แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

การเปรียบเทียบครั้งที่ห้า – ความมืดและเสาเพลิงa


17.    1การวินิจฉัยของพระองค์ใหญ่ยิ่ง ยากที่จะอธิบายได้
ผู้ไร้การศึกษาจึงหลงผิด
2คนอธรรมคิดจะกดขี่ชนชาติศักดิ์สิทธิ์
เขาก็กลับเป็นเชลยของความมืด
ถูกกลางคืนที่ยาวนานจองจำไว้
ถูกกักขังอยู่ภายในบ้าน ห่างจากพระญาณเอื้ออาทรนิรันดรของพระเจ้า
3เขาทำบาปอย่างเร้นลับ คิดว่าไม่มีผู้ใดเห็น
และคิดว่าพระองค์จะทรงลืมความผิดเสมือนมีม่านคลุมไว้
    เขาจึงมีความหวาดกลัวสยดสยอง
กระจัดกระจายไปเหมือนเห็นภาพหลอนb
4แม้ที่หลบซ่อนที่เขาอยู่ก็ไม่ทำให้พ้นความหวาดกลัวไปได้
เพราะมีเสียงน่ากลัวดังก้องอยู่รอบด้าน
ภูตผีซึมเศร้าใบหน้าหมองคล้ำปรากฏมาหลอกหลอน
5ไม่มีแสงสว่างมากพอจะให้ความสว่างแก่เขาได้
ดาวดาวสุกใสก็ไม่อาจส่องสว่างในราตรีที่น่าสยดสยองนั้น
 6มีแต่ไฟน่ากลัวปรากฏขึ้น
แต่เมื่อภาพนั้นหายไป เขาก็ยังกลัวเพราะคิดว่าสิ่งที่เขาได้เห็นนั้นชั่วร้ายยิ่งกว่าเดิม
7เวทมนตร์คาถาของเขาไม่มีผลในเวลานี้c
ความรู้ที่เขาเคยอวดอ้างยิ่งทำให้เขาอับอาย
8เขาสัญญาว่าจะขจัดความกลัวและความกังวลออกไปจากจิตใจที่อ่อนแอ
แต่น่าหัวเราะที่เขาต้องตกใจกลัวสิ่งที่ไม่น่ากลัวเลย
9แม้ไม่มีสัตว์ร้ายเป็นเหตุให้เขาต้องกลัว
เขากลับหวาดกลัวเมื่อแมลงบินผ่าน และงูส่งเสียงฟู่ฟู่
10เขาตายด้วยความกลัวตัวสั่น
ไม่ยอมเปิดตามองดูแม้แต่อากาศ ซึ่งเขาจะหนีไปไหนก็ไม่พ้น
11คนอธรรมย่อมขลาดกลัวโดยธรรมชาติ
และเป็นพยานตัดสินลงโทษตนเอง
เมื่อถูกมโนธรรมdติเตียน เขาก็มองทุกสิ่งในแง่ร้ายยิ่งขึ้นเสมอ
12ผู้ใดมีความกลัวก็เป็นเพราะว่าเขาไม่ยอมพิจารณาตามเหตุผล
13ยิ่งเขาใช้เหตุผลน้อยลงเท่าใด
เขายิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น เพราะไม่รู้สาเหตุของความทุกข์ทรมานนั้น
14ตลอดคืนนั้นชาวอียิปต์นอนหลับอย่างไม่เป็นสุขเหมือนกันทุกคน
แม้คืนนั้นจะไม่มีอำนาจใดเหนือเขาเลย
เพราะคืนนั้นมาจากห้วงลึกไร้อำนาจของแดนมรณะ
15บางครั้งเขาถูกภาพหลอนน่ากลัวทรมาน
บางครั้งเขารู้สึกตัวแข็งเพราะความตกใจ
ความกลัวที่คาดไม่ถึงผุดขึ้นมาทันที
16ใครอยู่ที่ไหนก็ล้มอยู่ที่นั่น
เหมือนถูกขังอยู่ในคุกที่ไม่มีกรงเหล็ก
17เขาจะเป็นชาวนาหรือคนเลี้ยงแกะ
หรือคนทำงานในถิ่นทุรกันดาร
เขาก็ต้องประสบชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะทุกคนอยู่ในความมืดประหนึ่งว่ามีโซ่เส้นเดียวกันมัดอยู่
18เสียงลมพัดหวีดหวิว เสียงนกร้องไพเราะในสุมทุมพุ่มไม้
เสียงน้ำไหลแรงซ่า เสียงหินที่ตกลงมาดังสนั่น
19เสียงวิ่งโลดเต้นของสัตว์ที่ไม่มีใครเห็น
เสียงคำรามของสัตว์ป่าดุร้าย หรือเสียงกึกก้องจากช่องภูเขา
ล้วนทำให้เขาหวาดกลัวจนตัวแข็ง
20ทั่วโลกมีแสงสว่างเจิดจ้า
ทุกคนกำลังทำงานอยู่อย่างอิสรเสรี
21กลางคืนมืดมิดปกคลุมเพียงชาวอียิปต์เท่านั้น
เป็นภาพของความมืดที่กำลังจะมาครอบคลุมเขาในไม่ช้า
แต่ชีวิตของเขากลายเป็นภาระหนักสำหรับตนมากกว่าความมืด

18.    1แต่แสงสว่างเจิดจ้าส่องเหนือบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ชาวอียิปต์ได้ยินเสียงของเขา แต่ไม่เห็นตัวเขาa
พูดกันว่าประชากรของพระเจ้าเป็นสุข
เพราะไม่ต้องรับทุกข์ทรมานเหมือนตนb
2ชาวอียิปต์ยังขอบใจเขาที่มิได้แก้แค้นความผิดที่ตนเคยทำกับเขา
และขอโทษเขาที่ตนเคยเป็นศัตรูกับเขาc
3แต่พระองค์กลับประทานเสาเพลิงโชติช่วง
เพื่อนำประชากรของพระองค์ไปตามทางที่เขาไม่รู้จัก
เป็นเสมือนแดดอ่อนเพื่อช่วยเขาในการอพยพที่มีเกียรติ
4ส่วนชาวอียิปต์สมควรจะขาดความสว่างและถูกกักขังอยู่ในความมืด
เพราะเขาเคยกักขังบรรดาบุตรของพระองค์ไว้
พระองค์มีพระประสงค์จะใช้บุตรเหล่านี้
ประทานธรรมบัญญัติเป็นแสงสว่างไม่มีวันดับสูญให้ชาวโลก