แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

เพลงสดุดีที่ 105
พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพระสัญญา

    สดด บทนี้และบทต่อไปมีลักษณะคล้ายกันมากในฐานะที่กล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล แต่มีมุมมองต่างกัน ใน สดด 105 ผู้ประพันธ์ต้องการชี้ให้เห็นว่าพระเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพระสัญญาที่ทรงให้ไว้แก่ประชากรของพระองค์เสมอมา แต่ สดด 106 กล่าวย้ำถึงความไม่เชื่อฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่พระเจ้าทรงรับจากชนชาติอิสราเอล เพลงสดุดีทั้งสองบทนี้คงใช้ในเทศกาลอยู่เพิงเมื่อชาวอิสราเอลรื้อฟื้นความสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าโดยยอมรับว่าพระเจ้าทรงกระทำดีต่อตนตลอดมา (สดด 105) พร้อมกับสารภาพผิดที่ได้ขัดพระบัญชาอยู่เสมอๆ (สดด 106) พระศาสนจักรเป็นส่วนรวมและคริสตชนแต่ละคนอาจใช้เพลงสดุดีทั้งสองบทนี้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน



1    จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ จงเรียกขานพระนามของพระองค์เถิด
        จงประกาศพระราชกิจของพระองค์แก่บรรดาประชาชาติ
2    จงขับร้องเพลงถวายพระองค์ จงร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์
        จงบอกเล่าถึงพระราชกิจน่าพิศวงทั้งปวงของพระองค์
3    จงภูมิใจในพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
        ใจของผู้แสวงหาพระยาห์เวห์จงชื่นชมเถิด
4    จงแสวงหาพระยาห์เวห์และพระอานุภาพของพระองค์
        จงแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์อยู่เป็นนิตย์
5    จงระลึกถึงพระราชกิจน่าพิศวงที่ทรงกระทำ
        ระลึกถึงพระปาฏิหาริย์และพระวินิจฉัยที่พระองค์ตรัสไว้
6    ท่านทั้งหลายที่เป็นเชื้อสายของอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์
        เป็นลูกหลานของยาโคบซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรร
7    พระองค์คือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรา
        พระองค์ทรงปกครองทั่วแผ่นดิน
8    พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์อยู่ตลอดเวลา
        ทรงระลึกถึงพระวาจาที่ทรงบัญชาไว้สำหรับมนุษย์หนี่งพันชั่วอายุคน
9    พันธสัญญาที่ทรงกระทำไว้กับอับราฮัม
        และคำปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อิสอัค
10    พระองค์ทรงรับรองพันธสัญญานี้ไว้เป็นข้อกำหนดสำหรับยาโคบ
        เป็นพันธสัญญานิรันดรสำหรับอิสราเอล
11    เมื่อตรัสว่า "เราจะให้แผ่นดินคานาอันแก่ท่าน
        เป็นส่วนมรดกของท่านและลูกหลาน"
12    เมื่อเขาทั้งหลายยังมีจำนวนน้อย
        เป็นคนต่างถิ่นเพียงไม่กี่คนอยู่ในแผ่นดินนั้น
13    เร่ร่อนจากชาติหนึ่งไปยังอีกชาติหนึ่ง
        จากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกประชาชาติหนึ่ง
14    พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ผู้ใดมาเบียดเบียนเขา
        เพราะเห็นแก่เขา พระองค์ทรงกำชับบรรดากษัตริย์
15    ตรัสว่า "อย่าแตะต้องบรรดาผู้รับเจิมของเรา
        อย่าทำร้ายบรรดาประกาศกของเรา"
16    พระองค์ทรงเรียกความอดอยากมาสู่แผ่นดิน
        ทรงทำลายเสบียงอาหารของเขาจนหมดสิ้น
17    ทรงส่งบุรุษผู้หนึ่งล่วงหน้ามาก่อน
        คือโยเซฟผู้ถูกขายเป็นทาส
18    เท้าของเขาถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน
        คอของเขาติดอยู่ในปลอกเหล็ก
19    จนกระทั่งคำพยากรณ์ของเขาเป็นจริง
        พระวาจาของพระยาห์เวห์พิสูจน์ว่าเขาบริสุทธิ์
20    กษัตริย์แห่งอียิปต์จึงมีพระบัญชาให้ปล่อยเขา
        ผู้ปกครองประชาชาติปล่อยเขาเป็นอิสระ
21    ทรงแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าดูแลราชสำนัก
        ให้เป็นผู้จัดการทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพระองค์
22    เพื่อให้วิชาความรู้แก่บรรดาข้าราชบริพารตามดุลพินิจ
        และสอนบรรดาผู้อาวุโสให้มีปรีชาญาณ
23    แล้วอิสราเอลก็เข้ามาในอียิปต์
        ยาโคบเข้ามาอาศัยอยู่อย่างคนต่างถิ่นในแผ่นดินฮาม
24    พระเจ้าทรงบันดาลให้ประชากรของพระองค์ทวีจำนวนขึ้นมากมาย
        โปรดให้เขามีพละกำลังมากกว่าบรรดาศัตรู
25    ทรงเปลี่ยนใจชาวอียิปต์ให้เกลียดชังประชากรของพระองค์
        และให้ปฏิบัติไม่ซื่อต่อบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
26    พระองค์ทรงส่งโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์
        และอาโรนผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรร
27    เขาทั้งสองคนทำเครื่องหมายอัศจรรย์ตามพระบัญชาของพระองค์ในหมู่ชาวอียิปต์
        ทำปาฏิหาริย์ในแผ่นดินฮาม
28    พระองค์ทรงส่งความมืด ความมืดก็ปกคลุมแผ่นดิน
        แต่เขาเหล่านั้นก็ยังกล้าท้าทายพระวาจาของพระองค์
29    พระองค์ทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเลือด
        และทรงบันดาลให้ปลาในแม่น้ำตายสิ้น
30    แผ่นดินของเขาถูกฝูงกบเข้ามารุกราน
        เข้าไปจนถึงพระราชฐานชั้นในของกษัตริย์
31    เมื่อพระเจ้าตรัสสั่ง แมลงวันก็กรูกันมา
        และฝูงยุงก็เข้ามาอยู่ทั่วเขตแดนของเขา
32    พระองค์ประทานลูกเห็บแทนฝน
        ให้ฟ้าแลบแปลบปลาบทั่วแผ่นดินของเขา
33    ทรงทำลายเถาองุ่นและต้นมะเดื่อเทศ
        และทรงหักโค่นต้นไม้ในเขตแดนของเขา
34    พระองค์ตรัสสั่ง ตั๊กแตนก็เข้ามา
        เป็นฝูงตั๊กแตนเหลือคณานับ
35    กินหญ้าเขียวทั้งหมดในแผ่นดิน
        และทำลายผลิตผลในผืนดินของเขา
36    ทรงสังหารบุตรคนแรกทุกคนของแผ่นดิน
        ซึ่งเป็นผลแรกของวัยฉกรรจ์
37    พระองค์ทรงนำอิสราเอลออกไปพร้อมกับเงินและทองคำ
        ในเผ่าต่างๆไม่มีผู้ใดเจ็บป่วยเลย
38    ชาวอียิปต์ดีใจที่เขาทั้งหลายออกไป
        เพราะกลัวชาวอิสราเอลมาก
39    พระองค์ทรงแผ่ก้อนเมฆออกปกคลุมเขาทั้งหลาย
        และประทานไฟให้ส่องแสงในเวลากลางคืน
40    เมื่อเขาทูลขอe พระองค์ก็ทรงนำนกคุ่มลงมา
        ประทานอาหารจากท้องฟ้าให้เขากินจนอิ่ม
41    พระองค์ทรงเปิดหินผา น้ำก็พวยพุ่งออกมา
        ไหลเชี่ยวเหมือนลำธารในถิ่นทุรกันดาร
42    เพราะพระองค์ทรงระลึกถึงพระสัญญาศักดิ์สิทธิ์
        ที่ประทานแก่อับราฮัม ผู้รับใช้ของพระองค์
43    พระองค์ทรงนำประชากรของพระองค์ออกไปด้วยใจชื่นบาน
        ทรงนำผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้ ซึ่งโห่ร้องด้วยความยินดี
44    พระองค์ประทานแผ่นดินของนานาชาติแก่เขา
        ให้เขายึดครองผลงานของชนชาติอื่นๆเป็นมรดก
45    เพื่อรักษาข้อกำหนดของพระองค์
        และปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระองค์
    อัลเลลูยา