสริมกำลังรบ 7ชาวเมืองต่างๆเหล่านี้และเมืองโดยรอบต่างออกมาต้อนรับเขาอย่างดี สวมพวงมาลัยให้ และตีรำมะนาเต้นรำ  8แต่เขาทำลายวิหารทุกแห่งa และตัดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทุกต้น เพราะได้รับคำสั่งให้ทำลายบรรดาเทพเจ้าของแผ่นดินต่างๆ เพื่อชนทุกชาติจะได้กราบไหว้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เพียงพระองค์เดียว ชนทุกชาติทุกภาษาจะได้เรียกขานพระองค์เป็นพระเจ้าb
    9ต่อมา โฮโลเฟอร์เนสมาถึงที่ราบเอสเดรโลนซึ่งอยู่ใกล้เมืองโดธาน ตรงทางเข้าไปสู่สันเขาใหญ่ของแคว้นยูเดีย 10เขาตั้งค่ายอยู่ระหว่างเมืองเกบาและเมืองสิโธโปลิส และพักอยู่ที่นั่นหนึ่งเดือนเต็ม เพื่อจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับกองทัพเพิ่มเติม

ชาวยูเดียเตรียมป้องกันตน
4    1ชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ทั่วแคว้นยูเดียได้ยินเรื่องราวที่โฮโลเฟอร์เนส แม่ทัพของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ของชาวอัสซีเรียกระทำกับชนชาติต่างๆ รู้ข่าวว่าเขาได้ปล้นและทำลายวิหารของชนเหล่านั้น 2ต่างก็หวาดกลัวเขามาก และเป็นห่วงถึงกรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของตน 3เขาทั้งหลายกลับมาจากการเนรเทศ และประชาชนรวมตัวกันในแคว้นยูเดียได้ไม่นาน ชำระมลทินพระวิหาร พระแท่นบูชาและภาชนะที่ใช้ในพิธีกรรม ถวายแด่พระเจ้าaเรียบร้อยแล้ว เพราะศัตรูเคยทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นมลทิน
    4เขาจึงส่งผู้ถือสารไปทั่วแคว้นสะมาเรีย เมืองโกนา เบธ-โฮโรน เบลมาอิน เยริโค โคบาและเอโสรา จนถึงหุบเขาซาเลม 5ชาวเมืองต่างๆวางยามไว้ตามยอดเขาสูง สร้างกำแพงล้อมรอบหมู่บ้านตามภูเขาเหล่านี้ เตรียมเสบียงอาหารไว้สำหรับการสงคราม เขาเพิ่งเก็บเกี่ยวพืชผลในไร่นา 6โยอาคิมมหาสมณะที่กรุงเยรูซาเล็มในขณะนั้นเขียนสารไปถึงชาวเมืองเบธูเลียและเบโธเมสธาอิมb ซึ่งอยู่ตรงข้ามที่ราบเอสเดรโลน ริมทางที่ไปยังที่ราบใกล้เมืองโดธาน  7สั่งให้ยึดช่องเขาเข้าสู่แคว้นยูเดีย เพราะช่องเขานั้นแคบพอให้คนเดินเรียงสองผ่านไปได้เท่านั้น จึงเป็นการง่ายที่จะขัดขวางกำลังทัพของข้าศึก 8ชาวอิสราเอลปฏิบัติตามที่มหาสมณะโยอาคิมและสภาผู้อาวุโสของประชากรอิสราเอลซึ่งประชุมกันที่กรุงเยรูซาเล็มc สั่งไว้    

ชาวอิสราเอลอธิษฐานภาวนา
    9ชายชาวอิสราเอลทุกคนร้องหาพระเจ้าอย่างแข็งขัน และถ่อมตนอย่างจริงจังd 10เขาเหล่านั้น รวมทั้งภรรยาและบุตร สัตว์เลี้ยง คนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ด้วย ทั้งลูกจ้างและทาส ต่างก็สวมเสื้อผ้ากระสอบแสดงความทุกข์ใจ 11ชาวอิสราเอลทุกคน ทั้งชายหญิงและเด็กที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มต่างกราบลงต่อหน้าพระวิหาร ใช้ขี้เถ้าโรยศีรษะ ชูมือขึ้นe เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า 12เขายังนำผ้ากระสอบคลุมพระแท่นบูชาด้วยf และร่วมใจกันร้องหาพระเจ้าแห่งอิสราเอลว่าอย่าได้ทรงปล่อยให้ลูกหลานของตนต้องถูกจับเป็นเชลย อย่าให้ภรรยาต้องถูกจับเป็นทาส อย่าให้เมืองที่เป็นมรดกของตนต้องถูกทำลาย อย่าให้พระวิหารต้องถูกชนต่างชาติลบหลู่ดูหมิ่น 13องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟังเสียงของเขา ทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ของเขา เพราะประชาชนทั่วแคว้นยูเดียและกรุงเยรูซาเล็มร่วมใจกันจำศีลอดอาหารเป็นเวลาหลายวัน หน้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ 14มหาสมณะโยอาคิม บรรดาสมณะผู้รับใช้อยู่เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า และผู้ช่วยพิธีกรรมถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ต่างคาดสะเอวด้วยผ้ากระสอบขณะที่ถวายเครื่องเผาบูชาประจำวัน ถวายเครื่องบูชาแก้บน และเครื่องบูชาที่ประชาชนถวายตามความสมัครใจ 15เขาใช้ขี้เถ้าโรยบนผ้าโพกศีรษะของตน แล้วร้องหาองค์พระผู้เป็นเจ้าสุดกำลัง ขอให้พระองค์ทรงพระทัยดีเสด็จมาช่วยเหลือประชากรอิสราเอล

โฮโลเฟอร์เนสประชุมวางแผนการสงคราม
5    1โฮโลเฟอร์เนส ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพอัสซีเรีย ได้รับข่าวว่าชาวอิสราเอลกำลังเตรียมรับศึกสงคราม ปิดกั้นทางผ่านหุบเขา สร้างป้อมตามยอดภูเขาทุกแห่ง และยังวางเครื่องกีดขวางไว้ในที่ราบด้วย 2เขาจึงโกรธมาก เรียกประชุมบรรดาหัวหน้าชาวโมอับ บรรดาแม่ทัพของชาวอัมโมน และเจ้าประเทศราชตามชายฝั่งทะเล 3ถามคนเหล่านี้ว่า “ท่านทั้งหลายที่เป็นชาวคานาอัน จงอธิบายให้ข้าพเจ้าซิว่าคนซึ่งอยู่แถบภูเขาเหล่านี้เป็นคนชนิดใด เมืองที่เขาอยู่เป็นอย่างไรบ้าง กองทัพของเขาใหญ่โตเพียงใด กำลังและอำนาจของเขาอยู่ที่ไหน ใครตั้งตนเป็นกษัตริย์และนำกองทัพของเขา 4ทำไมเขาจึงไม่ยอมออกมาพบข้าพเจ้า ต่างจากชนชาติอื่นๆทางภาคตะวันตกเล่าa
    5อาคิออร์b ผู้นำของชาวอัมโมนตอบว่า “ขอเจ้านายได้โปรดฟังถ้อยคำจากปากของผู้รับใช้ของท่านเถิด ข้าพเจ้าจะบอกให้ท่านรู้ความจริงเกี่ยวกับประชาชนนี้ที่อยู่บนภูเขาใกล้กับที่ที่ท่านอยู่ในขณะนี้ ผู้รับใช้ของท่านจะไม่พูดเท็จเลย 6ประชาชนพวกนี้สืบตระกูลมาจากชาวเคลเดีย 7แต่เดิมเขาเคยไปอยู่ในแคว้นเมโสโปเตเมีย เพราะไม่ต้องการนับถือเทพเจ้าของบรรพบุรุษที่อยู่ในดินแดนของชาวเคลเดีย 8เขาได้ละทิ้งศาสนาของบรรพบุรุษมานมัสการพระเจ้าแห่งสวรรค์cที่เขามารู้จัก บรรพบุรุษจึงขับไล่เขาไปให้พ้นจากเทพเจ้าที่เขาเคยนับถือ เขาจึงหนีไปในแคว้นเมโสโปเตเมียและอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน 9พระเจ้าของเขาทรงบัญชาให้เขาออกจากแผ่นดินที่เขาอยู่ เดินทางไปยังแผ่นดินคานาอัน เขาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่จนร่ำรวยมีเงินทองและฝูงสัตว์มากมาย 10ต่อมาเมื่อเกิดกันดารอาหารทั่วแผ่นดินคานาอัน เขาจึงลงไปที่อียิปต์ อยู่ที่นั่นตลอดเวลาที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ ที่นั่นเขาเพิ่มจำนวนขึ้นมากมายจนเหลือคณานับ 11แต่กษัตริย์ของอียิปต์ทรงเป็นอริกับเขา ทรงบังคับเขาให้ทำอิฐ ทรงกดขี่ข่มเหงเขา ทำให้เขาต้องเป็นทาส 12เขาร้องหาพระเจ้าของตน พระองค์ทรงส่งภัยพิบัติมาลงโทษแผ่นดินอียิปต์ทั้งหมดโดยที่ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือได้ ชาวอียิปต์จึงขับไล่เขาออกจากแผ่นดิน 13พระเจ้าทรงทำให้ทะเลแดงแห้งdต่อหน้าเขา 14ทรงนำเขาไปตามทางสู่ซีนายและคาเดช-บารเนอา เขาขับไล่ทุกคนในถิ่นทุรกันดาร 15เขาตั้งบ้านเรือนอยู่ในดินแดนของชาวอาโมไรต์ ทำลายล้างชาวเฮชโบน แล้วจึงข้ามแม่น้ำจอร์แดน เข้ายึดครองดินแดนแถบภูเขาทั้งสิ้น 16เขาขับไล่ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี ชาวเยบุส ชาวเชเคมและชาวเกอร์กาซีออกไป แล้วเข้าอาศัยในแผ่นดินนั้นเป็นเวลานาน 17ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำบาปต่อพระเจ้าของตน เขาก็มีความเจริญรุ่งเรือง เพราะพระเจ้าผู้ทรงเกลียดชังความชั่วทรงอยู่กับเขา 18แต่เมื่อเขาออกนอกลู่นอกทางที่พระองค์ทรงกำหนดให้เขาแล้ว เขาก็ถูกบดขยี้อย่างน่าอนาถในสงครามหลายครั้ง และถูกจับเป็นเชลยไปต่างแดน วิหารของพระเจ้าของเขาถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง และเมืองต่างๆก็ถูกศัตรูเข้ายึดครอง 19แต่บัดนี้ เขาคืนดีกับพระเจ้า กลับจากดินแดนต่างๆที่เขาถูกเนรเทศกระจัดกระจายไปอยู่ มายึดครองกรุงเยรูซาเล็มได้อีก พระวิหารของเขาอยู่ที่นี่ เขาตั้งภูมิลำเนาอยู่ในแถบภูเขาซึ่งยังไม่เคยมีผู้คนอาศัยมาก่อน 20บัดนี้ ขอให้เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่รู้เถิดว่า ถ้าประชาชนนี้หลงทำผิดและทำบาปต่อพระเจ้าของตน และเราแน่ใจว่าเขาทำผิดเช่นนั้นจริงๆเสียก่อน เราจึงจะยกทัพไปโจมตีเขาได้ 21แต่ถ้าเขาเป็นชนชาติที่ไม่มีความผิด ขอเจ้านายผ่านไปที่อื่นเถิด  เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขาจะทรงคุ้มครองปกป้องเขา และเราก็จะเป็นที่หัวเราะเยาะของทั่วแผ่นดิน”
    22เมื่ออาคิออร์พูดจบ ทหารทั้งหลายที่ยืนอยู่รอบกระโจมก็เริ่มบ่น นายทหารของโฮโลเฟอร์เนส ทหารที่มาจากดินแดนชายฝั่งทะเลและชาวโมอับ ต่างก็เห็นว่าอาคิออร์ควรถูกสับเป็นชิ้นๆ 23เขาพูดว่า “พวกเราไม่กลัวชาวอิสราเอล เขาเป็นชนชาติที่ไม่มีกองทัพ ไม่มีกำลังพล จึงไม่อาจต่อต้านพวกเราได้ 24ท่านโฮโลเฟอร์เนสผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราจงขึ้นไปโจมตีเขาเถิด  กองทัพของท่านจะกลืนเขาจนหมดสิ้น”e

โฮโลเฟอร์เนสมอบอาคิออร์ให้ชาวอิสราเอล
6    1เมื่อบรรดาทหารที่ยืนอยู่รอบกระโจมที่ประชุมสงบเสียงลง โฮโลเฟอร์เนสผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพอัสซีเรีย พูดกับอาคิออร์ต่อหน้าชนต่างชาติและชาวโมอับaที่มาชุมนุมกันว่า 2”อาคิออร์เอ๋ย ท่านและทหารรับจ้างชาวเอฟราอิมเป็นใครเล่า จึงบังอาจมาตั้งตนเป็นผู้ทำนายในหมู่เรา ดังที่ท่านทำในวันนี้ กล้าบอกเราไม่ให้ทำสงครามกับชนชาติอิสราเอล เพราะพระเจ้าของเขาทรงปกป้องเขาหรือ  ใครเล่าเป็นพระเจ้านอกจากเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์พระองค์นี้จะทรงส่งกำลังพลของพระองค์ไปทำลายล้างเขาให้หมดสิ้นจากพื้นแผ่นดิน พระเจ้าของเขาจะไม่อาจช่วยเขาให้รอดพ้นได้เลย 3แต่พวกเราผู้รับใช้พระเจ้าเนบูคัดเนสซาร์จะโค่นเขาลงเหมือนคนคนเดียว เขาจะต่อต้านการจู่โจมของกองทหารม้าของเราไม่ได้เลย 4พวกเราจะเผาพวกเขาทั้งเป็น เลือดจะไหลนองภูเขา และที่ราบของเขาจะเต็มไปด้วยซากศพ เขาจะไม่มีกำลังยืนหยัดต่อต้านพวกเราได้ แต่จะถูกทำลายจนหมดสิ้น กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เจ้านายของทั่วแผ่นดิน ตรัสดังนี้ เมื่อพระองค์ตรัสไว้แล้ว พระวาจาของพระองค์จะต้องสำเร็จเป็นจริง 5ส่วนท่าน อาคิออร์ ทหารรับจ้างชาวอัมโมน เพราะท่านพูดถ้อยคำนี้ในวันอัปมงคล ท่านจะไม่ได้เห็นหน้าข้าพเจ้าจนกว่าข้าพเจ้าจะได้แก้แค้นชนชาตินี้ที่มาจากอียิปต์แล้ว 6เมื่อนั้น ดาบของทหารและหอกbของนายทหารของข้าพเจ้าจะแทงสีข้างของท่าน   ท่านจะล้มลงในหมู่คนตาย เมื่อข้าพเจ้าจะกลับมา 7ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าจะนำท่านไปยังแถบภูเขา     และทิ้งท่านไว้ใกล้เมืองหนึ่งตามทางขึ้นภูเขา 8ท่านจะไม่ตายจนกว่าจะถูกทำลายพร้อมกับพวกเขา 9ท่านยังมีใบหน้าเศร้าหมองทำไม ถ้าท่านยังหวังในใจว่าเขาจะไม่ถูกจับเป็นเชลย ข้าพเจ้าลั่นวาจาไว้แล้ว และถ้อยคำของข้าพเจ้าจะไม่มีวันผิดพลาดไปได้เลย”
    10แล้วโฮโลเฟอร์เนสสั่งผู้รับใช้ที่ยืนอยู่ในกระโจมให้จับอาคิออร์ นำตัวไปยังเมืองเบธูเลีย และมอบเขาให้ชาวอิสราเอล 11บรรดาผู้รับใช้จึงคุมตัวเขา นำออกไปจากค่าย ผ่านที่ราบไปยังแถบภูเขา ถึงบ่อน้ำซึ่งอยู่เบื้องล่างของเมืองเบธูเลีย 12เมื่อคนในเมืองเห็นเข้า ก็รีบไปหยิบอาวุธและวิ่งออกนอกเมืองไปยังยอดเขา ทุกคนที่ถือสลิงก็ใช้สลิงขว้างก้อนหิน กั้นมิให้ทหารของโฮโลเฟอร์เนสขึ้นภูเขาได้ 13เขาเหล่านั้นจึงหาที่กำบังอยู่ที่เชิงเขา มัดอาคิออร์ปล่อยไว้ที่นั่น แล้วกลับไปหาเจ้านายของตน
    14ชาวอิสราเอลลงจากเมืองมาพบอาคิออร์ แก้มัดให้แล้วนำเขาไปยังเมืองเบธูเลีย พาไปพบบรรดาผู้ปกครองเมือง 15ผู้ปกครองเมืองในขณะนั้นคืออุสซียาห์ บุตรของมีคาห์ จากเผ่าสิเมโอนc คาบริสบุตรของโกโธนิเอล และคาร์มิสบุตรของเมลคิเอล 16เขาจึงเรียกประชุมบรรดาผู้อาวุโสของเมือง คนหนุ่มสาวก็รีบมายังที่ประชุมด้วย เขาให้อาคิออร์มายืนอยู่ตรงกลางที่ประชุม และอุสซียาห์ไต่ถามเขาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น 17อาคิออร์ก็ตอบโดยเล่าถึงเรื่องที่พูดกันในที่ประชุมของโฮโลเฟอร์เนส เล่าถึงถ้อยคำที่โฮโลเฟอร์เนสพูดต่อหน้านายทหารชาวอัสซีเรีย และคำขู่ที่หยิ่งยโสของโฮโลเฟอร์เนสต่อชนชาติอิสราเอล 18ประชาชนจึงกราบลงนมัสการพระเจ้า ร้องว่า 19”ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งสวรรค์ โปรดทอดพระเนตรความหยิ่งยโสของพวกเขา โปรดทรงพระกรุณาต่อประชากรที่ถ่อมตน วันนี้ ขอทรงโปรดปรานผู้ที่ถวายตนแด่พระองค์เถิดd 20เขาปลอบใจอาคิออร์และยกย่องเขาอย่างมาก 21เมื่อเสร็จการประชุมแล้ว อุสซียาห์เชิญอาคิออร์ไปที่บ้าน จัดงานเลี้ยงแก่บรรดาผู้อาวุโส ตลอดคืนนั้นเขาวอนขอพระเจ้าแห่งอิสราเอลให้ทรงช่วยเหลือ