แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

V.  ชัยชนะ

ชาวยิวเข้าโจมตีค่ายชาวอัสซีเรีย
14    1นางยูดิธบอกเขาทั้งหลายว่า “พี่น้อง โปรดฟังข้าพเจ้าเถิด จงนำศีรษะนี้ไปแขวนไว้ที่กำแพงเมือง 2พรุ่งนี้ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นส่องแสงเหนือแผ่นดิน ทุกคนจงจับอาวุธ และชายฉกรรจ์ทุกคนจงออกไปจากเมือง จงแต่งตั้งผู้นำคนหนึ่ง ทำเหมือนกับว่ากำลังลงไปโจมตีด่านแรกของกองทัพอัสซีเรียบนที่ราบ แต่จริงๆแล้วไม่ต้องลงไปจนถึงที่นั่น 3ชาวอัสซีเรียจะจับอาวุธ รีบเข้าค่ายไปปลุกบรรดานายทหาร นายทหารจะรีบไปที่กระโจมของโฮโลเฟอร์เนส เมื่อพบว่าเขาตายแล้วก็จะตกใจกลัว และจะหนีไปต่อหน้าท่าน 4แล้วท่านและผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดินอิสราเอลทั้งหมดก็จะไล่ตามและฆ่าฟันเขาตามทาง”
    5”แต่ก่อนจะทำเช่นนี้ จงเรียกอาคิออร์มาพบข้าพเจ้า เพื่อเขาจะได้เห็นและจำหน้าผู้ที่ดูหมิ่นประชากรอิสราเอลและส่งเขามาหาเรา เพื่อจะให้เราฆ่าเขา” 6เขาทั้งหลายจึงเรียกอาคิออร์มาจากบ้านของอุสซียาห์ เมื่ออาคิออร์มาถึงและเห็นศีรษะของโฮโลเฟอร์เนสในมือของชายคนหนึ่งที่มาชุมนุม เขาก็เป็นลมล้มลงกับพื้น 7เมื่อประชาชนพยุงเขาขึ้นมาแล้ว เขาก็กราบลงแทบเท้าของนางยูดิธ พูดว่า
    “ขอท่านจงได้รับพระพรจากชาวยูดาห์ทุกบ้าน
    และจากชนทุกชาติ
    ผู้ใดได้ยินชื่อของท่าน
    จะรู้สึกหวั่นไหว”
    8”บัดนี้ จงเล่าให้ข้าพเจ้าฟังทุกสิ่งที่ท่านได้ทำในวันเหล่านี้เถิด” นางยูดิธก็เล่าให้เขาฟังต่อหน้าประชาชนถึงสิ่งที่นางได้ทำตั้งแต่วันที่นางออกไปจนถึงเวลาที่นางกำลังพูดอยู่ 9เมื่อนางเล่าจบ ประชาชนก็โห่ร้องแสดงความยินดีจนดังสนั่นไปทั่วเมือง 10เมื่ออาคิออร์เห็นสิ่งที่พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงกระทำ ก็เชื่อมั่นในพระเจ้า รับพิธีสุหนัตเข้าเป็นสมาชิกของประชากรอิสราเอล และลูกหลานของเขายังเป็นประชากรอิสราเอลจนถึงวันนี้”a
    11ครั้นรุ่งเช้า ชาวเมืองเบธูเลียนำศีรษะของโฮโลเฟอร์เนสไปแขวนไว้บนกำแพงเมือง ทุกคนถืออาวุธเดินลงไปตามลาดเขาเป็นกลุ่มๆ 12เมื่อชาวอัสซีเรียเห็นเข้า ก็ส่งคนไปบอกหัวหน้าของตน บรรดาหัวหน้าจึงไปบอกผู้บังคับบัญชากองพันและนายทหารอื่นๆ 13เขาเหล่านี้จึงไปชุมนุมกันหน้ากระโจมของโฮโลเฟอร์เนส และบอกผู้รับใช้ต้นห้องว่า “จงไปปลุกเจ้านายของเราเถิด เพราะทาสเหล่านั้นกล้าลงมาทำศึกกับเรา เขาจะได้ถูกทำลายล้างโดยสิ้นเชิง” 14บาโกอัสเข้าไปข้างใน เคาะที่ทางเข้ากระโจม เพราะคิดว่าโฮโลเฟอร์เนสกำลังนอนอยู่กับนางยูดิธ 15เมื่อไม่มีเสียงตอบ เขาก็เปิดม่านเข้าไปในห้องนอน พบโฮโลเฟอร์เนสนอนอยู่บนพื้นเป็นศพไม่มีศีรษะ 16เขาจึงตะโกนเสียงดัง ร้องไห้สะอึกสะอื้น คร่ำครวญและฉีกเสื้อผ้าแสดงความทุกข์ 17รีบไปยังกระโจมที่นางยูดิธอาศัยอยู่ เมื่อไม่พบนาง เขาก็วิ่งไปหาพวกทหาร ร้องว่า 18”พวกทาสเป็นกบฏ หญิงฮีบรูเพียงคนเดียวนำความอับอายมาสู่ราชวงศ์ของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ มาดูสิ โฮโลเฟอร์เนสนอนตายหัวขาดอยู่บนพื้น”
    19เมื่อบรรดาผู้บังคับบัญชากองทัพชาวอัสซีเรียได้ยินดังนี้ ก็พากันฉีกเสื้อผ้าแสดงความทุกข์และตกใจกลัวอย่างยิ่ง เสียงร่ำไห้และคร่ำครวญดังก้องไปทั่วค่าย
15    1บรรดาทหารที่อยู่ในกระโจมได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นก็ตกตะลึง 2กลัวจนตัวสั่น ไม่มีผู้ใดยอมอยู่ด้วยกัน ต่างหนีกระจัดกระจายไปทุกทิศทางตามถนนในหุบเขาและภูเขา 3ทหารที่รักษาการณ์อยู่ในแถบภูเขารอบเมืองเบธูเลียก็หนีไปด้วย นักรบชาวอิสราเอลทุกคนบุกเข้าโจมตีข้าศึก 4อุสซียาห์ส่งผู้ถือสารไปยังเมืองเบโทมัสธาอิม เบบัย โคบา โคลา และทั่วดินแดนอิสราเอล เพื่อแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้รู้ ชักชวนทุกคนให้รีบไล่ตามศัตรูและทำลายล้างให้หมดสิ้น  5เมื่อชาวอิสราเอลได้ยินดังนี้ ก็พร้อมใจกันเข้าโจมตีศัตรู ฆ่าฟันเขาไปจนถึงเมืองโคบา แม้กระทั่งชาวกรุงเยรูซาเล็มและผู้อาศัยอยู่ในแถบภูเขาaก็เข้าร่วมโจมตีด้วย เพราะได้รับข่าวแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ายของข้าศึก ชาวแคว้นกีเลอาดและชาวแคว้นกาลิลีเข้าสกัดกองทัพของข้าศึกที่กำลังถอยหนี ฆ่าศัตรูจำนวนมาก ไล่ตามไปจนถึงเมืองดามัสกัสและบริเวณรอบๆ 6ส่วนชาวเมืองเบธูเลียที่เหลืออยู่ก็บุกเข้าไปในค่ายของชาวอัสซีเรีย ปล้นสะดมและยึดข้าวของที่มีค่าได้จำนวนมาก 7ชาวอิสราเอลที่กลับจากการฆ่าฟันศัตรูเข้ายึดสิ่งของที่ยังเหลืออยู่มากมาย ส่วนชาวเมืองและหมู่บ้านแถบภูเขาและที่ราบก็ยึดของเชลยได้ เพราะที่นั่นมีของมากมาย

การขอบพระคุณ
    8มหาสมณะโยอาคิมและสภาผู้อาวุโสของชาวอิสราเอลซึ่งอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม มาดูกิจการยิ่งใหญ่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำแก่อิสราเอล และมาพบนางยูดิธเพื่อแสดงความยินดีกับนาง 9เมื่อมาถึงบ้าน เขาพร้อมใจอวยพรนางเป็นเสียงเดียวกันว่า
    “ท่านเป็นสิริรุ่งโรจน์ของกรุงเยรูซาเล็ม
    เป็นความภาคภูมิใจยิ่งใหญ่ของอิสราเอล
    ท่านเป็นศักดิ์ศรีรุ่งโรจน์ของชนชาติของเรา
    10ท่านทำกิจการทั้งหมดนี้ด้วยมือของท่าน
    ท่านได้สร้างความดีแก่อิสราเอล
    องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยกิจการที่ท่านทำ
    ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพประทานพระพรแก่ท่านตลอดไป”

และประชาชนทุกคนพูดเสริมว่า “อาเมน”
    11ประชาชนทุกคนเข้าปล้นค่ายของข้าศึกตลอดเวลาสามสิบวัน เขามอบกระโจมของโฮโลเฟอร์เนสแก่นางยูดิธ พร้อมกับเครื่องเงิน เตียงนอน ถ้วยชามและเครื่องเรือนทั้งหมด นางก็รับไว้ บรรทุกสิ่งของบางอย่างบนหลังล่อ จัดเตรียมเกวียนมาขนข้าวของอื่นๆ 12หญิงชาวอิสราเอลทุกคนต่างวิ่งออกมาดูนาง สรรเสริญและเต้นรำเป็นเกียรติแก่นาง นางหยิบกิ่งไม้พันด้วยเถาวัลย์มาถือไว้ แจกให้แก่บรรดาหญิงที่ห้อมล้อมนางอยู่b 13นางและเพื่อนหญิงนำกิ่งมะกอกเทศมาสวมเป็นมงกุฎ นางเต้นรำนำหน้าหญิงทุกคนโดยมีขบวนประชาชนทั้งหมดตามมา ชายชาวอิสราเอลทุกคนต่างถืออาวุธ สวมมาลัยและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า 14นางยูดิธเริ่มร้องเพลงขอบคุณพระเจ้าในหมู่ชาวอิสราเอลทั้งหมด ประชาชนทุกคนต่างร้องรับเพลงสรรเสริญบทนี้ด้วยc

16    1นางยูดิธร้องว่า
    “จงขับร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยรำมะนา
    จงขับร้องถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเสียงฉาบ
    จงขับร้องเพลงสดุดีประสานเพลงสรรเสริญพระองค์
    จงเทิดเกียรติและเรียกขานพระนามของพระองค์
    2เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงพิชิตสงคราม
    ทรงตั้งaกระโจมประทับในหมู่ประชากรของพระองค์
    ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นเงื้อมมือของผู้เบียดเบียนข้าพเจ้า

    3ชาวอัสซีเรียลงมาจากภูเขาทางเหนือ
    ลงมาพร้อมกับกำลังพลนับหมื่นนับแสน
    มีจำนวนมากจนกั้นธารน้ำไว้ได้
    ม้าของเขามากมายจนปกคลุมเนินเขาต่างๆ
    4เขาขู่จะเผาดินแดนของข้าพเจ้า
    จะฆ่าคนหนุ่มของข้าพเจ้าด้วยดาบ
    จะฟาดเด็กทารกของข้าพเจ้าลงกับพื้น
    จะยึดเด็กๆของข้าพเจ้าเป็นของเชลย
    จะจับหญิงสาวของข้าพเจ้าไป
    5แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพทรงผลักไสเขา
    ด้วยมือของหญิงคนหนึ่ง

    6ผู้ทรงพลังของเขาไม่ได้ล้มลงเพราะชายหนุ่ม
    มิใช่มนุษย์ร่างใหญ่ที่โค่นเขาลง
    มิใช่มนุษย์ยักษ์ที่โจมตีเขา
    แต่เป็นนางยูดิธ บุตรสาวของเมรารี
    ที่ใช้ใบหน้าสวยงามทำให้เขาหมดกำลัง
    7นางถอดเสื้อชุดหญิงม่าย
    เพื่อเชิดชูผู้ตกทุกข์ได้ยากในอิสราเอล
    นางเจิมใบหน้าด้วยน้ำมันหอม
    8ผูกผมด้วยผ้าประดับ
    สวมเสื้อผ้าป่านเพื่อทำให้เขาหลงใหล
    9รองเท้าสานของนางสะดุดตาของเขา
    ความงามของนางผูกมัดใจของเขา
    แต่ดาบตัดคอของเขา
    10ชาวเปอร์เซียกลัวความกล้าหาญของนางจนตัวสั่น
    ชาวมีเดียหวั่นไหวในความห้าวหาญของนาง
    11คนต่ำต้อยของข้าพเจ้าโห่ร้องสัญญาณรบ เขาก็ตกใจกลัว
    ผู้อ่อนแอของข้าพเจ้าร้องตะโกน เขาก็กลัวจนตัวสั่น
    เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณรบ เขาก็หนีไป
    12เขาถูกลูกๆของหญิงทาสแทงทะลุ
    ถูกแทงเหมือนลูกคนหนีทัพ
    เขาล้มตาย เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทรงสู้รบกับเขา

    13ข้าพเจ้าจะขับร้องเพลงบทใหม่ถวายพระเจ้าของข้าพเจ้า
    ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงยิ่งใหญ่ ทรงรุ่งโรจน์
    ทรงพระอานุภาพน่าพิศวง ไม่มีใครชนะพระองค์ได้
    14สิ่งสร้างทั้งมวลจงรับใช้พระองค์
    เพราะพระองค์ตรัส ทุกสิ่งก็ถูกเนรมิตขึ้นมา
    ทรงส่งพระจิตของพระองค์ ทุกสิ่งก็ถูกสร้างขึ้น
    ไม่มีผู้ใดต้านทานพระสุรเสียงของพระองค์ได้

    15เฉพาะพระพักตร์พระองค์ ภูเขาจะสั่นสะเทือนจนถึงราก
    และถูกโยนลงไปในทะเล
    หินผาจะละลายเหมือนขี้ผึ้ง
    แต่สำหรับผู้ที่ยำเกรงพระองค์
    พระองค์ยังทรงสำแดงพระกรุณาเสมอ
    16แม้กลิ่นหอมของเครื่องบูชาเป็นสิ่งเล็กน้อยเฉพาะพระพักตร์
    และไขมันของเครื่องเผาบูชาเป็นสิ่งไร้ค่า
    แต่ผู้ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมเป็นผู้ยิ่งใหญ่ตลอดไป

    17วิบัติจงเกิดแก่ชนชาติที่ลุกขึ้นต่อต้านประชากรของข้าพเจ้า
    องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพจะทรงลงโทษเขาในวันพิพากษา
    พระองค์จะทรงส่งไฟและหนอนมาไชเนื้อหนังของเขา
    เขาจะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดตลอดไป”

    18เมื่อประชาชนมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม เขาก็กราบนมัสการพระเจ้า ชำระตนให้พ้นมลทิน แล้วถวายเครื่องเผาบูชา ถวายเครื่องถวายด้วยใจสมัคร และถวายบรรณาการ 19นางยูดิธถวายสิ่งของทั้งหมดของโฮโลเฟอร์เนส ซึ่งประชาชนมอบให้นาง รวมทั้งผ้าดาดที่นางนำมาจากเตียงของเขา เป็นเครื่องถวายแก้บนแด่พระเจ้า 20ประชาชนยังฉลองต่อไปที่กรุงเยรูซาเล็มหน้าพระวิหารเป็นเวลาสามเดือน นางยูดิธอยู่กับเขาด้วย

นางยูดิธสิ้นชีวิตในวัยชรา
    21เมื่อเสร็จสิ้นวันฉลองเช่นนี้แล้ว ทุกคนก็กลับไปยังถิ่นฐานของตน นางยูดิธกลับไปที่เมืองเบธูเลียและอยู่ในที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของตน ชื่อเสียงของนางเป็นที่เลื่องลือไปทั่วแผ่นดินตลอดชีวิตของนาง 22ชายหลายคนปรารถนาจะแต่งงานกับนาง แต่นางไม่ยอมแต่งงานกับผู้ใดตลอดชีวิต หลังจากมนัสเสห์สามีของนางสิ้นชีวิตและถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษ 23นางมีชีวิตในบ้านของสามี มีอายุยืนนานจนถึงหนึ่งร้อยห้าปี b  ปล่อยหญิงรับใช้ให้เป็นอิสระ นางยูดิธสิ้นชีวิตที่เมืองเบธูเลียและถูกฝังไว้ในคูหาของมนัสเสห์สามีของนาง 24ประชากรอิสราเอลไว้ทุกข์ให้นางเป็นเวลาเจ็ดวัน ก่อนตาย นางได้แจกจ่ายทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ญาติพี่น้องของมนัสเสห์สามี และให้ญาติพี่น้องของตน
    25ตลอดชีวิตของนางยูดิธ และเป็นเวลานานหลังจากที่นางสิ้นชีวิตไปแล้ว ไม่มีผู้ใดรเบียดเบียนชาวอิสราเอลอีกเลย