20.    การภาวนาในวัด
    น่าแปลกใช่ไหมว่าสถานที่ที่เราสวดภาวนาได้ยากที่สุด คือระหว่างพิธีกรรมในวัด ซึ่งที่จริงเราก็สวดภาวนากันอย่างแน่นอน และบางบทเราก็เป็นผู้สวดเอง แต่เมื่อมองภาพรวม ดูเหมือนว่าหลาย ๆ คนไม่ได้รับความรู้สึกดี ๆ จากการภาวนาในพิธีกรรม มีหลายสิ่งหลายอย่างรบกวนสมาธิของเรา ไม่ว่าจะเป็นเสียงครางของเครื่องขยายเสียง ความคิดแปลก ๆ ของผู้นำสวด ความสงสัยในใจว่า ก่อนออกจากบ้าน เราได้กดปุ่มตั้งเวลาที่เตาอบหรือเปล่า นอกจากนี้ ยังมีความรู้สึกห่างเหินแปลก ๆ ที่กั้นอยู่ระหว่างเรา กับการภาวนาของเรา

    สาเหตุหนึ่งของความรู้สึกเช่นนี้ คือเราไม่ได้กำลังสวดภาวนาในลักษณะที่เหมาะสมกับตัวเรา เรากำลังพยายามสวดภาวนาในรูปแบบที่เหมือนกับคนอื่น ๆ และการภาวนาที่ใช้ในการนมัสการร่วมกันอาจไม่ใช่รูปแบบที่เราชอบ นอกจากนี้ พิธีกรรมในวัดยังเต็มไปด้วยสารที่ไม่ได้สื่อออกมาเป็นคำพูด และบรรยากาศก็อาจเต็มไปด้วยสิ่งอื่น ๆ จนเราไม่สามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ และเราอาจต้องรับผิดชอบงานบางอย่างในวัด อย่างน้อยก็ต้องพบปะ และพูดคุยกับสัตบุรุษอื่น ๆ และสิ่งเหล่านี้ทำให้เราไม่มีเวลาคิดถึงพระเจ้า
    เพื่อแก้ปัญหานี้ สิ่งแรกที่ควรทำคือสำรวมจิตใจของเราให้หันไปหาพระเจ้า เราต้องคาดหวังว่าพระองค์ประทับอยู่ที่นั่น และเราสามารถพบพระองค์ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การไม่คาดหวังเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เราไม่ได้พบกับพระเจ้า อันที่จริง พระเจ้าประทับอยู่รอบตัวเรา และทรงพร้อมจะพบกับเราเสมอ เราต่างหากที่ไม่คาดหวังว่าจะพบพระองค์ที่นั่น เราทำตัวเหมือนเป็นแขกในงานแต่งงานที่ไม่คาดหมายว่าจะพบเจ้าบ่าว เรามองผ่านเขาไป และคอยถามแต่ว่าเมื่อใดเจ้าบ่าวจะมา

คำถาม
    เมื่อใดเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณไปวัดพร้อมกับคาดหมายว่าจะถูก
พระอานุภาพ และพระสิริรุ่งโรจน์ (หรือความรัก และความเมตตา) ของพระเจ้าระเบิดใส่จนคุณกระเด็น

ลองทำดู
•    จงเตรียมตัวก่อนจะไปวัด อย่าได้แต่เดินเอื่อย ๆ เข้าไปในวัดในวินาทีสุดท้ายเหมือนไม่ตั้งใจมา อย่าเดินเข้าไปเบื้องหน้าที่ประทับของพระเจ้า พร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋าและผิวปากเป็นเพลงสวดของบาค เมื่อคุณตื่นนอน หรือขณะที่คุณกำลังเดินไป หรือขับรถไปวัด หรือ (เวลาที่ดีที่สุด) ขณะที่คุณนั่งเงียบ ๆ ครู่หนึ่งในคืนก่อนหน้านั้น ให้ระลึกว่าคุณจะมาวัดเพื่อทำอะไร และคุณกำลังมาพบใคร จากนั้นให้สวดภาวนาเพื่อทุกคนที่จะมาร่วมในพิธี และขอให้หมวกนิรภัยและอุปกรณ์ช่วยชีวิตสามารถช่วยให้คนเหล่านี้ปลอดภัย เมื่อเขาพบกับพระเจ้าผู้ทรงชีวิตอย่างจัง !
•    ให้ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของคุณที่จะสวดภาวนาตลอดพิธีกรรม แทนที่จะคาดหมายให้ผู้อื่น “สร้างความบันเทิง” ให้คุณด้วยการภาวนาของเขา (พิธีมิสซาอาจกลายเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งได้ง่าย ๆ ในวัฒนธรรมที่คนมองว่าแม้แต่ข่าวในโทรทัศน์ก็ยังเป็นแค่กิจกรรมยามว่าง) จากนั้น ให้ร่วมสวดภาวนาอย่างตั้งใจทั้งก่อนพิธี ก่อนช่วงวจนพิธีกรรม ภาวนาตามเนื้อเพลงสวด เมื่อพระสงฆ์เริ่มเทศน์ ก็ภาวนาให้พระสงฆ์ และภาวนาเมื่อจบพิธี เมื่อทุกคนออกไปสังสรรค์กันนอกวัด หรือกลับบ้าน จงภาวนาอย่างมีจุดมุ่งหมาย และจงรู้ว่าพระเจ้าสดับฟังคุณ
•    คุณเคยไปสวดภาวนาในวัดระหว่างสัปดาห์เมื่อไม่มีใครอยู่ที่นั่นหรือเปล่า สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ซึ่ง “คำภาวนาเป็นที่ยอมรับ” เหล่านี้ เป็นโอเอซิสสำหรับเรา อันที่จริง มีคนจำนวนมากขึ้นที่ไม่เรียกตนเองว่าคริสตชน - แต่รู้ตัวว่าเขาจำเป็นต้องมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ - กำลังใช้วัดของเราเพื่อจุดประสงค์นี้ ถ้าประตูวัดเปิด! นี่คือปัญหาของเราในปัจจุบัน ถ้าเปิดประตูวัดทิ้งไว้ก็จะมีคนเข้ามาทำลายทรัพย์สินในวัด แต่ขอให้มองหาวัดที่เปิด หรือปรึกษาพระสงฆ์เจ้าอาวาส เพื่อหาวิธีให้สามารถเปิดวัดได้ จากนั้น ก็แวะเวียนไป
บ่อย ๆ เพื่อไตร่ตรอง สวดภาวนา หรือฝันกลางวัน
•    ถ้าคุณมีอิทธิพลอยู่บ้างในเขตวัด ควรจัดการให้มีการใช้วัดเป็นสถานที่บำรุงเลี้ยงชีวิตจิตอย่างเต็มที่ เช่น จัดโต๊ะพร้อมกับเทียนเล็ก ๆ ซึ่งสัตบุรุษสามารถซื้อ และนำมาจุดเมื่อเขาเริ่มต้นภาวนา และจุดทิ้งไว้เมื่อเขาลุกออกไปแล้ว  นี่เป็นพิธีที่นิยมทำกันในอาสนวิหาร และในวัดหลายแห่งในปัจจุบัน เพราะเรารู้สึกว่าเทียนมีความเชื่อมโยงกับการภาวนา หรือขอให้วัดของคุณติดตั้งกระดานสำหรับติดกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่คนทั่วไปเขียนคำภาวนาของเขา ซึ่งทางวัดจะถวายแด่พระเจ้าในเวลาที่เหมาะสม บางทีวัดของคุณอาจเปิดวัดน้อย หรือจัดห้องไว้สำหรับเทศกาลหนึ่ง และเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ และวัตถุดิบสำหรับการภาวนาไว้ให้ เช่น เก้าอี้นั่งภาวนา เทียน รูปสัญลักษณ์ ดอกไม้ พระคัมภีร์ หนังสือภาวนา หรือหนังสือแนะนำวิธีสวดภาวนา บทกวี และดินเหนียวสำหรับคนที่อยากทำกิจกรรมบางอย่างพร้อมกับสวดภาวนา เป็นต้น สิ่งของเหล่านี้จะเป็นที่นิยมมาก ถ้าเปิดให้ใช้ได้ตลอดวัน โดยเฉพาะสำหรับหญิงสาวที่เพิ่งมีบุตร และไม่มีโอกาสอื่นมากนักที่จะพัฒนาชีวิตภาวนา ยกเว้นเวลาสองสามชั่วโมงที่บุตรของเธออยู่ที่สนามเด็กเล่น หรือในสถานเลี้ยงเด็ก

คำเตือน
    เป็นเรื่องน่าสนใจ ที่มีกับดักมากมายสำหรับคนที่ไปสวดภาวนาร่วมกับคนอื่น ๆ เช่น
•    ถ้าคุณไปร่วมสวดภาวนาพร้อมกับรับประทานอาหารเช้าในวอชิงตัน ดี.ซี. คุณอาจพบบุคคลสำคัญที่นั่น คุณจะได้รับแจกกระดาษแข็งที่มีบทภาวนาต่าง ๆ มีบทหนึ่งที่กล่าวว่า “พระเจ้าข้า ขอให้เราอย่าตื่นเต้นเมื่อพบประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาอยู่กับเรา จนลืมไปว่าพระองค์ประทับอยู่กับเรา” ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าคงยินดีที่พระองค์จะไม่ถูกบดบังรัศมี!
•    บทภาวนาของบางวัดใช้ถ้อยคำฟุ่มเฟือย แต่ไร้ความหมาย
•    เมื่อไม่นานมานี้ ข้าพเจ้าไปสวดภาวนาร่วมกับกลุ่มภาวนาในพิธีกรรมประจำสัปดาห์ที่ บูลริง ในเมืองเบอร์มิงแฮม วัดตั้งอยู่ติดกับตลาด และความคิดของข้าพเจ้าจดจ่ออยู่กับร้านค้าในตลาดจนหลุดปากภาวนาให้ “ความใกล้เคียงที่ผิดปกติ” ของสองสถานที่นี้ คนทั้งกลุ่มหันมาถามว่า “คุณสวดว่าอะไรนะ”
•    บุตรสาวของนักเทศน์เห็นบิดาสวดภาวนาในวัดก่อนที่เขาจะขึ้นเทศน์ เธอกระซิบถามมารดาว่า “พ่อทำอะไรอยู่คะ” มารดาตอบว่า “พ่อกำลังวิงวอนขอให้พระเจ้าช่วย” เด็กหญิงหยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงถามว่า “ถ้างั้น ทำไมพระเจ้าถึงไม่ช่วยพ่อล่ะคะ”

4.    เวลาศักดิ์สิทธิ์ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
    ข้าพเจ้าคิดว่าข้อความนี้ต้องการพูดถึงความสำคัญของสถานที่พิเศษ สถานที่ซึ่ง ที. เอส. อีเลียต บอกว่า “การภาวนามีประสิทธิผล” เมื่อเราก้าวเข้าไปภายใน สถานที่เหล่านี้พูดกับหัวใจของเราโดยตรง และชักนำมนุษย์เข้าสู่ความเงียบและการภาวนา เรามักจะมีสถานที่ที่เราถือว่าพิเศษ อาจเป็นมุมหนึ่งของวัดแห่งหนึ่ง ต้นไม้ต้นหนึ่งในทุ่งนา เนินเขาที่มองลงไปเห็นตัวเมือง หรือม้านั่งข้างแม่น้ำ
    แต่มีสถานที่ต่าง ๆ ที่สามารถบำรุงเลี้ยงประสบการณ์พิเศษให้คนจำนวนมากมาแล้วเป็นเวลานาน สถานที่เหล่านี้เริ่มได้รับการขนานนามว่า “ศักดิ์สิทธิ์” และเริ่มมีคนเดินทางแสวงบุญมายังสถานที่เหล่านี้ รอบโลกมีสถานที่เหล่านี้หลายร้อยแห่ง ซึ่งมีอำนาจดึงดูดความสนใจโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม สถานที่ต่อไปนี้เป็นสถานที่ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้คน
เทเซ่ – เป็นชุมชนคริสตชนในแคว้นเบอร์กันดี ซึ่งก่อตั้งโดย
ภราดาโรเจอร์ เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง และบัดนี้ สามารถดึงดูดเยาวชนนับแสนคนมาจากทั่วยุโรป ด้วยอานุภาพของการเป็นประจักษ์พยานท่ามกลางคนยากจน และด้วยลักษณะของดนตรีที่จำได้ง่าย

บทเพลงของผู้แสวงบุญ
    ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย เราจงมาขับร้องอัลเลลูยากันบัดนี้เถิด เรา
จงขับร้องเหมือนคนเดินทางขับร้องตามทาง แต่ยังเดินต่อไป
    จงขับร้อง แต่จงเดินต่อไป ข้าพเจ้าหมายถึงอะไร เมื่อพูดว่าเดิน ข้าพเจ้าหมายถึงให้ก้าวหน้าจากดี ไปเป็นดีกว่าเดิม
    เปาโลบอกว่ามีบางคนที่ก้าวจากเลว ไปเป็นเลวกว่าเดิม แต่ถ้าท่านก้าวหน้าต่อไป นั่นคือท่านกำลังเดินต่อไป
    ดังนั้น จงขับร้องอัลเลลูยากันเถิด และเดินต่อไป
                                นักบุญออกุสติน

บทภาวนาสำหรับการแสวงบุญ
    ข้าแต่พระเจ้าของผู้แสวงบุญ
    โปรดประทานความกล้าหาญแก่เรา
    เมื่อหนทางของเราเต็มไปด้วยอันตราย
    โปรดประทานเพื่อนร่วมทางที่ดี
    เมื่อหนทางนั้นจำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์
    โปรดประทานอารมณ์ขันแก่เรา
    เพราะเราไม่สามารถเดินทางอย่างตัวเบา
    เมื่อเราแบกความเคร่งขรึมมากเกินไป
    โปรดประทานความถ่อมตนแก่เรา
    ให้เรียนรู้จากบุคคลรอบข้าง
    โปรดประทานความเด็ดขาดแก่เรา
    เมื่อเราต้องเดินทางอย่างรวดเร็ว
    โปรดทรงอวยพรช่วงเวลาเกียจคร้านของเรา
    เมื่อเราจำเป็นต้องเหยียดแข้งขาเพื่อจะเดินทางต่อไป
    โปรดทรงอวยพรเรา นำทางเรา รักเรา
    และนำเรากลับบ้าน
    พร้อมกับพระวรสารแห่งชีวิต อาแมน