บุคคลที่เกี่ยวข้องในการถ่ายทอดความเชื่อ

105. การถ่ายทอดความเชื่อมีความเกี่ยวข้องกับพระศาสนจักรทั้งหมดที่แสดงออกเป็นพระศาสนจักรท้องถิ่น  สมัชชาพระสังฆราช สังฆมณฑลที่ตระหนักในการประกาศพระวรสาร, ยิ่งกว่านั้น การถ่ายทอดความเชื่อ และดำเนินชีวิตตามพระวรสาร นอกจากนี้ พระศาสนจักรท้องถิ่นเหล่านี้ ยังเป็นผลของงานประกาศพระวรสารและถ่ายทอดความเชื่อ ยังเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดความเชื่อ ขณะที่เราจดจำประสบการณ์ของชุมชนคริสตชนแรกเริ่มได้ (เทียบ กจ. 2.42-47). พระจิตทรงรวบรวมผู้มีความเชื่อให้เข้าสู่ชุมชนที่พวกเขาดำเนินชีวิตตามความเชื่อของพวกเขาอย่างกระตือรืนร้น,หล่อเลี้ยงพวกเขาเองด้วยการฟังคำสั่งสอนของบรรดาอัครสาวกและโดยเฉลิมฉลองศีลมหาสนิทและการใช้ชีวิตของพวกเขาในการประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า.  สภาสังคายนาวาติกัน 2 เชื่อถือในถ้อยคำเหล่านี้. ในการอธิบายถึงพื้นฐานของอัตลักษณ์สำหรับชุมชนคริสตชนแต่ละแห่ง,เมื่อระบุไว้ว่า "พระศาสนจักรอันนี้ของพระคริสตเจ้า เป็นอยู่โดยแท้ในบรรดากล่มสัตบุรุษในท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มสัตบุรุษที่ชอบด้วยกฎหมาย, แต่กลุ่มต่าง ๆ นี้ขึ้นอยู่กับชุมพาบาลของตน ๆ กลุ่มเหล่านี้ในพันธสัญญาใหม่เรียกชื่อว่า เหล่าพระศาสนจักร เหตุว่าพระศาสนจักรเหล่านี้ พระเจ้ามีพระดำรัสเรียกเขาในสถานที่อยู่ของเขาว่าเป็นประชากรใหม่ ซึ่งเป็นอยู่โดยฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้าและตั้งอยู่ในความบริบูรณ์เป็นอย่าง (เทียบ 1 ธส.  1:5). ในพระศาสนจักรเหล่านี้ บรรดาสัตบุรุษมาร่วมประชุมฟังการประกาศพระวรสารของพระคริสตเจ้า และมีการฉลองพระอคาธัตถ์การเลี้ยงอาหารค่ำขององค์พระผู้เป็นเจ้า “เพื่อด้วยอาศัยอาหารและพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า การเป็นพี่น้องกันหมดทุก ๆ คน จะได้กระชับกันขึ้น” [54]

106. ข้อความนี้คัดมาจากสภาสังคายนาวาติกันที่ 2 นี้จะถูกทำให้สำเร็จไป  และบ่อยครั้ง สามารถอธิบายสถานการณ์ของชีวิตจริงของพระศาสนจักรของเรา ผ่านการถ่ายทอดความเชื่อและประกาศพระวรสารของพวกเขา ผู้ตอบเน้นข้อเท็จจริงนั้นในทศวรรษที่ผ่านมา, คริสตชนจำนวนมากที่ได้ทำงานนี้เองอย่างอิสระและทำงานนี้ด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริงและชุมชนควรดำเนินชีวิตเยี่ยงของประทานที่แท้จริงของพระจิต. งานอภิบาลในการถ่ายทอดความเชื่อทำให้พระศาสนจักรเข้าสู่สภาพแวดล้อมทางสังคมในท้องถิ่นที่ต่างกัน,  แสดงความมั่งคั่งและความหลากหลายของศาสนบริการและจากภายในพระศาสนจักร,ซึ่งนำชีวิตไปสู่การดำรงอยู่ในชีวิตประจำวัน. ด้วยวิธีนี้ เราจะเข้าใจพระศาสนจักรด้วยวิธีการใหม่ นั่นคือ ความคิดที่จะมีส่วนร่วมในชุมชนคริสตชน (พระสงฆ์ ผู้ปกครอง นักบวช ครูคำสอน) ในการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระสังฆราชนั้น แต่ละคนทำงานที่เหมาะสมด้วยความรับผิดชอบ

107. ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ การประกาศพระวรสารและการถ่ายทอดความเชื่อจะกลายเป็นแรงผลักดันในเชิงบวกขณะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังดำเนินงานอย่างใกล้ชิดโดยชุมชนวัด.  ผู้ตอบ Lineamenta ถามถึงตำแหน่งที่เป็นแกนในงานประกาศพระวรสารแบบใหม่ คำตอบคือตำแหน่งนี้ควรเป็นของเขตวัด ซึ่งเป็นชุมชนแห่งชุมชนทั้งหลาย เขตวัดไม่เป็นเพียงสถานที่สำหรับการบริการทางศาสนาเพื่อเฉลิมฉลองเท่านั้น แต่เป็นสถานที่ชุมนุมสำหรับครอบครัว, กลุ่มพระคัมภีร์และการมีส่วนร่วมของฆราวาสที่ได้รับการฟื้นฟู, เป็นสถานที่แห่งความสำนึกแท้จริงของพระศาสนจักรที่มีประสบการณ์ผ่านการดำเนินชีวิตด้วยการรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆและตามความหมายของศีลศักดิ์สิทธิ์.  ปิตาจารย์ในสมัชชาพระสังฆราชควรตรวจสอบเรื่องกระแสเรียกของเขตวัด ถือเป็นประเด็นอ้างอิงประการหนึ่งและเป็นการประสานงานเพื่อความหลากหลายของสภาพความเป็นจริงของพระศาสนจักรและงานริเริ่มด้านอภิบาล

108. งานถ่ายทอดความเชื่อและการสอนผู้คนถึงวิธีดำเนินชีวิตคริสตชนที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายของคริสตชน, นอกจากบทบาทที่แทนกันไม่ได้ของชุมชนคริสตชนโดยรวมแล้ว. การตอบสนองเบื้องต้นจึงเป็นการขอร้องครูคำสอน .คริสตชนมากมายยอมรับว่าครูคำสอนเป็นของประทานแห่งความเชื่อสำหรับบรรดาคริสตชน  ครูคำสอนเริ่มต้นความเชื่อของสัตบุรุษด้วยใจอิสระ  ครูคำสอนจึงมีส่วนร่วมในการประกาศพระวรสารและการถ่ายทอดความเชื่ออย่างไม่ซ้ำแบบใครและไม่มีใครทำแทนได้.โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ในพระศาสนจักรท้องถิ่นหลายแห่ง ที่ได้รับการประกาศพระวรสารในศตวรรษล่าสุดนี้.  ผู้ตอบบางท่านเห็นว่า  ควรเรียกร้องให้ครูคำสอนมีส่วนร่วมในการประกาศพระวรสารแบบใหม่ และเช่นเดียวกัน พระศาสนจักรควรผูกมัดตนในนามของครูคำสอนทีเดียว,  ครูคำสอนเป็นพยานโดยตรงและเป็นผู้ประกาศพระวรสารที่ไม่มีใครมาทำแทนได้.  พวกเขาเป็นตัวแทนที่มีพลังพื้นฐานของชุมชนคริสตชนด้วย.  พระศาสนจักรต้องไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นให้เห็นความสำคัญของงานและทำให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคงขึ้นและได้รับการฝึอบรมมากขึ้น รวมทั้งทำให้คนเห็นงานรับใช้ของพวกเขาชัดเจนขึ้น. ด้วยความคิดนี้เอง, สมัชชาพระสังฆราชจะทำให้ครูคำสอนเป็นสถาบันที่มั่นคงที่จะเห็นผลนั้นว่าเป็นการทำศาสนบริการภายในพระศาสนจักร,จะพิจารณาผลการศึกษาที่ดำเนินการอยู่แล้วในทศวรรษที่ผ่านมา, สมัชชาพระสังฆราชตัดสินผลกระทบที่เห็นอยู่แล้ว ด้วยการสนับสนุนครูคำสอนอย่างแข็งขันมากขึ้น และเป็นทรัพยากรในการประกาศพระวรสารแบบใหม่ที่ได้รับการเรียกร้องในพระศาสนจักรในช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูการประกาศพระวรสารและการถ่ายทอดความเชื่อ

109. ผู้ตอบหลายท่านเน้นบทบาทที่สำคัญและการอุทิศตนของบรรดาสังฆานุกรและสตรีจำนวนมากที่มีส่วนร่วมในการสอนคำสอน. ผู้ตอบท่านอื่น ๆเห็นว่า การค้นพบเชิงบวกเหล่านี้ตามมาด้วยความกังวล เนื่องจากในหลายปีที่ผ่านมา, มีการมอบงานสอนคำสอนของพระสงฆ์ให้ฆราวาสดูแลมากขึ้นเรื่อยๆ, เนื่องจากจำนวนของพระสงฆ์ลดลงและรับงานศาสนบริการชุมชนคริสตชนมากกว่าหนึ่งแห่ง, ผู้ตอบต้องการให้สมัชชาพระสังฆราชช่วยให้ผู้คนเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ถึงวิธีที่พระสงฆ์เชิญชวนให้แสดงเอกลักษณ์ความเป็นสงฆ์ในปัจจุบัน. ด้วยเหตุนี้ สมัชชาพระสังฆราชสามารถกำหนดทิศทางต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้และปกป้องสิ่งที่เกี่ยวข้องกับศาสนบริการเฉพาะของพระสงฆ์ในด้านการประกาศพระวรสาร และการถ่ายทอดความเชื่อ. กล่าวโดยทั่วไป สมัชชาพระสังฆราชสามารถช่วยให้ชุมชนคริสตชนเห็นความสำคัญงานธรรมทูตที่ได้รับการฟื้นฟูต่อศาสนบริการของพระสงฆ์ สังฆานุกรและ ครูคำสอนผู้ทำงานอยู่ท่ามกลางพวกเขาในปัจจุบัน