แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

เมื่อคนหนึ่งยอมรับทฤษฎีเรื่องวิวัฒนาการ เขาจะยังเชื่อในพระผู้สร้างได้หรือ
    ได้ แม้ว่าเป็นความรู้ในศาสตร์ที่แตกต่างกัน ความเชื่อก็ยังเปิดโอกาสให้ค้นคว้าและตั้งสมมุติฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ (282-289)
    เทววิทยาไม่มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติไม่มีความสามารถทางเทววิทยา วิทยาศาสตร์ธรรมชาติไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าในกระบวนการสร้างสรรพสิ่งนั้นมีจุดประสงค์ และในทางกลับกันความเชื่อก็ไม่สามารถบอกได้ว่าในวิวัฒนาการของธรรมชาติ

กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร คริสตชนอาจจะยอมรับทฤษฎีวิวัฒนาการว่าเป็นคำอธิบายที่มีประโยชน์ได้ ในลักษณะที่ไม่คล้อยตามความเห็นนอกรีตเรื่องลัทธิวิวัฒนาการ ซึ่งมองมนุษย์เป็นผลผลิตโดยบังเอิญของกระบวนการทางชีววิทยา -> ทฤษฎีวิวัฒนาการ เป็นสมมุติฐานการมีอยู่ของบางสิ่งที่สามารถวิวัฒนาการได้ แต่ทฤษฎีนี้มิได้กล่าวถึงว่า สิ่งนั้นมีที่มาจากไหน และยิ่งไปกว่านั้น ทฤษฏีนี้ไม่มีคำตอบในลักษณะทางชีววิทยาต่อคำถามเรื่องการดำรงอยู่ แก่นแท้ ศักดิ์ศรี หน้าที่ ความหมายรวมทั้งคำถามที่ว่าโลกและมนุษย์มาจากไหน เมื่อ “ลัทธิวิวัฒนาการ” ก้าวเกินขอบเขตไป จนกลายเป็น ->ลัทธิการสร้าง ซึ่งนำข้อมูลจากพระคัมภีร์ตามตัวอักษรมาใช้ (เช่น การคำนวณอายุของโลก พวกเขาอ้างถึงการสร้างโลกเป็นเวลาหกวันในปฐมกาล 1)

วิวัฒนาการ (Evolution) (ภาษาลาติน evolution การพัฒนา) การเจริญเติบโตรูปแบบสุดท้ายของสิ่งมีชีวิตมากกว่าล้านปี ในมุมมองของคริสตชน วิวัฒนาการนี้เป็นการสร้างต่อเนื่องของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในกระบวนการตามธรรมชาติ
ลัทธิการสร้าง (Creationism) (ภาษาลาติน creation การทำ การผลิต) ความคิดที่ว่าพระเจ้าเองทรงสร้างโลกทั้งมวลเสร็จโดยตรงและทันที ตามตัวอักษรที่หนังสือปฐมกาลได้เล่าไว้
“พระเยซูเจ้าทรงเป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่งและทรงเป็นรากฐานของทุกสิ่ง ผู้ที่ไม่รู้จักพระองค์ก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโลกและตนเอง” แบลช ปัสกัล (1588-1651)