พระเจ้าทรงพิพากษาคนอธรรมj
20เมื่อคนอธรรมจะต้องมารายงานบาปที่เขาได้กระทำ
เขาจะมาด้วยความกลัวตัวสั่น
เพราะความชั่วร้ายที่ได้ทำจะกล่าวหาเขา
5 1เวลานั้น ผู้ชอบธรรมaจะยืนด้วยความมั่นใจเต็มที่
เผชิญหน้ากับผู้ที่เคยกดขี่ข่มเหง
และผู้ที่เคยดูหมิ่นความยากลำบากของเขา
2เมื่อคนอธรรมเห็นผู้ชอบธรรม ก็จะตกใจกลัวจนตัวสั่น
แปลกใจเมื่อเห็นผู้ชอบธรรมได้รับความรอดพ้นอย่างที่ตนไม่เคยคาดหมาย
3เขาจะสำนึกผิด คร่ำครวญb จิตใจระทมทุกข์ พูดกันว่า
4”ดูซิ นี่คือผู้ที่เราเคยหัวเราะเยาะ
เราเคยคิดโง่เขลา ทำเขาให้เป็นเป้าหมายของการเยาะเย้ย
เราคิดว่าชีวิตของเขาเป็นความบ้า
และความตายของเขาไร้ศักดิ์ศรี
5เหตุไฉนพระเจ้าจึงทรงนับเขาในหมู่บุตรของพระองค์
และเขามีส่วนในชีวิตเช่นเดียวกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์c
6พวกเราหันเหออกไปจากทางแห่งความจริง
แสงสว่างแห่งความชอบธรรมไม่ได้ส่องเหนือเรา
และดวงอาทิตย์มิได้ขึ้นสำหรับเราเลย
7เราเดินตามทางของความชั่วร้ายและหายนะจนอิ่มเต็มที่
เราเดินในถิ่นทุรกันดารโดยไร้ทิศทาง
เราไม่รู้จักหนทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า
8ความหยิ่งยโสนำประโยชน์ใดมาให้เรา
ความร่ำรวยที่ทำให้เราหยิ่งผยองให้ประโยชน์ใดแก่เราบ้าง
9ทุกสิ่งนี้ผ่านไปคล้ายกับเงา
หายไปเหมือนข่าวที่ไม่มีใครฟัง
10เหมือนกับเรือแล่นฝ่ายอดคลื่นใหญ่ในทะเล
เมื่อผ่านไปแล้วก็มิได้ทิ้งร่องรอยไว้
ไม่มีรอยท้องเรือเหลืออยู่บนคลื่นเลย
11หรือเหมือนนกบินไปในอากาศ
ไม่ทิ้งร่องรอยของการบินผ่านไว้เลย
นกกระพือปีกฝ่าอากาศบางเบา
แหวกลมผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ขยับปีกบินผ่านอากาศไป
แต่ไม่มีใครพบเครื่องหมายของการบินผ่านนี้เลย
12หรือเหมือนลูกศรที่ยิงไปยังเป้าหมาย
แหวกอากาศไปแล้ว อากาศก็กลับเข้าที่เดิม
ไม่มีใครรู้ว่าลูกศรวิ่งผ่านไปทางไหน
13พวกเราก็เช่นเดียวกัน พอเกิดมาก็หายไปแล้วd
ไม่ได้ทิ้งเครื่องหมายของคุณธรรมใดๆไว้ให้ใครเห็น
ทั้งชีวิตของเราหมดไปในความชั่วร้าย”e
14ความหวังของคนอธรรมเหมือนแกลบปลิวไปตามลมf
เหมือนฟองgบางเบาที่ลมพายุพัดไป
เหมือนควันที่กระจายไปในสายลม
เลือนไปจากความทรงจำดุจผู้มาเยี่ยมที่มาพักเพียงวันเดียว