แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

งานเมตตาจิตด้านร่างกายและงานเมตตาจิตด้านจิตใจ
งานเมตตาจิตด้านร่างกายและงานเมตตาจิตด้านจิตใจเป็นกิจการด้านเมตตาจิตที่เรากระทำเพื่อนำความรักและพระเมตตาของพระเจ้าไปสู่ผู้ที่ยากลำบากและต้องการความช่วยเหลือ
พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า “ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา” (มธ 5:7) และพระองค์ทรงสอนบัญญัติเอกสองประการก็คือ “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” (มธ 22:37-39)

งานเมตตาจิตด้านร่างกาย
งานเมตตาจิตด้านร่างกาย คือ การปฏิบัติกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องที่ยากลำบากและต้องการความช่วยเหลือด้านร่างกายและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ประกอบด้วย
1.    การให้อาหารคนหิวโหย
2.    การให้น้ำดื่มแก่ผู้กระหาย
3.    การให้เสื้อผ้าแก่ผู้ไม่มีนุ่งห่ม
4.    การให้ที่พักแก่ผู้ไร้ที่อยู่
5.    การเยี่ยมผู้ป่วย
6.    การเยี่ยมผู้ถูกจองจำ
7.    การฝังศพผู้ล่วงลับ
ในพระวรสารของนักบุญมัทธิว เราพบคำสอนของพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับงานเมตตาจิตด้านร่างกาย 6 ประการแรก ดังนี้
“แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา
“บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า แล้วถวายให้ เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวรหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม’ พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา’” (มธ 25:34-40)
นอกจากนั้น ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเราพบงานเมตตาจิตฝ่ายกายเรื่อง “การฝังศพผู้ล่วงลับ” จากหนังสือโทบิต

งานเมตตาจิตด้านจิตใจ
งานเมตตาจิตด้านจิตใจ คือ กิจการแห่งความรักที่เราช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องของเราในความต้องการด้านวิญญาณ ด้านจิตใจ ด้านอารมณ์และความรู้สึกของเขา
งานเมตตาจิตด้านจิตใจประกอบด้วย
1.    การสอนผู้ไม่รู้ คือ กิจการแห่งความรักที่เราช่วยเหลือผู้อื่นให้เรียนรู้ถึงความจริงที่พวกเขาจำเป็นต้องรู้เพื่อความรอดพ้นของวิญญาณ ดังที่พระเยซูเจ้าทรงสั่งอัครสาวกให้ไปประกาศข่าวดีแก่มวลมนุษย์ “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง” (มก 16:15)
2.    การให้คำปรึกษาแก่ผู้สงสัย คือ กิจการแห่งความรักที่เราช่วยเหลือผู้อื่นให้มั่นใจในสิ่งที่เขาพึงปฏิบัติเพื่อแสดงความรักต่อพระเจ้าและรับใช้พระองค์ ในการให้คำปรึกษาแก่ผู้สงสัย เราทำตามที่พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า “เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเราแก่ท่าน เราให้สันติสุขแก่ท่าน ไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย” (ยน 14:27)
3.    การบรรเทาผู้มีความทุกข์ คือ กิจการแห่งความรักที่เราช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังมีความทุกข์ให้ได้รับความบรรเทาใจ หรืออาจเป็นการละเว้นการกระทำบางอย่างที่จะทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจ ด้วยกิจการแห่งความรักนี้ เรากำลังนำผู้ที่มีความทุกข์ไปหาพระเยซูเจ้าตามที่พระองค์ทรงสอนว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน” (มธ 11:28)
4.    การตักเตือนคนบาป คือ กิจการแห่งความรักที่เราช่วยเหลือพี่น้องของเราที่ได้กระทำบาปให้ตระหนักถึงผลร้ายของบาป กิจการแห่งความรักนี้กระทำโดยการช่วยเพื่อนพี่น้องไม่ให้ทำบาปหรือช่วยเขาให้พ้นจากโอกาสบาป หรือช่วยแนะนำ หรือนำเขาไปรับศีลอภัยบาป บางครั้งกิจการนี้อาจทำโดยการเป็นตัวอย่างที่ดีโดยมีเจตนาเพื่อให้เพื่อนพี่น้องผู้ทำบาปได้ตระหนักถึงผลร้ายของบาป กลับใจ และสำนึกผิด พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่าในสวรรค์จะมีความยินดีเช่นนี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจ” (ลก 15:7)
5.    การอดทนผู้กระทำผิด คือ กิจการแห่งความรักที่เราอดทนต่อความทุกข์ ความไม่สะดวก หรือผลร้ายที่ตามมาจากการกระทำผิดของผู้อื่น พระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เราในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่พระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์แต่ก็ทรงอดทนยอมรับความทุกข์ทรมาน และความตายบนไม้กางเขน เพื่อกอบกู้มนุษย์ให้รอดพ้นจากบาป พระองค์ทรงสอนเราว่า “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน” (ลก 6:27-28)
6.    การให้อภัยแก่ทุกคนที่ทำร้าย คือ กิจการแห่งความรักขั้นสูงที่เราให้อภัยแก่ผู้ที่ทำร้ายเราไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ พระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่างและทรงสอนเราให้ให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา ในบทข้าแต่พระบิดาพระองค์ทรงสอนเราให้ภาวนาต่อพระบิดาว่า “โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น” (มธ 6:12)
7.    การสวดภาวนาให้ทั้งผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่และผู้ที่สิ้นใจไปแล้ว เป็นกิจการที่เราแสดงความเชื่อและความเป็นหนึ่งเดียวกับเพื่อนพี่น้องในสหพันธ์นักบุญ สิ่งนี้เป็นกิจการที่เราแผ่ขยายความรักของพระเจ้าไปยังเพื่อนพี่น้องทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และวิญญาณในไฟชำระที่จากโลกนี้ไปแล้ว การทำกิจการแห่งความรักนี้เป็นการทำตามพระประสงค์ของพระเยซูเจ้า ที่ทรงภาวนาต่อพระบิดาในอาหารค่ำมื้อสุดท้ายว่า “ข้าแต่พระบิดา ผู้ที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าปรารถนาให้เขาอยู่กับข้าพเจ้าทุกแห่งที่ข้าพเจ้าอยู่ เพื่อเขาจะได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ ซึ่งพระองค์ประทานแก่ข้าพเจ้า” (ยน 17:24)