แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

IV. นางยูดิธกับโฮโลเฟอร์เนส


นางยูดิธเข้าไปในค่ายของโฮโลเฟอร์เนส
10    1นางยูดิธอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าแห่งอิสราเอล  และเมื่ออธิษฐานภาวนาจบแล้ว 2นางก็ลุกขึ้นจากพื้น เรียกหญิงรับใช้เข้ามา และลงไปในบ้านที่นางอาศัยอยู่ในวันสับบาโตและวันฉลองเท่านั้น 3นางถอดเสื้อผ้ากระสอบและเสื้อชุดหญิงม่ายออก อาบน้ำ ชโลมร่างกายด้วยน้ำมันหอมอย่างดี หวีผมและใช้ผ้าโพกศีรษะให้สวยงาม สวมเสื้อผ้าวันฉลองที่เคยใช้เมื่อมนัสเสห์สามีของนางยังมีชีวิตอยู่ 4นางสวมรองเท้าสาน สวมสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน ต่างหูและเครื่องเพชรอื่นๆที่มี แต่งตัวอย่างงดงามเพื่อยั่วยวนตาชายทุกคนที่เห็นนาง 5นางมอบถุงหนังใส่เหล้าองุ่นและขวดน้ำมันให้หญิงรับใช้ถือไว้ ใส่ข้าวคั่ว ผลมะเดื่อแห้ง ขนมปังและเนยแข็งa ลงในถุงจนเต็ม มัดสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ส่งให้หญิงรับใช้ถือไว้ด้วย 6แล้วทั้งสองคนก็ไปที่ประตูเมืองเบธูเลีย พบอุสซียาห์กำลังรออยู่ที่นั่นพร้อมกับคาบริสและคาร์มิสผู้อาวุโสของเมือง 7เมื่อทั้งสามคนเห็นนางยูดิธเปลี่ยนรูปโฉมและแต่งกายต่างจากเดิมก็ประหลาดใจอย่างยิ่งในความสวยงามของนาง จึงพูดกับนางว่า
    8”ขอพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษโปรดปรานท่าน
    โปรดให้แผนการของท่านบรรลุผลสำเร็จ
    เพื่อเป็นเกียรติแก่ชาวอิสราเอล
    และเป็นสิริรุ่งโรจน์แห่งกรุงเยรูซาเล็ม”
9นางกราบลงนมัสการพระเจ้าแล้วพูดว่า “จงสั่งให้เปิดประตูเมืองให้ข้าพเจ้าออกไปทำภารกิจให้สำเร็จตามคำที่ท่านอวยพรข้าพเจ้าเถิด” คนเหล่านั้นก็สั่งให้ชายหนุ่มเปิดประตูเมืองตามที่นางขอ 10เมื่อเขาเปิดประตูแล้ว นางยูดิธก็ออกไปพร้อมกับหญิงรับใช้ พวกผู้ชายที่อยู่ในเมืองต่างก็มองนางเดินลงไปตามภูเขา ข้ามหุบเขาจนลับตาไป
    11นางยูดิธกับหญิงรับใช้เดินข้ามหุบเขาตรงไป ก็พบยามกลุ่มแรกชาวอัสซีเรีย 12เขาจับกุมนางไว้ ถามว่า “ท่านเป็นชนชาติใด มาจากไหน และกำลังไปไหน” นางตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นบุตรสาวของชาวฮีบรู กำลังหลบหนีจากพวกเขา เพราะเขากำลังจะตกเป็นเหยื่อของท่าน 13ข้าพเจ้าต้องการพบโฮโลเฟอร์เนส ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพของท่านเพื่อแจ้งข่าวน่าเชื่อถือb ข้าพเจ้าจะชี้ทางผ่านให้เขาไปยึดครองดินแดนแถบภูเขาได้โดยที่ทหารของเขาไม่ต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว” 14เมื่อพวกทหารได้ยินคำพูดเหล่านี้ และจ้องมองใบหน้าของนาง เขาก็ประหลาดใจในความสวยงาม กล่าวกับนางว่า 15”การที่ท่านรีบลงมาพบเจ้านายของพวกเราเช่นนี้ทำให้ท่านรอดชีวิต จงไปที่กระโจมของเขาเถิด พวกเราบางคนจะคอยคุ้มกันท่านและนำท่านไปพบเขา 16เมื่อท่านยืนอยู่ต่อหน้าเขา จิตใจของท่านอย่าหวาดกลัวเลย จงรายงานเรื่องราวที่ท่านบอกพวกเรา และเขาจะปฏิบัติต่อท่านเป็นอย่างดี” 17พวกทหารจึงแบ่งกำลังพลหนึ่งร้อยคนให้คุ้มกันนางยูดิธกับหญิงรับใช้ และนำไปยังกระโจมของโฮโลเฟอร์เนส
    18ข่าวการมาของนางแพร่จากกระโจมหนึ่งถึงอีกกระโจมหนึ่ง คนจำนวนมากจึงมาชุมนุมกันอยู่ในค่าย มายืนอยู่รอบๆนาง ขณะที่นางรออยู่นอกกระโจมของโฮโลเฟอร์เนส และมีผู้ไปรายงานให้เขารู้ 19ทุกคนตะลึงในความสวยงามของนาง ประทับใจในชาวอิสราเอลเพราะนางและพูดกันว่า “ใครอาจดูหมิ่นประชาชนซึ่งมีหญิงงามเช่นนี้ได้ ไม่ดีเลยที่จะปล่อยให้พวกนี้รอดชีวิตได้แม้สักคนเดียว เพราะถ้ามีผู้ใดรอดชีวิต เขาคงจะทำให้คนทั้งโลกต้องหลงใหล”
    20ทหารองครักษ์ของโฮโลเฟอร์เนสและผู้รับใช้ทุกคนออกมาพานางเข้าไปในกระโจม 21โฮโลเฟอร์เนสกำลังนอนอยู่บนเตียงใต้เพดานดาดด้วยผ้าทอสีม่วงแดงขลิบทอง ประดับด้วยมรกตและเพชรพลอยต่างๆ 22เมื่อทหารองครักษ์แจ้งให้โฮโลเฟอร์เนสรู้ว่านางมาถึงแล้ว เขาก็ออกมาพบนางที่ทางเข้า มีผู้ถือตะเกียงเงินนำหน้าc
    23เมื่อโฮโลเฟอร์เนสและผู้รับใช้เห็นนางยูดิธ ต่างก็ประหลาดใจในความสวยงามของนาง นางกราบลงศีรษะจรดพื้นต่อหน้าเขา แต่ผู้รับใช้พยุงนางให้ลุกขึ้น

นางยูดิธพบโฮโลเฟอร์เนสครั้งแรก
11    1โฮโลเฟอร์เนสพูดกับนางยูดิธว่า “นางเอ๋ย ทำใจให้ดีไว้ อย่ากลัวเลย ข้าพเจ้าไม่เคยทำร้ายผู้ใดที่ยอมรับใช้เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของทั่วแผ่นดิน 2ถ้าประชาชนของท่านที่อาศัยอยู่ในแถบภูเขานี้ไม่ได้ดูหมิ่นข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็คงจะไม่ต้องยกหอกต่อสู้กับเขา แต่เขาทำเช่นนี้เป็นผลร้ายต่อตนเอง 3จงบอกข้าพเจ้าสิว่าทำไมท่านจึงหนีจากเขามาหาพวกเรา บัดนี้ท่านมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว จงทำใจให้ดีเถิด ชีวิตของท่านจะปลอดภัยในคืนนี้และในอนาคต 4ไม่มีผู้ใดจะทำร้ายท่าน แต่ท่านจะได้รับการดูแลอย่างดีเหมือนกับทุกคนที่รับใช้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เจ้านายของข้าพเจ้า”
    5นางยูดิธตอบว่า “โปรดฟังถ้อยคำของผู้รับใช้ของท่านเถิด ขอให้ผู้รับใช้ของท่านพูดต่อหน้าท่าน ข้าพเจ้าจะไม่พูดเท็จกับเจ้านายของข้าพเจ้าในคืนนี้ 6ถ้าท่านปฏิบัติตามถ้อยคำของผู้รับใช้ของท่าน พระเจ้าจะทรงบันดาลให้กิจการของท่านประสบความสำเร็จ เจ้านายของข้าพเจ้าจะไม่ผิดพลาดในแผนการที่ตั้งใจไว้เลยa 7ข้าพเจ้าสาบานว่า เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของทั่วแผ่นดินทรงพระชนม์และทรงพระอานุภาพ ส่งท่านมาจัดระเบียบสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย มนุษย์รับใช้พระองค์อาศัยท่าน แม้กระทั่งสัตว์ป่า สัตว์เลี้ยงและบรรดานกในอากาศจะมีชีวิตอยู่ก็เพราะอำนาจของท่าน เพื่อเป็นเกียรติแด่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์และพระราชวงศ์ของพระองค์”
    8”พวกเราได้ยินถึงปรีชาญาณและความเฉลียวฉลาดของท่าน ทั่วแผ่นดินรู้ว่าท่านเป็นคนดีที่สุดทั่วอาณาจักร มีความสามารถ มีความรู้เชี่ยวชาญ ทุกคนพิศวงในความชำนาญศึกของท่าน 9ถ้อยคำที่อาคิออร์กล่าวในที่ประชุมของท่านพวกเราก็ได้ยินแล้ว เพราะชาวเมืองเบธูเลียไว้ชีวิตเขา และเขาได้เล่าให้พวกนั้นฟังเรื่องราวที่เขาพูดกับท่าน 10บัดนี้ ข้าแต่เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ อย่าเมินเฉยต่อถ้อยคำที่เขาพูด แต่จงจดจำไว้ เพราะเขาพูดความจริงb ประชาชนของเราจะไม่ถูกลงโทษ และดาบจะทำร้ายเขาไม่ได้ เว้นแต่เขาจะทำบาปผิดต่อพระเจ้าของเขา 11แต่บัดนี้ เจ้านายของข้าพเจ้าจะไม่พ่ายแพ้และกลับมามือเปล่า ความตายกำลังจะตกเหนือเขาเพราะบาปที่เขาทำ ทุกครั้งที่เขาทำบาป เขาก็ยั่วยุพระพิโรธของพระเจ้า 12เขากำลังขาดแคลนอาหาร น้ำกำลังจะหมด เขาจึงตัดสินใจฆ่าสัตว์เลี้ยง และตั้งใจจะกินสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญญัติไว้ไม่ให้กิน 13เขาถึงกับตกลงจะกินแม้กระทั่งข้าวสาลีผลิตผลแรก รวมทั้งหนึ่งในสิบของเหล้าองุ่นและน้ำมันมะกอกเทศซึ่งต้องถวายแด่พระเจ้า และแยกเก็บไว้สำหรับสมณะผู้รับใช้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราที่กรุงเยรูซาเล็ม สิ่งเหล่านี้ฆราวาสไม่อาจใช้มือแตะต้องได้c 14เขาส่งคนไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อขออนุญาตจากสภาผู้อาวุโส เพราะชาวกรุงเยรูซาเล็มก็ทำเช่นนี้อยู่แล้ว 15ในวันที่คำตอบจะไปถึงมือของเขาและเขาจะปฏิบัติตาม ในวันนั้นเขาจะถูกมอบให้ท่านทำลาย”
    16”เมื่อข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านรู้เรื่องนี้ จึงหลบหนีออกมา พระเจ้าทรงส่งข้าพเจ้าให้มาร่วมมือกับท่านเพื่อทำกิจการที่ทั่วแผ่นดินจะประหลาดใจเมื่อได้ยิน 17ผู้รับใช้ของท่านเป็นผู้ยำเกรงพระเจ้า รับใช้พระเจ้าแห่งสวรรค์ทั้งวันทั้งคืน บัดนี้ ข้าแต่เจ้านาย ข้าพเจ้าจะอยู่กับท่าน แต่ผู้รับใช้ของท่านจะออกจากค่ายไปที่หุบเขาทุกคืนเพื่ออธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้า พระองค์จะตรัสให้ข้าพเจ้ารู้ว่าชาวเมืองเบธูเลียได้ทำบาปแล้วเมื่อใด 18เมื่อนั้น ข้าพเจ้าจะกลับมาบอกให้ท่านรู้ เพื่อท่านจะได้ยกกองทัพทั้งหมดของท่านเข้าโจมตีเมือง และจะไม่มีผู้ใดต่อต้านท่านได้ 19ข้าพเจ้าจะนำท่านเดินผ่านแคว้นยูเดียไปจนถึงกรุงเยรูซาเล็ม แล้วข้าพเจ้าจะตั้งบัลลังก์พิพากษาให้ท่านกลางเมือง ท่านจะต้อนเขาทั้งหลายเหมือนฝูงแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง แม้สุนัขสักตัวก็จะไม่กล้าเห่าท่าน ข้าพเจ้าได้รับข่าวสารนี้ล่วงหน้า ข้าพเจ้าได้รับการเปิดเผย และถูกส่งมาบอกท่าน”
    20ถ้อยคำของนางเป็นที่พอใจของโฮโลเฟอร์เนสและบรรดานายทหาร ทุกคนพิศวงในความเฉลียวฉลาดของนาง พูดว่า 21”ไม่มีหญิงคนใดจากฟากหนึ่งถึงอีกฟากหนึ่งของแผ่นดินมีใบหน้าสวยงามและมีคำพูดเฉลียวฉลาดเช่นนี้” 22โฮโลเฟอร์เนสจึงพูดกับนางว่า “พระเจ้าทรงกระทำดีแล้วที่ทรงส่งท่านมาล่วงหน้าประชากรของท่าน เพื่อนำชัยชนะมาไว้ในมือของพวกเรา และนำหายนะมาสู่ผู้ที่ดูหมิ่นเจ้านายของข้าพเจ้า 23ท่านมีใบหน้าสวยงามและพูดจาน่าฟัง ถ้าท่านทำตามที่พูดไว้ พระเจ้าของท่านจะเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า และท่านจะไปอยู่ในพระราชวังของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ จะมีชื่อเสียงไปทั่วแผ่นดิน”

12    1โฮโลเฟอร์เนสสั่งให้นำนางยูดิธเข้าไปที่โต๊ะอาหารซึ่งจัดไว้ด้วยภาชนะเงิน และนำอาหารเลิศรสกับเหล้าองุ่นอย่างดีของตนมาให้นาง 2แต่นางยูดิธพูดว่า “ข้าพเจ้าจะไม่กินอาหารเหล่านี้ เกรงว่าจะเป็นโอกาสให้ทำผิด ข้าพเจ้าจะกินแต่อาหารที่ข้าพเจ้านำมาเท่านั้น 3โฮโลเฟอร์เนสถามว่า “ถ้าเสบียงอาหารที่ท่านนำมาหมดแล้ว พวกเราจะไปหาอาหารชนิดนั้นได้อย่างไร ไม่มีเพื่อนร่วมชาติของท่านสักคนเดียวอยู่กับพวกเราที่นี่ 4นางยูดิธตอบว่า “ข้าแต่เจ้านาย ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านขอสาบานว่า ท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ใช้เสบียงอาหารที่ข้าพเจ้านำมาจนหมดสิ้น ก่อนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้มือของข้าพเจ้ากระทำตามแผนการที่ทรงกำหนดไว้ฉันนั้น 5บรรดานายทหารของโฮโลเฟอร์เนสนำนางไปที่กระโจม นางนอนหลับอยู่จนถึงเที่ยงคืน แล้วจึงลุกขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนยามครั้งสุดท้าย 6ส่งคนไปบอกโฮโลเฟอร์เนสว่า “ขอเจ้านายสั่งให้ผู้รับใช้ของท่านออกไปอธิษฐานภาวนาด้วยเถิด” 7โฮโลเฟอร์เนสสั่งทหารยามไม่ให้ขัดขวางนาง นางอยู่ในค่ายสามวัน ทุกคืนนางออกไปที่หุบเขาใต้เมืองเบธูเลีย อาบน้ำที่พุน้ำใกล้ค่าย 8เมื่ออาบน้ำแล้ว นางก็อธิษฐานภาวนาขอองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล ให้ทรงนำกิจการของนางจนประชากรของพระองค์ประสบชัยชนะ 9หลังจากทำพิธีชำระตนแล้ว นางก็กลับมาในค่าย อยู่ในกระโจมตลอดวัน ครั้นเวลาเย็น หญิงรับใช้ก็นำอาหารมาให้

นางยูดิธกินเลี้ยงกับโฮโลเฟอร์เนส
    10วันที่สี่ โฮโลเฟอร์เนสจัดงานเลี้ยงสำหรับผู้รับใช้ของตนโดยเฉพาะ ไม่เชิญนายทหารคนใดเลย 11เขาบอกบาโกอัส ขันทีต้นห้องของตนว่า “จงไปเชิญหญิงชาวฮีบรูที่ท่านดูแลให้มากินและดื่มร่วมกับเราที่นี่ 12เราจะต้องอับอาย ถ้าเราไม่ฉวยโอกาสมีความสุขกับนางa ถ้าเราไม่ชนะใจนาง นางจะหัวเราะเยาะเราได้” 13บาโกอัสจึงจากโฮโลเฟอร์เนส ออกไปพบนางยูดิธ พูดว่า “หญิงสวยอย่างท่านไม่ควรลังเลใจที่จะมาพบเจ้านายของข้าพเจ้า เจ้านายจะได้ให้เกียรติแก่ท่าน ท่านจะดื่มเหล้าองุ่นสนุกสนานกับพวกเรา จะเป็นเหมือนหญิงชาวอัสซีเรียที่อยู่ในพระราชวังของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์” 14นางยูดิธตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นใครเล่าที่จะกล้าปฏิเสธเจ้านายของข้าพเจ้า สิ่งใดเป็นที่พอใจของเขา ข้าพเจ้าจะทำทันที และการทำเช่นนี้จะเป็นความยินดีของข้าพเจ้าจนวันตาย”
15นางจึงลุกขึ้น สวมเสื้อผ้าวันฉลองและเครื่องประดับสตรีทั้งหมดที่นางมี หญิงรับใช้ของนางเดินล่วงหน้าไปปูหนังแกะต่อหน้าโฮโลเฟอร์เนส บาโกอัสได้จัดหาหนังแกะผืนนี้ไว้ให้นางใช้ทุกวันเพื่อเอนกายกินอาหารb
16นางยูดิธเข้ามาเอนกายบนหนังแกะผืนนั้น ใจของโฮโลเฟอร์เนสเคลิบเคลิ้มเมื่อเห็นนาง จิตใจปั่นป่วน มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะหลับนอนกับนาง เขาหาโอกาสที่จะชนะใจนางตั้งแต่วันแรกที่เห็นนางแล้ว 17โฮโลเฟอร์เนสจึงเชิญนางว่า “จงดื่มและร่วมสนุกสนานกับเราเถิด” 18นางยูดิธตอบว่า “ถูกแล้วเจ้านาย ข้าพเจ้ายินดีดื่มกับท่าน เพราะตั้งแต่เกิดมา ข้าพเจ้าไม่เคยสนุกสนานเหมือนในวันนี้เลย” 19นางนำสิ่งที่หญิงรับใช้เตรียมไว้ออกมา กินและดื่มต่อหน้าเขา 20โฮโลเฟอร์เนสมีความสุขมากที่ได้อยู่กับนาง เขาดื่มเหล้าองุ่นมาก มากกว่าทุกวันที่เคยดื่มในชีวิตของตน

13    1ครั้นเวลาดึก ผู้รับใช้ของโฮโลเฟอร์เนสก็รีบออกไป บาโกอัสปิดกระโจมจากด้านนอก สั่งยามให้ไปพ้นสายตาของเจ้านาย ทุกคนจึงไปนอน เหนื่อยล้าเพราะดื่มจนเมามาย 2นางยูดิธอยู่ตามลำพังในกระโจมกับโฮโลเฟอร์เนส ซึ่งนอนแผ่อยู่บนเตียง เพราะดื่มเหล้าองุ่นจนดื่มไม่ได้อีกแล้ว 3นางสั่งหญิงรับใช้ให้ยืนรออยู่นอกห้องนอนจนกว่านางจะออกมา ดังที่เคยปฏิบัติอยู่ทุกวัน นางเคยบอกว่าจะออกไปอธิษฐานภาวนา นางพูดเช่นเดียวกันกับบาโกอัส
    4เมื่อทุกคนจากไปแล้ว และไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องนอน นางยูดิธไปยืนอยู่ข้างเตียงของโฮโลเฟอร์เนส อธิษฐานภาวนาในใจว่า
    “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ
    โปรดทรงพระเมตตาทอดพระเนตรข้าพเจ้าในเวลานี้เถิด
    โปรดทรงช่วยเหลือกิจการที่ข้าพเจ้ากำลังจะทำเพื่อเทิดเกียรติกรุงเยรูซาเล็ม
    5บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงช่วยประชากรที่เป็นมรดกของพระองค์
    และบันดาลให้แผนการของข้าพเจ้า
    ที่จะทำลายศัตรูซึ่งลุกขึ้นมาโจมตีข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้สำเร็จลุล่วงไป”
    6แล้วนางจึงไปที่เสาเตียงใกล้ศีรษะของโฮโลเฟอร์เนส ดึงดาบของเขาออกจากฝัก 7เดินเข้าไปใกล้เตียงมากขึ้น ใช้มือจับผมของเขา ดึงศีรษะขึ้น อธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล โปรดประทานกำลังแก่ข้าพเจ้าในวันนี้เถิด” 8แล้วนางก็ฟันลงบนลำคอของเขาสุดกำลังสองครั้ง ตัดศีรษะของเขาจนขาดออกมา 9นางผลักร่างของเขากลิ้งลงจากเตียง ดึงผ้าดาดจากเสาคลุมไว้ แล้วนางก็ออกมา นำศีรษะของโฮโลเฟอร์เนสส่งให้หญิงรับใช้ 10หญิงรับใช้ใส่ศีรษะลงในย่ามอาหาร ทั้งสองคนก็ออกไปอธิษฐานภาวนาเช่นเคย เดินผ่านค่าย อ้อมหุบเขา ขึ้นภูเขาไปยังเมืองเบธูเลียและมาถึงประตูเมือง

นางยูดิธนำศีรษะของโฮโลเฟอร์เนสมาที่เมืองเบธูเลีย
    11นางยูดิธตะโกนแต่ไกลเรียกทหารยามที่เฝ้าประตูเมืองว่า “เปิดประตู เปิดประตู พระเจ้า พระเจ้าของเราทรงอยู่กับเรา พระองค์ยังทรงสำแดงพละกำลังในอิสราเอล และทรงสำแดงพระอานุภาพต่อสู้ศัตรูของเราอีก ดังที่ทรงกระทำในวันนี้” 12เมื่อชาวเมืองได้ยินเสียงของนาง ก็รีบลงมาที่ประตูเมือง และไปเรียกผู้อาวุโสของเมืองให้มาด้วย 13ทุกคนต่างวิ่งมา ไม่เชื่อว่านางกลับมาแล้ว เขาเปิดประตูเมืองต้อนรับหญิงทั้งสองคน จุดไฟให้มีแสงสว่างแล้วห้อมล้อมหญิงทั้งสองคน 14นางยูดิธร้องเสียงดังเชิญชวนทุกคนว่า “จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด จงสรรเสริญพระองค์ จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด เพราะพระองค์ไม่ทรงละเว้นที่จะแสดงพระเมตตาต่อประชากรอิสราเอล แต่ได้ทรงใช้มือของข้าพเจ้าบดขยี้ศัตรูของเราในคืนนี้”    15แล้วนางก็ดึงศีรษะของโฮโลเฟอร์เนสออกมาจากย่าม ชูขึ้นให้ทุกคนเห็น พลางพูดว่า “นี่คือศีรษะของโฮโลเฟอร์เนส ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพอัสซีเรีย นี่คือผ้าดาดเหนือเตียงที่เขานอนหลับใหลเพราะเมามาย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้มือหญิงคนหนึ่งประหารเขา ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญเทอญ พระองค์ทรงปกป้องข้าพเจ้าระหว่างทางที่ข้าพเจ้าเดินไป ใบหน้าของข้าพเจ้าทำให้เขาหลงใหลจนต้องพบกับความหายนะ เขาไม่ได้ล่วงเกินทำบาปกับข้าพเจ้า ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าต้องเสื่อมเสียหรืออับอาย”a
    17ประชาชนทุกคนประหลาดใจอย่างยิ่ง กราบลงนมัสการพระเจ้า ร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอถวายพระพรแด่พระองค์ เพราะทรงทำลายล้างศัตรูประชากรของพระองค์ในวันนี้” 18อุสซียาห์พูดกับนางว่า
    “ลูกรัก พระเจ้าผู้สูงสุดประทานพระพรแก่ท่าน
มากกว่าแก่หญิงใดๆบนแผ่นดิน
    ขอองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสร้างสวรรค์และแผ่นดิน จงได้รับพระพร
    พระองค์ทรงนำท่านไปตัดศีรษะของหัวหน้าศัตรูของเรา
    19ความวางใจที่ท่านมีต่อพระเจ้า
    จะไม่ลบเลือนไปจากความทรงจำของมนุษย์
    ซึ่งจะระลึกถึงพระอานุภาพของพระเจ้าตลอดไป
    20ขอพระเจ้าทรงบันดาลให้การกระทำครั้งนี้
เป็นเกียรติแก่ท่านตลอดไป
ขอพระองค์ประทานพระพรแก่ท่านอย่างเต็มเปี่ยม
เพื่อตอบแทนที่ท่านดำเนินชีวิตอย่างเที่ยงตรงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
และยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเพื่อนร่วมชาติที่ถูกกดขี่
ให้พ้นจากหายนะที่คุกคามเขาอยู่”
ประชาชนทุกคนตอบว่า “อาเมน อาเมน”

IV. นางยูดิธกับโฮโลเฟอร์เนส

นางยูดิธเข้าไปในค่ายของโฮโลเฟอร์เนส

10    1นางยูดิธอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าแห่งอิสราเอล  และเมื่ออธิษฐานภาวนาจบแล้ว 2นางก็ลุกขึ้นจากพื้น เรียกหญิงรับใช้เข้ามา และลงไปในบ้านที่นางอาศัยอยู่ในวันสับบาโตและวันฉลองเท่านั้น 3นางถอดเสื้อผ้ากระสอบและเสื้อชุดหญิงม่ายออก อาบน้ำ ชโลมร่างกายด้วยน้ำมันหอมอย่างดี หวีผมและใช้ผ้าโพกศีรษะให้สวยงาม สวมเสื้อผ้าวันฉลองที่เคยใช้เมื่อมนัสเสห์สามีของนางยังมีชีวิตอยู่ 4นางสวมรองเท้าสาน สวมสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน ต่างหูและเครื่องเพชรอื่นๆที่มี แต่งตัวอย่างงดงามเพื่อยั่วยวนตาชายทุกคนที่เห็นนาง 5นางมอบถุงหนังใส่เหล้าองุ่นและขวดน้ำมันให้หญิงรับใช้ถือไว้ ใส่ข้าวคั่ว ผลมะเดื่อแห้ง ขนมปังและเนยแข็งa ลงในถุงจนเต็ม มัดสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ส่งให้หญิงรับใช้ถือไว้ด้วย 6แล้วทั้งสองคนก็ไปที่ประตูเมืองเบธูเลีย พบอุสซียาห์กำลังรออยู่ที่นั่นพร้อมกับคาบริสและคาร์มิสผู้อาวุโสของเมือง 7เมื่อทั้งสามคนเห็นนางยูดิธเปลี่ยนรูปโฉมและแต่งกายต่างจากเดิมก็ประหลาดใจอย่างยิ่งในความสวยงามของนาง จึงพูดกับนางว่า

          8ขอพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษโปรดปรานท่าน

          โปรดให้แผนการของท่านบรรลุผลสำเร็จ

          เพื่อเป็นเกียรติแก่ชาวอิสราเอล

          และเป็นสิริรุ่งโรจน์แห่งกรุงเยรูซาเล็ม

9นางกราบลงนมัสการพระเจ้าแล้วพูดว่า จงสั่งให้เปิดประตูเมืองให้ข้าพเจ้าออกไปทำภารกิจให้สำเร็จตามคำที่ท่านอวยพรข้าพเจ้าเถิด คนเหล่านั้นก็สั่งให้ชายหนุ่มเปิดประตูเมืองตามที่นางขอ 10เมื่อเขาเปิดประตูแล้ว นางยูดิธก็ออกไปพร้อมกับหญิงรับใช้ พวกผู้ชายที่อยู่ในเมืองต่างก็มองนางเดินลงไปตามภูเขา ข้ามหุบเขาจนลับตาไป

          11นางยูดิธกับหญิงรับใช้เดินข้ามหุบเขาตรงไป ก็พบยามกลุ่มแรกชาวอัสซีเรีย 12เขาจับกุมนางไว้ ถามว่า ท่านเป็นชนชาติใด มาจากไหน และกำลังไปไหน นางตอบว่า ข้าพเจ้าเป็นบุตรสาวของชาวฮีบรู กำลังหลบหนีจากพวกเขา เพราะเขากำลังจะตกเป็นเหยื่อของท่าน 13ข้าพเจ้าต้องการพบโฮโลเฟอร์เนส ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพของท่านเพื่อแจ้งข่าวน่าเชื่อถือb ข้าพเจ้าจะชี้ทางผ่านให้เขาไปยึดครองดินแดนแถบภูเขาได้โดยที่ทหารของเขาไม่ต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว 14เมื่อพวกทหารได้ยินคำพูดเหล่านี้ และจ้องมองใบหน้าของนาง เขาก็ประหลาดใจในความสวยงาม กล่าวกับนางว่า 15การที่ท่านรีบลงมาพบเจ้านายของพวกเราเช่นนี้ทำให้ท่านรอดชีวิต จงไปที่กระโจมของเขาเถิด พวกเราบางคนจะคอยคุ้มกันท่านและนำท่านไปพบเขา 16เมื่อท่านยืนอยู่ต่อหน้าเขา จิตใจของท่านอย่าหวาดกลัวเลย จงรายงานเรื่องราวที่ท่านบอกพวกเรา และเขาจะปฏิบัติต่อท่านเป็นอย่างดี 17พวกทหารจึงแบ่งกำลังพลหนึ่งร้อยคนให้คุ้มกันนางยูดิธกับหญิงรับใช้ และนำไปยังกระโจมของโฮโลเฟอร์เนส

          18ข่าวการมาของนางแพร่จากกระโจมหนึ่งถึงอีกกระโจมหนึ่ง คนจำนวนมากจึงมาชุมนุมกันอยู่ในค่าย มายืนอยู่รอบๆนาง ขณะที่นางรออยู่นอกกระโจมของโฮโลเฟอร์เนส และมีผู้ไปรายงานให้เขารู้ 19ทุกคนตะลึงในความสวยงามของนาง ประทับใจในชาวอิสราเอลเพราะนางและพูดกันว่า ใครอาจดูหมิ่นประชาชนซึ่งมีหญิงงามเช่นนี้ได้ ไม่ดีเลยที่จะปล่อยให้พวกนี้รอดชีวิตได้แม้สักคนเดียว เพราะถ้ามีผู้ใดรอดชีวิต เขาคงจะทำให้คนทั้งโลกต้องหลงใหล

          20ทหารองครักษ์ของโฮโลเฟอร์เนสและผู้รับใช้ทุกคนออกมาพานางเข้าไปในกระโจม 21โฮโลเฟอร์เนสกำลังนอนอยู่บนเตียงใต้เพดานดาดด้วยผ้าทอสีม่วงแดงขลิบทอง ประดับด้วยมรกตและเพชรพลอยต่างๆ 22เมื่อทหารองครักษ์แจ้งให้โฮโลเฟอร์เนสรู้ว่านางมาถึงแล้ว เขาก็ออกมาพบนางที่ทางเข้า มีผู้ถือตะเกียงเงินนำหน้าc

          23เมื่อโฮโลเฟอร์เนสและผู้รับใช้เห็นนางยูดิธ ต่างก็ประหลาดใจในความสวยงามของนาง นางกราบลงศีรษะจรดพื้นต่อหน้าเขา แต่ผู้รับใช้พยุงนางให้ลุกขึ้น

 

นางยูดิธพบโฮโลเฟอร์เนสครั้งแรก

11     1โฮโลเฟอร์เนสพูดกับนางยูดิธว่า นางเอ๋ย ทำใจให้ดีไว้ อย่ากลัวเลย ข้าพเจ้าไม่เคยทำร้ายผู้ใดที่ยอมรับใช้เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของทั่วแผ่นดิน 2ถ้าประชาชนของท่านที่อาศัยอยู่ในแถบภูเขานี้ไม่ได้ดูหมิ่นข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็คงจะไม่ต้องยกหอกต่อสู้กับเขา แต่เขาทำเช่นนี้เป็นผลร้ายต่อตนเอง 3จงบอกข้าพเจ้าสิว่าทำไมท่านจึงหนีจากเขามาหาพวกเรา บัดนี้ท่านมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว จงทำใจให้ดีเถิด ชีวิตของท่านจะปลอดภัยในคืนนี้และในอนาคต 4ไม่มีผู้ใดจะทำร้ายท่าน แต่ท่านจะได้รับการดูแลอย่างดีเหมือนกับทุกคนที่รับใช้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เจ้านายของข้าพเจ้า

          5นางยูดิธตอบว่า โปรดฟังถ้อยคำของผู้รับใช้ของท่านเถิด ขอให้ผู้รับใช้ของท่านพูดต่อหน้าท่าน ข้าพเจ้าจะไม่พูดเท็จกับเจ้านายของข้าพเจ้าในคืนนี้ 6ถ้าท่านปฏิบัติตามถ้อยคำของผู้รับใช้ของท่าน พระเจ้าจะทรงบันดาลให้กิจการของท่านประสบความสำเร็จ เจ้านายของข้าพเจ้าจะไม่ผิดพลาดในแผนการที่ตั้งใจไว้เลยa 7ข้าพเจ้าสาบานว่า เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของทั่วแผ่นดินทรงพระชนม์และทรงพระอานุภาพ ส่งท่านมาจัดระเบียบสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย มนุษย์รับใช้พระองค์อาศัยท่าน แม้กระทั่งสัตว์ป่า สัตว์เลี้ยงและบรรดานกในอากาศจะมีชีวิตอยู่ก็เพราะอำนาจของท่าน เพื่อเป็นเกียรติแด่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์และพระราชวงศ์ของพระองค์

          8พวกเราได้ยินถึงปรีชาญาณและความเฉลียวฉลาดของท่าน ทั่วแผ่นดินรู้ว่าท่านเป็นคนดีที่สุดทั่วอาณาจักร มีความสามารถ มีความรู้เชี่ยวชาญ ทุกคนพิศวงในความชำนาญศึกของท่าน 9ถ้อยคำที่อาคิออร์กล่าวในที่ประชุมของท่านพวกเราก็ได้ยินแล้ว เพราะชาวเมืองเบธูเลียไว้ชีวิตเขา และเขาได้เล่าให้พวกนั้นฟังเรื่องราวที่เขาพูดกับท่าน 10บัดนี้ ข้าแต่เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ อย่าเมินเฉยต่อถ้อยคำที่เขาพูด แต่จงจดจำไว้ เพราะเขาพูดความจริงb ประชาชนของเราจะไม่ถูกลงโทษ และดาบจะทำร้ายเขาไม่ได้ เว้นแต่เขาจะทำบาปผิดต่อพระเจ้าของเขา 11แต่บัดนี้ เจ้านายของข้าพเจ้าจะไม่พ่ายแพ้และกลับมามือเปล่า ความตายกำลังจะตกเหนือเขาเพราะบาปที่เขาทำ ทุกครั้งที่เขาทำบาป เขาก็ยั่วยุพระพิโรธของพระเจ้า 12เขากำลังขาดแคลนอาหาร น้ำกำลังจะหมด เขาจึงตัดสินใจฆ่าสัตว์เลี้ยง และตั้งใจจะกินสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญญัติไว้ไม่ให้กิน 13เขาถึงกับตกลงจะกินแม้กระทั่งข้าวสาลีผลิตผลแรก รวมทั้งหนึ่งในสิบของเหล้าองุ่นและน้ำมันมะกอกเทศซึ่งต้องถวายแด่พระเจ้า และแยกเก็บไว้สำหรับสมณะผู้รับใช้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราที่กรุงเยรูซาเล็ม สิ่งเหล่านี้ฆราวาสไม่อาจใช้มือแตะต้องได้c 14เขาส่งคนไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อขออนุญาตจากสภาผู้อาวุโส เพราะชาวกรุงเยรูซาเล็มก็ทำเช่นนี้อยู่แล้ว 15ในวันที่คำตอบจะไปถึงมือของเขาและเขาจะปฏิบัติตาม ในวันนั้นเขาจะถูกมอบให้ท่านทำลาย

          16เมื่อข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านรู้เรื่องนี้ จึงหลบหนีออกมา พระเจ้าทรงส่งข้าพเจ้าให้มาร่วมมือกับท่านเพื่อทำกิจการที่ทั่วแผ่นดินจะประหลาดใจเมื่อได้ยิน 17ผู้รับใช้ของท่านเป็นผู้ยำเกรงพระเจ้า รับใช้พระเจ้าแห่งสวรรค์ทั้งวันทั้งคืน บัดนี้ ข้าแต่เจ้านาย ข้าพเจ้าจะอยู่กับท่าน แต่ผู้รับใช้ของท่านจะออกจากค่ายไปที่หุบเขาทุกคืนเพื่ออธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้า พระองค์จะตรัสให้ข้าพเจ้ารู้ว่าชาวเมืองเบธูเลียได้ทำบาปแล้วเมื่อใด 18เมื่อนั้น ข้าพเจ้าจะกลับมาบอกให้ท่านรู้ เพื่อท่านจะได้ยกกองทัพทั้งหมดของท่านเข้าโจมตีเมือง และจะไม่มีผู้ใดต่อต้านท่านได้ 19ข้าพเจ้าจะนำท่านเดินผ่านแคว้นยูเดียไปจนถึงกรุงเยรูซาเล็ม แล้วข้าพเจ้าจะตั้งบัลลังก์พิพากษาให้ท่านกลางเมือง ท่านจะต้อนเขาทั้งหลายเหมือนฝูงแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง แม้สุนัขสักตัวก็จะไม่กล้าเห่าท่าน ข้าพเจ้าได้รับข่าวสารนี้ล่วงหน้า ข้าพเจ้าได้รับการเปิดเผย และถูกส่งมาบอกท่าน

          20ถ้อยคำของนางเป็นที่พอใจของโฮโลเฟอร์เนสและบรรดานายทหาร ทุกคนพิศวงในความเฉลียวฉลาดของนาง พูดว่า 21ไม่มีหญิงคนใดจากฟากหนึ่งถึงอีกฟากหนึ่งของแผ่นดินมีใบหน้าสวยงามและมีคำพูดเฉลียวฉลาดเช่นนี้22โฮโลเฟอร์เนสจึงพูดกับนางว่า พระเจ้าทรงกระทำดีแล้วที่ทรงส่งท่านมาล่วงหน้าประชากรของท่าน เพื่อนำชัยชนะมาไว้ในมือของพวกเรา และนำหายนะมาสู่ผู้ที่ดูหมิ่นเจ้านายของข้าพเจ้า 23ท่านมีใบหน้าสวยงามและพูดจาน่าฟัง ถ้าท่านทำตามที่พูดไว้ พระเจ้าของท่านจะเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า และท่านจะไปอยู่ในพระราชวังของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ จะมีชื่อเสียงไปทั่วแผ่นดิน

 

12    1โฮโลเฟอร์เนสสั่งให้นำนางยูดิธเข้าไปที่โต๊ะอาหารซึ่งจัดไว้ด้วยภาชนะเงิน และนำอาหารเลิศรสกับเหล้าองุ่นอย่างดีของตนมาให้นาง 2แต่นางยูดิธพูดว่า ข้าพเจ้าจะไม่กินอาหารเหล่านี้ เกรงว่าจะเป็นโอกาสให้ทำผิด ข้าพเจ้าจะกินแต่อาหารที่ข้าพเจ้านำมาเท่านั้น 3โฮโลเฟอร์เนสถามว่า ถ้าเสบียงอาหารที่ท่านนำมาหมดแล้ว พวกเราจะไปหาอาหารชนิดนั้นได้อย่างไร ไม่มีเพื่อนร่วมชาติของท่านสักคนเดียวอยู่กับพวกเราที่นี่ 4นางยูดิธตอบว่า ข้าแต่เจ้านาย ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านขอสาบานว่า ท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ใช้เสบียงอาหารที่ข้าพเจ้านำมาจนหมดสิ้น ก่อนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้มือของข้าพเจ้ากระทำตามแผนการที่ทรงกำหนดไว้ฉันนั้น 5บรรดานายทหารของโฮโลเฟอร์เนสนำนางไปที่กระโจม นางนอนหลับอยู่จนถึงเที่ยงคืน แล้วจึงลุกขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนยามครั้งสุดท้าย 6ส่งคนไปบอกโฮโลเฟอร์เนสว่า ขอเจ้านายสั่งให้ผู้รับใช้ของท่านออกไปอธิษฐานภาวนาด้วยเถิด7โฮโลเฟอร์เนสสั่งทหารยามไม่ให้ขัดขวางนาง นางอยู่ในค่ายสามวัน ทุกคืนนางออกไปที่หุบเขาใต้เมืองเบธูเลีย อาบน้ำที่พุน้ำใกล้ค่าย 8เมื่ออาบน้ำแล้ว นางก็อธิษฐานภาวนาขอองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล ให้ทรงนำกิจการของนางจนประชากรของพระองค์ประสบชัยชนะ 9หลังจากทำพิธีชำระตนแล้ว นางก็กลับมาในค่าย อยู่ในกระโจมตลอดวัน ครั้นเวลาเย็น หญิงรับใช้ก็นำอาหารมาให้

 

นางยูดิธกินเลี้ยงกับโฮโลเฟอร์เนส

            10วันที่สี่ โฮโลเฟอร์เนสจัดงานเลี้ยงสำหรับผู้รับใช้ของตนโดยเฉพาะ ไม่เชิญนายทหารคนใดเลย 11เขาบอกบาโกอัส ขันทีต้นห้องของตนว่า จงไปเชิญหญิงชาวฮีบรูที่ท่านดูแลให้มากินและดื่มร่วมกับเราที่นี่ 12เราจะต้องอับอาย ถ้าเราไม่ฉวยโอกาสมีความสุขกับนางa ถ้าเราไม่ชนะใจนาง นางจะหัวเราะเยาะเราได้ 13บาโกอัสจึงจากโฮโลเฟอร์เนส ออกไปพบนางยูดิธ พูดว่า หญิงสวยอย่างท่านไม่ควรลังเลใจที่จะมาพบเจ้านายของข้าพเจ้า เจ้านายจะได้ให้เกียรติแก่ท่าน ท่านจะดื่มเหล้าองุ่นสนุกสนานกับพวกเรา จะเป็นเหมือนหญิงชาวอัสซีเรียที่อยู่ในพระราชวังของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ 14นางยูดิธตอบว่า ข้าพเจ้าเป็นใครเล่าที่จะกล้าปฏิเสธเจ้านายของข้าพเจ้า สิ่งใดเป็นที่พอใจของเขา ข้าพเจ้าจะทำทันที และการทำเช่นนี้จะเป็นความยินดีของข้าพเจ้าจนวันตาย

15นางจึงลุกขึ้น สวมเสื้อผ้าวันฉลองและเครื่องประดับสตรีทั้งหมดที่นางมี หญิงรับใช้ของนางเดินล่วงหน้าไปปูหนังแกะต่อหน้าโฮโลเฟอร์เนส บาโกอัสได้จัดหาหนังแกะผืนนี้ไว้ให้นางใช้ทุกวันเพื่อเอนกายกินอาหารb

16นางยูดิธเข้ามาเอนกายบนหนังแกะผืนนั้น ใจของโฮโลเฟอร์เนสเคลิบเคลิ้มเมื่อเห็นนาง จิตใจปั่นป่วน มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะหลับนอนกับนาง เขาหาโอกาสที่จะชนะใจนางตั้งแต่วันแรกที่เห็นนางแล้ว 17โฮโลเฟอร์เนสจึงเชิญนางว่า จงดื่มและร่วมสนุกสนานกับเราเถิด 18นางยูดิธตอบว่า ถูกแล้วเจ้านาย ข้าพเจ้ายินดีดื่มกับท่าน เพราะตั้งแต่เกิดมา ข้าพเจ้าไม่เคยสนุกสนานเหมือนในวันนี้เลย 19นางนำสิ่งที่หญิงรับใช้เตรียมไว้ออกมา กินและดื่มต่อหน้าเขา 20โฮโลเฟอร์เนสมีความสุขมากที่ได้อยู่กับนาง เขาดื่มเหล้าองุ่นมาก มากกว่าทุกวันที่เคยดื่มในชีวิตของตน

 

13    1ครั้นเวลาดึก ผู้รับใช้ของโฮโลเฟอร์เนสก็รีบออกไป บาโกอัสปิดกระโจมจากด้านนอก สั่งยามให้ไปพ้นสายตาของเจ้านาย ทุกคนจึงไปนอน เหนื่อยล้าเพราะดื่มจนเมามาย 2นางยูดิธอยู่ตามลำพังในกระโจมกับโฮโลเฟอร์เนส ซึ่งนอนแผ่อยู่บนเตียง เพราะดื่มเหล้าองุ่นจนดื่มไม่ได้อีกแล้ว 3นางสั่งหญิงรับใช้ให้ยืนรออยู่นอกห้องนอนจนกว่านางจะออกมา ดังที่เคยปฏิบัติอยู่ทุกวัน นางเคยบอกว่าจะออกไปอธิษฐานภาวนา นางพูดเช่นเดียวกันกับบาโกอัส

          4เมื่อทุกคนจากไปแล้ว และไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องนอน นางยูดิธไปยืนอยู่ข้างเตียงของโฮโลเฟอร์เนส อธิษฐานภาวนาในใจว่า

          ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ

          โปรดทรงพระเมตตาทอดพระเนตรข้าพเจ้าในเวลานี้เถิด

          โปรดทรงช่วยเหลือกิจการที่ข้าพเจ้ากำลังจะทำเพื่อเทิดเกียรติกรุงเยรูซาเล็ม

          5บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงช่วยประชากรที่เป็นมรดกของพระองค์

          และบันดาลให้แผนการของข้าพเจ้า

          ที่จะทำลายศัตรูซึ่งลุกขึ้นมาโจมตีข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้สำเร็จลุล่วงไป

          6แล้วนางจึงไปที่เสาเตียงใกล้ศีรษะของโฮโลเฟอร์เนส ดึงดาบของเขาออกจากฝัก 7เดินเข้าไปใกล้เตียงมากขึ้น ใช้มือจับผมของเขา ดึงศีรษะขึ้น อธิษฐานภาวนาว่า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล โปรดประทานกำลังแก่ข้าพเจ้าในวันนี้เถิด 8แล้วนางก็ฟันลงบนลำคอของเขาสุดกำลังสองครั้ง ตัดศีรษะของเขาจนขาดออกมา 9นางผลักร่างของเขากลิ้งลงจากเตียง ดึงผ้าดาดจากเสาคลุมไว้ แล้วนางก็ออกมา นำศีรษะของโฮโลเฟอร์เนสส่งให้หญิงรับใช้ 10หญิงรับใช้ใส่ศีรษะลงในย่ามอาหาร ทั้งสองคนก็ออกไปอธิษฐานภาวนาเช่นเคย เดินผ่านค่าย อ้อมหุบเขา ขึ้นภูเขาไปยังเมืองเบธูเลียและมาถึงประตูเมือง

 

นางยูดิธนำศีรษะของโฮโลเฟอร์เนสมาที่เมืองเบธูเลีย

            11นางยูดิธตะโกนแต่ไกลเรียกทหารยามที่เฝ้าประตูเมืองว่า เปิดประตู เปิดประตู พระเจ้า พระเจ้าของเราทรงอยู่กับเรา พระองค์ยังทรงสำแดงพละกำลังในอิสราเอล และทรงสำแดงพระอานุภาพต่อสู้ศัตรูของเราอีก ดังที่ทรงกระทำในวันนี้ 12เมื่อชาวเมืองได้ยินเสียงของนาง ก็รีบลงมาที่ประตูเมือง และไปเรียกผู้อาวุโสของเมืองให้มาด้วย 13ทุกคนต่างวิ่งมา ไม่เชื่อว่านางกลับมาแล้ว เขาเปิดประตูเมืองต้อนรับหญิงทั้งสองคน จุดไฟให้มีแสงสว่างแล้วห้อมล้อมหญิงทั้งสองคน 14นางยูดิธร้องเสียงดังเชิญชวนทุกคนว่า จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด จงสรรเสริญพระองค์ จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด เพราะพระองค์ไม่ทรงละเว้นที่จะแสดงพระเมตตาต่อประชากรอิสราเอล แต่ได้ทรงใช้มือของข้าพเจ้าบดขยี้ศัตรูของเราในคืนนี้   15แล้วนางก็ดึงศีรษะของโฮโลเฟอร์เนสออกมาจากย่าม ชูขึ้นให้ทุกคนเห็น พลางพูดว่า นี่คือศีรษะของโฮโลเฟอร์เนส ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพอัสซีเรีย นี่คือผ้าดาดเหนือเตียงที่เขานอนหลับใหลเพราะเมามาย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้มือหญิงคนหนึ่งประหารเขา ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญเทอญ พระองค์ทรงปกป้องข้าพเจ้าระหว่างทางที่ข้าพเจ้าเดินไป ใบหน้าของข้าพเจ้าทำให้เขาหลงใหลจนต้องพบกับความหายนะ เขาไม่ได้ล่วงเกินทำบาปกับข้าพเจ้า ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าต้องเสื่อมเสียหรืออับอายa

          17ประชาชนทุกคนประหลาดใจอย่างยิ่ง กราบลงนมัสการพระเจ้า ร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอถวายพระพรแด่พระองค์ เพราะทรงทำลายล้างศัตรูประชากรของพระองค์ในวันนี้18อุสซียาห์พูดกับนางว่า

          ลูกรัก พระเจ้าผู้สูงสุดประทานพระพรแก่ท่าน

มากกว่าแก่หญิงใดๆบนแผ่นดิน

          ขอองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสร้างสวรรค์และแผ่นดิน จงได้รับพระพร

          พระองค์ทรงนำท่านไปตัดศีรษะของหัวหน้าศัตรูของเรา

          19ความวางใจที่ท่านมีต่อพระเจ้า

          จะไม่ลบเลือนไปจากความทรงจำของมนุษย์

          ซึ่งจะระลึกถึงพระอานุภาพของพระเจ้าตลอดไป

          20ขอพระเจ้าทรงบันดาลให้การกระทำครั้งนี้

เป็นเกียรติแก่ท่านตลอดไป

ขอพระองค์ประทานพระพรแก่ท่านอย่างเต็มเปี่ยม

เพื่อตอบแทนที่ท่านดำเนินชีวิตอย่างเที่ยงตรงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า

และยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเพื่อนร่วมชาติที่ถูกกดขี่

ให้พ้นจากหายนะที่คุกคามเขาอยู่

ประชาชนทุกคนตอบว่า อาเมน อาเมน



10 a ขนมปังและเนยแข็ง แปลตามสำเนาโบราณภาษากรีกหลายฉบับ และตามสำนวนแปลภาษาละตินต่างๆ เช่น ฉบับ Vulgata -- ต้นฉบับภาษากรีกว่า ขนมปังไร้มลทิน ซึ่งเป็นวลีที่ไม่เคยพบที่อื่นเลยในพระคัมภีร์ แต่บางคนคิดว่าผู้เขียนใช้วลีนี้โดยเจตนา เพื่อเน้นว่านางยูดิธปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างเคร่งครัดมากกว่าที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้เสียด้วย และเคร่งครัดยิ่งกว่าพระนางเอสเธอร์ ดู ยดธ 11:17; 12:6-9

b ข่าวน่าเชื่อถือ นางยูดิธยืนยันว่านางจะพูดความจริงกับโฮโลเฟอร์เนส (ดู 11:5) ทั้งๆที่นางมีเจตนาจะหลอกลวงเขา (11:12-19) การกระทำเช่นนี้ในสมัยของบรรพบุรุษ (ดู ปฐก 27:1-25; 34:13-29; 37:32-34) ยังไม่คิดว่าเป็นความผิด เพราะความคิดทางศีลธรรมยังไม่พัฒนา และการกล่าวเช่นนี้จะทำให้แผนการของพระเจ้าประสบความสำเร็จ หรือในสมัยของผู้วินิจฉัย (ดู ยชว 2:1-7; วนฉ 4:17-22) ซึ่งคิดว่าผู้ที่กล่าวเช่นนี้ทำไปเพื่อทำลายศัตรูของพระยาห์เวห์

c กระโจมของโฮโลเฟอร์เนสมีขนาดใหญ่ มีหลายห้อง และประดับประดาอย่างงดงาม (ดู 12:1; 13:1-3; 14:14-15) สมกับตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุด

11 a นางยูดิธกล่าวถ้อยคำกำกวมโดยเจตนา คำว่า กิจการ และ เจ้านาย มีความหมายคลุมเครือ นางยูดิธพูดเช่นนี้หมายความว่าพระเจ้าจะทรงทำให้กิจการของโฮโลเฟอร์เนส ประสบความสำเร็จ หรือ จบลง คือ เขาจะจบชีวิต และกิจการของพระยาห์เวห์จะไม่ผิดพลาด ส่วนโฮโลเฟอร์เนสเข้าใจว่ากิจการ ที่จะไม่ผิดพลาด นี้คือชัยชนะของตน ในข้อ 16 ก็ยังมีคำพูดกำกวมเช่นเดียวกันอีก และในข้อ 8 ขณะที่นางยูดิธชมความเฉลียวฉลาดของโฮโลเฟอร์เนส นางกำลังพูดหลอกลวงเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย

b นี่ก็เป็นถ้อยคำกำกวมอีก คำพูดของอาคิออร์เป็นความจริง แต่สิ่งที่นางยูดิธกล่าวว่าชาวยิวจะทำนั้นไม่เป็นความจริง

c ผู้เขียนกล่าวอ้างถึงข้อห้ามของธรรมบัญญัติเกินความจริง แต่ข้อห้ามเช่นนี้อาจเป็นความเห็นแบบเคร่งครัดของชาวฟาริสีก็ได้

12 a มีความสุขกับนาง เป็นวิธีพูดถึงเพศสัมพันธ์โดยหลีกเลี่ยงสำนวนที่กล่าวถึงเรื่องนี้โดยตรง ดู ดนล 13:54,58 (นอนอยู่ใต้ต้นไม้....)

b เช่นเดียวกับในเรื่องของพระนางเอสเธอร์ ชะตากรรมของชาวอิสราเอลถูกกำหนดในระหว่างการเลี้ยงอาหาร

13 a สำนวนแปลภาษาละตินฉบับ Vulgata ให้นางยูดิธกล่าวขอบคุณพระเจ้าดังต่อไปนี้ แทนข้อ 16 ว่า ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ เพราะทูตสวรรค์ของพระองค์ปกป้องข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าเข้าไปพบโฮโลเฟอร์เนส พักอยู่กับเขา และกลับมา องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้ผู้รับใช้ของพระองค์ต้องเป็นมลทิน แต่ทรงนำข้าพเจ้ากลับมาอย่างบริสุทธิ์ ปราศจากบาป มีความยินดีที่ได้ชัยชนะ หนีมาได้ และปลดปล่อยท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงขอบพระคุณพระองค์เถิด เพราะพระองค์พระทัยดี ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์  (สดด 136:1)