ศีลล้างบาป (Baptism)
ในฐานะที่เป็นพิธีเข้าเป็นคริสตชน
ศีลล้างบาปจึงเป็นการเกิดครั้งที่สองเข้าในพระศาสนจักร


     ศีลล้างบาปเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์ประการแรกหรือ “การกระทำที่ศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งมีทั้งเครื่องหมายแสดงสิ่งที่มองเห็นได้และเครื่องมือของพระหรรษทานที่มองไม่เห็น เป็นสัญลักษณ์ที่ตรงตามความหมายที่สุดด้วยท่าทางที่แน่นอนก็นำมาซึ่งผลผลิตฝ่ายจิต ทำให้มนุษยชาติเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าผ่านปฏิสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับวิญญาณ

    ศีลศักดิ์สิทธิ์เป็นส่วนที่สำคัญของศาสนาคาทอลิก และเกิดจากธรรมล้ำลึกของการรับเอาธรรมชาติมนุษย์ที่รับการไถ่กู้ ความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างคำพูด (“สูตร”)กับปัจจัยที่เป็นวัตถุ (“วัตถุ”) เปิดโอกาสให้พระศาสนจักร ปฏิบัติพันธกิจของการช่วยให้รอดได้โดยผ่านทางพระบุตร ผู้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ จำเป็นที่จะต้องแยกให้ชัดเจนระหว่างมนุษย์ภาวะของพระองค์ซึ่งก่อให้เกิดเครื่องมือ “ที่สนับสนุน” ความรอดของเรากับศีลศักดิ์สิทธิ์ซึ่ง “แยกไว้ต่างหาก” จากพระองค์ แต่ว่าสัญลักษณ์ที่บังคับทั้งสองไว้นั้นเป็นธรรมชาติเดียวกันศีลศักดิ์สิทธิ์ทำให้พันธกิจการไถ่กู้ของพระคริสต์คงอยู่ไปชั่วกาลนาน พร้อมทั้งทำให้ทุกคนที่ปรารถนาสามารถเข้าร่วมในธรรมล้ำลึก
    พระศาสนจักรเองจะถือว่าเป็น “ศีลศักดิ์สิทธิ์ดั้งเดิม” ก็ย่อมได้ ศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดปประการถือต้นกำเนิดมาจากศีลล้างบาปเพราะศีลล้างบาปเป็นท่อธารเอกของพระหรรษทาน ซึ่งได้รับการจัดตั้งอย่างชัดเจนจากพระคริสต์และยืนยันในพันธสัญญาใหม่ อันได้แก่ ศีลล้างบาป ศีลกำลัง ศีลมหาสนิท ศีลบวช ศีลสมรส ศีลอภัยบาปและศีลเจิมคนไข้ การกระทำอันศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มีนำเสนอแก่ชีวิตของผู้มีความเชื่อและเป็นเครื่องหมายแสดงภายนอกของการยอมรับศาสนาไปจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตบนโลกนี้
    ศีลล้างบาป (มาจากคำกริยาในภาษากรีกที่ว่า bapto หรือ baptize แปลว่า “จุ่มลงไป”) จึงกลายเป็นว่า “จุ่ม” ผู้มีความเชื่อลงไปในธรรมล้ำลึกแห่งพระตรีเอกภาพ ลงไปในธรรมล้ำลึกแห่งความตายและการกลับคืนชีพของพระคริสต์ ลงไปในชุมชนของพระศาสนจักร สูตรที่มีความหมายมากที่สุดของศีลล้างบาปก็คือการจุ่มลงสามครั้งพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าพเจ้าล้างท่านในพระนามของพระบิดาและพระบุตรและพระจิต” แต่ทุกวันนี้มักจะเทน้ำกันคือเทน้ำลงบนศีรษะของผู้ที่รับศีลล้างบาป เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมประเพณีดั้งเดิม พระศาสนจักรคาทอลิกมักจะล้างบาปเด็กๆเพื่อเตรียมอบรมเลี้ยงดูเขาด้านศาสนาและต่อมาก็ได้มีผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่กลับใจมารับศีลล้างบาปด้วยเช่นกัน
    เมื่อได้บังเกิดใหม่ด้วยน้ำและพระจิตแล้ว (๑) ผู้ที่ทำตามคำสอนของนักบุญเปาโล ได้รับศีลล้างบาปก็เข้าอยู่ในพระกายทิพย์ของพระคริสต์และดังนั้นก็กลายเป็น คนหนึ่งในบรรดาสมาชิกที่มีชีวิต (๒) เป็นคนหนึ่งใน “ทายาทของพระเจ้า” (รม.8:17) เขาได้รับการเชื้อเชิญให้เติบโตขึ้นในความเชื่อแบบคริสต์และศีลศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ จะมีส่วนในขั้นต่างๆของการเติบโตนี้


(๑)    ยน.3:5
(๒)    “แม้ร่างกายเป็นร่างกายเดียว แต่ก็มีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะต่างๆเหล่านี้แม้จะมีหลายส่วนก็ร่วมเป็นร่างกายเดียวกันฉันใด พระคริสต์ก็ฉันนั้น” (1 คร.12:12)