แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

OURLADYOFFATIMAWALL1024

 

สื่อรักสายประคํา

ในวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 1917 เป็นเวลา ที่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุถึงจุดเดือดสุด เด็กน้อย ชนบท 3 คน กําลังดูแลฝูงแกะแทะเล็มหญ้า ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ฟาติมา สังฆมณฑลเลอิรา ประเทศโปรตุเกส แม่พระทรงประจักษ์มาหาเด็กทั้งสาม และได้มอบ สารสําคัญซึ่งมีใจความว่า

“เรามาเพื่อปลุกเร้าใจมวลมนุษย์ให้เปลี่ยนแปลงชีวิตเสียใหม่ เลิกทําเคืองพระทัยพระเจ้าเพราะการทําบาป และให้สวดสายประคําศักดิ์สิทธิ์”

พระแม่ทรงแสดงองค์ในฐานะ “แม่พระแห่งสายประคํา” และทรงเรียกร้องมนุษย์ให้ภาวนาและทํากิจใช้โทษบาป เพื่อให้สงครามสิ้นสุดลงโดยเร็ว สารของแม่พระที่ฟาติมาสื่อเจตนารมณ์อย่างชัดเจน และหนักแน่นว่า

“จงสวดสายประคํา และช่วยผดุงโลกเอาไว้”

ทุกวันนี้ สารของแม่พระยังคงมีความสําคัญ และมีความหมายเช่นเดียวกับแต่ก่อน คําแนะนําที่แม่พระทรงมอบให้เรานั้น เป็นวิธีการที่เรียบง่ายในการแก้ปัญหาของโลกที่กําลังสับสนวุ่นวายในปัจจุบันนี้

การประจักษ์ของแม่พระที่ฟาติมา เป็นเหตุการณ์ ที่ติดตามมาหลังจากการประจักษ์ของแม่พระแก่แบร์นาแด็ต ซูบีรู เด็กหญิงบ้านนอกอายุ 14 ปี ที่ถ้ำมัสซาเบียล แม่พระประจักษ์มาเป็นสตรีงดงาม สวมอาภรณ์ ยิ้มแย้ม พระนางถือสายประคําไว้ในพระหัตถ์ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1858 เป็นครั้งสุดท้าย ที่แม่พระทรงประจักษ์มาที่ลูร์ดและทรงเปิดเผยถึงพระนามของพระนางว่า “เราคือผู้ปฏิสนธินิรมลทิน”

สายประคําเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจําวันของคริสตชนคู่กับการร่วมถวายมหาบูชามิสซา ผู้ที่ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของสายประคําอาจคิดว่า สายประคําเป็นเพียงแต่การท่องจําปากเปล่า ทว่า ตรงกันข้าม สายประคํามีส่วนประกอบสําคัญ นอกเหนือจากเสียงที่เปล่งออกมา นั่นคือการรําพึงพระวาจาของพระเจ้า จากพันธสัญญาใหม่หลายต่อหลายตอน เมื่อเราสวดสายประคํา นั่นหมายถึงเรากําลังร่วมส่วนในการเดินตามเส้นทางชีวิตสู่ความรอด ร่วมกับพระมารดา มีส่วนพร้อมกับพระนางในเหตุการณ์ ชีวิตอันน่าทึ่งของพระเยซูเจ้า นอกจากนั้น สายประคํายังนําสารอันประเสริฐและทรงคุณค่ายิ่งของพระเยซูเจ้ามาให้แก่เราด้วย

อาจกล่าวได้ว่า สายประคําช่วยเสริมคุณค่าพระวรสารในชีวิตของคริสตชน เมื่อเราสวดสายประคํา ในเวลาเดียวกัน เราก็เฉลิมฉลองธรรมล้ำลึกชีวิตของพระเยซูเจ้าร่วมความสัมพันธ์กับแม่พระ พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ตรัสถึงสายประคําว่า เป็นการสรุปพระวรสาร มีธรรมล้ำลึกการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดเป็นข้อรําพึงที่สําคัญ บทวันทามารีย์ ที่คริสตชนสวดนั้น ที่แท้เป็นการถวายเกียรติองค์พระคริสตเจ้านั้นเอง

พระสมณสาส์นที่กล่าวถึงแม่พระก็ล้วนแล้วแต่สื่อความหมายเดียวกันว่า เมื่อเรารักแม่พระ นั่นหมายความว่าเรารักพระเยซูเจ้า เหตุก็เพราะว่า พระนางทรงเป็นพระมารดาของพระเจ้า และเมื่อเราสวดภาวนาต่อพระนางนั้น มิได้หมายความว่า เราภาวนาต่อพระนาง และพระนางทรงแทนการอธิษฐานต่อพระเยซูเจ้า แต่เราพึ่งพระนางเพื่อถวายเกียรติมงคลพระบุตรของพระนาง เราจึงมุ่งสรรเสริญพระเยซูเจ้านั่นเอง

เมื่อเรากล่าวถึงสายประคําก็เท่ากับว่าเรากล่าวถึงพระนางมารีย์ เพราะสายประคําเป็นความหมายถึงพระแม่มารีย์และเป็นสายโยงใยระหว่างเรากับพระมารดาของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ พระมารดามารีย์ จึงทรงมีบทบาทช่วยเชื่อมโยงมนุษย์เรากับพระเจ้าด้วย เมื่อเราสวดสายประคําอย่างตั้งใจและศรัทธา ก็จะทําให้เราพิศเพ่งชีวประวัติของพระเยซูคริสตเจ้า

การใช้สายประคําหรือสายลูกปัดปรากฏเป็นประเพณีแทบจะทุกศาสนา ราวปี ค.ศ. 360 ฤาษีเปาโล แห่งอียิปต์ ได้ใช้ก้อนกรวด 300 ก้อน เพื่อจดจําบทสวด 300 บท ที่พวกท่านสวดเป็นประจําทุกวัน คณะภราดาแห่งสายประคํา ซึ่งนักบวชดอมินิกันคนหนึ่ง ได้จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1470 ก็มีส่วนช่วยส่งเสริมความนิยมการสวดสายประคําให้แพร่หลายออกไป

พระศาสนจักรถือว่าสายประคําเป็นดังขุมทรัพย์ประเสริฐ นักบุญอัลฟองโซ ยืนยันว่า “ประโยชน์ที่โลกมนุษย์ได้รับจากการสวดสายประคํา นั้นไม่มีใครอาจวัดได้ หลายคนรอดพ้นจากภัยบาป กลับมีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ และอีกหลายคนได้สิ้นใจอย่างดี เพราะสายประคํานี่เอง” พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ทรงให้ข้อสังเกตไว้ว่า “สายประคําศักดิ์สิทธิ์ เป็นดังจังหวะเต้นของหัวใจมนุษย์ทั้งโลก”

พระเยซูเจ้าทรงภาวนาในสวนเกทเซมานี และแม่พระทรงภาวนาในใจบนยอดเขากัลวารีโอ สถานที่ซึ่งพระนางรับฝากมนุษยชาติไว้ในความคุ้มครองของพระนาง เมื่อพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระนางมายังยอห์นและตรัสว่า “นี่แน่ะ ลูกของท่าน” เวลาที่เราสวดสายประคํา เป็นเวลาที่เรากําลังสนทนากับแม่พระ ผู้ทรงนําเราเข้าไปหาพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระนาง

การรําพึงธรรมล้ำลึกต่างๆ ในเวลาสวดสายประคําเป็นส่วนที่สําคัญมาก ดังที่พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ได้ทรงกล่าวไว้ว่า “การสวดสายประคํา ที่ปราศจากการรําพึงเปรียบดังร่างกายที่ปราศจากวิญญาณ และการซ้ำบทวันทามารีย์ครั้งแล้วครั้งเล่า อาจเป็นการกระทําดังเครื่องจักรกล ทําซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่อยๆ ไป”

พระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ทรงอธิบาย ถึงความสําคัญของการรําพึงข้อความเชื่อระหว่างการสวดสายประคําไว้ว่า “การสวดสายประคําอย่างพิศเพ่ง ไม่ว่าจะเป็นการภาวนาในครอบครัว ในหมู่คณะ หรือแม้กระทั่งการภาวนาส่วนตัว จะทําให้เราร่วมความรู้สึกเดียวกับพระเยซูเจ้าและแม่พระ และยังเป็นการทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งเป็นหนทางที่จะนําเราไปสู่ความรอดพ้น”

การสวดสายประคําแบบท่องบ่นย่อมแสดงว่าเราไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง และความสําคัญของการสวดสายประคํา การสวดสายประคําเป็นการรําพึงถึงแผนการแห่งการไถ่กู้ร่วมกับพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเจ้า ถ้าเราสังเกตให้ดี ธรรมล้ำลึกแต่ละข้อที่เราใช้รําพึงในระหว่างที่สวดสายประคํานั้น จัดเป็นลําดับขั้นตอนที่ช่วยให้เรารู้ซึ้งในพระทัย เมตตากรุณาของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น คือ ข้อรําพึงความ ชื่นชมยินดีชี้ให้เราเห็นถึงความรักของพระบิดาผู้ทรง ตระเตรียมแผนการแห่งความรอดกอบกู้มนุษยชาติ จากบาป ข้อรําพึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ชี้ให้เราเห็นว่า แผนการแห่งความรอดของพระบิดาสําเร็จในภารกิจไถ่กู้ของพระบุตรพระเยซูคริสตเจ้า และข้อรําพึงแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ นําไปสู่ความบริบูรณ์ในชีวิตของเรา ด้วยพระภารกิจขององค์พระจิตเจ้า

 

ที่มา: นิตยสารแม่พระยุคใหม่ ฉบับที่ 239 ปีที่ 40 กันยายน- ตุลาคม 2021