XIII. บทส่งท้าย


    2โทบิตมีอายุถึงหนึ่งร้อยสิบสองปีแล้วก็สิ้นใจ และถูกฝังไว้อย่างสมเกียรติที่กรุงนีนะเวห์ ตาเขาบอดเมื่ออายุหกสิบสองปี เมื่อมองเห็นแล้ว เขามีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข เขาให้ทานแก่คนยากจน ถวายพระพรแด่พระเจ้าและสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระองค์อยู่เสมอ 3เมื่อใกล้จะตาย เขาเรียกโทบียาห์บุตรชายเข้ามาหาและสั่งว่า “ลูกเอ๋ย จงพาบุตรของลูก 4ไปลี้ภัยในแคว้นมีเดีย เพราะพ่อเชื่อว่าพระวาจาของพระเจ้าที่ประกาศกนาฮูมa เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับกรุงนีนะเวห์ทุกอย่างจะเป็นจริง และจะเกิดขึ้นแก่แคว้นอัสซีเรียและกรุงนีนะเวห์ ดังที่ประกาศกของอิสราเอลที่พระเจ้าทรงส่งมาได้กล่าวทำนายไว้ จะไม่มีถ้อยคำใดเลยที่จะไม่เป็นจริง ทุกสิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลาb ในแคว้นมีเดียลูกจะปลอดภัยมากกว่าในแคว้นอัสซีเรีย หรือที่กรุงบาบิโลน พ่อรู้และเชื่อว่าทุกสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้จะเป็นจริงและจะเกิดขึ้น ไม่มีถ้อยคำใดที่พระองค์ตรัสไว้จะไม่เป็นจริง
    บรรดาพี่น้องของเรา ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอิสราเอลทุกคน จะกระจัดกระจายเป็นเชลยห่างจากแผ่นดินที่สวยงามของตน แผ่นดินทั้งหมดของอิสราเอลจะกลายเป็นถิ่นทุรกันดาร กรุงสะมาเรียและกรุงเยรูซาเล็มจะกลายเป็นที่รกร้าง พระวิหารของพระเจ้าจะถูกทำลายและถูกไฟเผาอยู่ระยะหนึ่ง 5แต่พระเจ้าจะทรงพระเมตตาต่อเขาทั้งหลายอีก จะทรงนำเขากลับไปยังแผ่นดินอิสราเอล เขาจะสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ จะไม่เหมือนพระวิหารเดิม แต่จะคงอยู่จนถึงเวลาที่ทรงกำหนดไว้ ต่อมา เขาทุกคนจะกลับจากการเนรเทศ และจะสร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ให้รุ่งเรือง เขาจะสร้างพระวิหารของพระเจ้าตามที่บรรดาประกาศกของอิสราเอลเคยกล่าวพยากรณ์ไว้ 6ชนทุกชาติที่อยู่ทั่วแผ่นดินจะกลับใจและยำเกรงพระเจ้าอย่างจริงใจ ทุกคนจะละทิ้งรูปเคารพที่ทำให้เขาหลงไปเชื่อคำเท็จ และจะถวายพระพรแด่พระเจ้าจอมจักรวาลอย่างที่ควร 7ชาวอิสราเอลทุกคนที่รอดชีวิตอยู่ในวันนั้นและระลึกถึงพระเจ้าด้วยใจจริง จะมาชุมนุมกันที่กรุงเยรูซาเล็ม และจะอยู่ในแผ่นดินของอับราฮัมอย่างสงบตลอดไป พระเจ้าประทานแผ่นดินนั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาอีก ผู้ที่รักพระเจ้าอย่างจริงใจจะชื่นชมยินดี ส่วนผู้ที่ทำบาปและความอธรรมจะสูญหายไปจากทั่วแผ่นดิน
    8-9บัดนี้ ลูกหลานเอ๋ย พ่อสั่งลูกๆเช่นนี้ จงรับใช้พระเจ้าจากใจจริง และจงทำสิ่งที่พระองค์พอพระทัย จงสั่งสอนลูกๆว่าเขามีหน้าที่ปฏิบัติความยุติธรรม และให้ทานแก่คนยากจน ระลึกถึงพระเจ้าและถวายพระพรแด่พระนามของพระองค์เสมอจากใจจริงและสุดกำลัง
    ลูกเอ๋ย จงออกจากกรุงนีนะเวห์ อย่าอยู่ที่นี่ต่อไปอีก หลังจากที่ลูกฝังศพแม่ของลูกไว้ใกล้กับพ่อแล้ว วันนั้นเอง ลูกต้องไม่อยู่ในเขตกรุงนีนะเวห์ พ่อเห็นว่าชาวเมืองนี้ปฏิบัติความอธรรมและการฉ้อโกงอย่างมากโดยไม่อับอายเลย 10ลูกเอ๋ย จงคิดถึงสิ่งที่นาดับเคยทำกับอาหิคาร์ พ่อเลี้ยงของเขา ให้ต้องลงไปอยู่ในคุกมืดทั้งเป็นมิใช่หรือ แต่พระเจ้าทรงทำให้อาหิคาร์เห็นผลกรรมที่นาดับได้ทำแก่ตน อาหิคาร์ได้กลับมาสู่แสงสว่าง ในขณะที่นาดับต้องลงไปสู่ความมืดตลอดไป เพราะเขาประทุษร้ายต่อชีวิตของอาหิคาร์ อาหิคาร์รอดพ้นจากบ่วงแร้วที่นาดับวางดักไว้จะให้เขาตาย เพราะเขาเคยให้ทานแก่คนยากจนc ส่วนนาดับกลับตกลงไปในบ่วงแร้วของตนเองที่ทำให้เขาตาย 11ลูกหลานเอ๋ย จงพิจารณาเถิดว่าการให้ทานเกิดผลดีอย่างไร และการปฏิบัติความอธรรมเกิดผลร้ายนำไปสู่ความตายอย่างไร ดูซิ บัดนี้พ่อกำลังจะตายอยู่แล้ว”
    บุตรหลานนำเขาให้นอนลงบนเตียง แล้วเขาก็สิ้นใจd และถูกฝังอย่างสมเกียรติ
    12เมื่อมารดาสิ้นใจ โทบียาห์ก็ฝังนางไว้คู่กับบิดาของตน แล้วออกเดินทางไปแคว้นมีเดียพร้อมกับภรรยาและบุตรe เขาไปอยู่กับรากูเอล บิดาของภรรยาที่เมืองเอกบาทานา 13เขาดูแลบิดามารดาของภรรยาในวัยชราอย่างสมเกียรติ และฝังไว้ที่เมืองเอกบาทานาในแคว้นมีเดีย โทบียาห์ได้รับมรดกของรากูเอลรวมกับมรดกที่เขาได้รับจากโทบิตบิดาของตน 14เขามีชีวิตอยู่อย่างมีเกียรติจนอายุได้หนึ่งร้อยสิบเจ็ดปีf จึงสิ้นใจ 15ก่อนตาย เขาได้ยินข่าวว่ากรุงนีนะเวห์ถูกทำลาย และเห็นชาวนีนะเวห์ที่ถูกจับเป็นเชลยถูกซีอาซาเรสgกษัตริย์แห่งมีเดีย กวาดต้อนมาที่แคว้นมีเดีย โทบียาห์ถวายพระพรแด่พระเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำกับชาวนีนะเวห์และชาวอัสซีเรีย ก่อนจะสิ้นใจ เขามีโอกาสยินดีกับชะตากรรมที่เกิดขึ้นแก่กรุงนีนะเวห์ และถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป อาเมน