6. ความบริสุทธิ์
    จำไว้ว่า เราบังเกิดมาจากมารดาพรหมจารีผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นอัศจรรย์หนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนใครในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ จงรู้เถิดว่าเราไม่ยอมให้ศัตรูของเรากล่าวร้ายเราเรื่องการหมกมุ่นในตัณหาราคะ แม้เราจะยอมรับการดูถูกอย่างร้ายแรงที่สุดในเรื่องอื่นๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความบริสุทธิ์ของเรานั้นสมบูรณ์ ไม่มีจุดด่างพร้อยใดๆ ยิ่งกว่าความบริสุทธิ์ของบรรดาทูตสวรรค์ ดังนั้น ท่านต้องทะเยอทะยานเพื่อไปให้ถึงความล้ำเลิศสูงสุดของคุณธรรมประการนี้
    เราได้กล่าวไว้ว่า “เป็นเหมือนทูตสวรรค์” (มธ 22:30) เป็นเรื่องที่เราหมายถึงศาสนบริกรของเราเป็นพิเศษ ทุกสิ่งได้ถูกบรรจุไว้ในถ้อยคำนี้ ท่านต้องเป็นเหมือนทูตสวรรค์องค์หนึ่งในโลก คือ โดยอาศัยการมอง, การกระทำ, คำพูดและความคิดของท่าน และถ้าท่านต้องการจะเป็นเช่นนั้น ท่านก็จะประสบความสำเร็จ ด้วยพระหรรษ-ทานอันมีอำนาจกระทำในทุกสิ่งของเรา และโดยพระหรรษทานของเรา บนโลกนี้ก็จะมีบรรดาทูตสวรรค์และมีทูตสวรรค์อยู่แล้วจำนวนหนึ่ง ถ้าท่านไม่ปรารถนาจะเป็นทูตสวรรค์องค์หนึ่ง ท่านก็จะเป็นปีศาจตนหนึ่ง นี่คือความจริงโดยปกติสำหรับคริสตชนทั้งมวลและจริงยิ่งขึ้นอีกสำหรับบรรดาพระสงฆ์ของเรา
นับแต่ความไม่บริสุทธิ์เป็นเรื่องธรรมดาอย่างที่สุดในบรรดากิเลสต่างๆของมนุษย์ และเป็นกิเลสที่คุมขังและควบคุมจิตใจอย่างเฉียบแหลมยิ่งกว่ากิเลสใดๆ ในระยะแรก ความไม่บริสุทธิ์เข้าไปในจิตใจของศาสนบริกรของเราในลักษณะของการชื่นชมความงามอย่างไร้เดียงสา หรือซ่อนเร้นอยู่ในฐานะความรัก และความเมตตาสงสารต่อบุคคลที่ขัดสน หรือแม้แต่ภายใต้เครื่องกำบังคือการพัฒนาการอุทิศตน และความศรัทธาของพวกเขา หลังจากนั้น ศาสนบริกรของเราถูกความเคลิบเคลิ้มซึ่งทำให้เกิดภาพลวงตาที่งดงามยึดไว้อย่างไม่รู้สึกตัว ความรู้สึกที่ตามมาภายหลังสนับสนุนความรู้สึกอันก่อน และทั้งสองความรู้สึกต่างก็ช่วยเพิ่มเติมกันวันแล้ววันเล่า
ในไม่ช้า ศาสนบริกรของเราจะตระหนักว่าความรักเช่นนั้นไม่ธรรมดาและบริสุทธิ์อีกต่อไป แต่ตอนนั้น ภายใต้แรงกดดันจากความหลงผิดและความมึนเมาที่เพิ่มขึ้น พวกเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ตนเองเชื่อมั่นว่าความรักเช่นนั้นไม่เป็นภัย ต่อมาเมื่ออ่อนกำลังทางด้านการคิดอย่างมีเหตุผลในทุกรูปแบบแล้ว พวกเขาก็พยายามแก้ตัวและตามใจตนเอง เนื่องจากความอ่อนแอของพวกเขา ณ จุดสำคัญนี้ พวกเขาพร้อมที่จะตกลงสู่เหวลึก ไม่มีความกลัวในสิ่งที่จะสามารถยับยั้งพวกเขาไม่ให้ทำตามใจตนได้อีกต่อไป คือไม่ว่าจะเป็นบาปหนัก, การทุราจาร (การล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์), บัพพาชนียกรรม (การตัดขาดจากพระศาสนจักร) และนรก ทุกๆ สิ่งที่กล่าวนี้สำหรับเขาล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย
    แม้พวกเขาจะตระหนี่ พวกเขาก็บูชาเงินตราของพวกเขา แม้พวกเขามีความหยิ่งยโส พวกเขายังยอมทิ้งเกียรติยศของพวกเขา แม้พวกเขาเห็นแก่ตัว พวกเขาก็ทำให้สุขภาพและชีวิตของพวกเขามีอันตราย เท่าที่ความชั่วแห่งความไม่บริสุทธิ์นี้ ยังพัวพันอยู่กับศาสน-บริกรของเรา บรรดาศาสนบริกรของเราจะมีความชั่วช้าที่น่ากลัวถึงระดับที่ไม่อาจพบได้ในฆราวาส ความผิดร้ายแรงนี้ในตัวมันเองก็รุนแรงอย่างหนักแล้ว เมื่ออยู่ภายในศาสนบริกรของเราก็ได้รวมเข้ากับการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ รวมทั้งกายและโลหิตแท้ของเราบนแท่นบูชา ดังนั้นความร้ายแรงนี้จะมากขึ้นอีกเพียงใด
    ไม่มีมนุษย์ที่เสียสติคนใดจะวิปริตได้เท่ากับของบรรดาศาสน-บริกรของเราที่ลุ่มหลงในตัณหาราคะ บางครั้งพวกเขายื่นยาพิษจากถ้วยกาลิกษ์แห่งบาบิโลนให้กับบรรดานกพิราบของเรา ที่เข้ามาหาพวกเขาด้วยความกระหายน้ำทรงชีวิตจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ของเรา บ่อยครั้งด้วยการล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างน่ากลัว พวกเขาพยายามผสมน้ำแห่งสวรรค์กับยาพิษจากนรก โดยหวังหลอกลวงบรรดานกพิราบที่ไร้เดียงสาอย่างง่ายๆ
    จงรู้ว่า ถ้าท่านหลีกเลี่ยงหนีโอกาสที่จะทำบาป และรักษาจิตใจให้สะอาด พร้อมกับไม่ให้เสน่ห์ฝ่ายกายที่แม้จะดูว่าเรียบง่ายและบริสุทธิ์ทะลุผ่านจิตใจของท่านได้ ท่านก็ปลอดภัยด้วยความช่วยเหลือจากพระหรรษทานของเรา