แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

กรณีที่  2 :  การอยู่กินด้วยกันโดยไม่มีพันธะ
81.  การอยู่กินด้วยกันแบบนี้  หมายถึงการที่ไม่มีพันธะเป็นทางการแต่อย่างใด  ไม่ว่าทางบ้านเมืองหรือทางศาสนาก็ตาม  กรณีที่ปรากฏขึ้นเช่นนี้นับวันจะยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นนั้น  ผู้อภิบาลต้องให้ความดูแลเอาใจใส่เพราะว่าอาจมีเหตุผลต่างๆ นานามากมายอยู่เบื้องหลัง  ซึ่งถ้าพิจารณาอย่างดีแล้วคงจะสามารถควบคุมผลที่ติดตามได้บ้าง
    คนบางพวกรู้สึกตัวว่า  ถูกบังคับให้อยู่ในสภาพนี้  เนื่องจากสถานการณ์ที่ยุ่งยากในด้านเศรษฐกิจ  วัฒนธรรม  หรือศาสนา  จนกระทั่งเขากลัวว่าตนจะต้องจำทนกับความเดือดร้อนบ้าง  สูญเสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจบ้าง หรือถูกแบ่งแยกอย่างอยุติธรรมบ้าง ฯลฯ ในแง่ตรงข้าม เราอาจจะสังเกตได้ว่ามีคนอีกพวกหนึ่งที่ดูหมิ่น  ประท้วง  หรือปฏิเสธสังคม  สถาบันครอบครัว  ระบบสังคมและการเมือง  หรือแสวงหาความสนุกสนานแต่อย่างเดียว  ยังมีผู้ที่ตกอยู่ในสภาพนี้เพราะเขาไม่เคยรับการศึกษาหรือขาดปัจจัยทุกอย่าง  บางครั้งก็เพราะสภาพแวดล้อมที่เป็นผลของสถานการณ์ที่อยุติธรรมจริงๆ  บางคนก็เป็นเพราะจิตใจเขายังไม่บรรลุวุฒิภาวะ  เขาจึงลังเลใจและกลัวว่าตนเองจะต้องผูกพันกันอย่างถาวรตลอดไป  ในบางประเทศเองนั้น  ขนบธรรมเนียมประเพณีกำหนดให้บ่าวสาวอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง  หรือให้มีลูกเกิดมาสักคนเสียก่อนจึงจะแต่งงานกันได้จริงๆ
    เหตุผลเหล่านี้แต่ละข้อก็เป็นปัญหาที่ยุงยากในแง่งานอภิบาลสำหรับพระศาสนจักรเพราะมีผลสะท้อนร้ายแรงที่ติดตามมา  ทั้งในด้านศาสนาและศีลธรรม  (ตัวอย่างเช่น  การสูญเสียความสำนึกทางศาสนาเกี่ยวกับการแต่งงานที่ควรจะต้องเข้าใจว่าเป็นการเลียนแบบพันธสัญญาของพระเจ้ากับประชากรของพระองค์ การขาดพระหรรษทานของศีลสมรส เรื่องอัปยศทางศาสนา) และในด้านสังคม  (ตัวอย่างเช่น  ความหมายของครอบครัวสลายไป  จิตสำนึกถึงความซื่อสัตย์สุจริตลดลงแม้ความซื่อสัตย์ต่อสังคมก็ลดลงเช่นกัน การทำร้ายจิตใจลูก การทะนงในความเห็นแก่ตัว)
    ผู้อภิบาลพร้อมกับชุมชนของพระศาสนจักรจะต้องพยายามศึกษาสถานการณ์เหล่านี้  รวมทั้งเหตุผลในแต่ละกรณีด้วย  ต้องพยายามติดต่อกับผู้ที่อยู่กินด้วยกันแบบนี้โดยอาศัยความรอบคอบและความละมุนละไม  ต้องพยายามให้ความกระจ่างแก่เขาด้วยความพากเพียรตักเตือนเขาด้วยความรัก  เป็นประจักษ์พยานให้เขาเห็นตัวอย่างของครอบครัวคริสตชน  ซึ่งอาจทำให้เขากลับสู่สภาพที่เป็นระเบียบเรียบร้อย  แต่เหนือกว่าความพยายามทั้งหมดนี้  ควรจะป้องกันมิให้เกิดปัญหานี้ล่วงหน้า  โดยส่งเสริมจิตสำนึกของหนุ่มสาวให้สำนึกถึงความซื่อสัตย์  ตลอดเวลาที่ให้การอบรมศึกษาทางศีลธรรมและศาสนา  โดยชี้แจงให้เขาเข้าใจเงื่อนไขและโครงสร้างที่จรรโลงความซื่อสัตย์ซึ่งอาจก่อให้เกิดอิสรภาพที่แท้จริง  โดยช่วยเขาให้บรรลุวุฒิภาวะทางจิตใจและเปิดเผยคุณค่าแท้ของศีลสมรสในด้านความเป็นมนุษย์และในด้านชีวิตเบื้องบนให้เขาได้ทราบ
    ประชากรของพระเจ้าก็ต้องพยายามเข้าถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ด้วย  พยายามให้ท่านช่วยต้านแนวโน้มที่กำลังทำให้สังคมแตกสลายและที่สร้างผลกระทบกระเทือนต่อศักดิ์ศรี  ความมั่นคง  และผาสุกของพลเมืองแต่ละคน  ท่านก็ต้องระมัดระวังอย่าให้เสียงประชามติเอียงไปทางที่ประมาทคุณค่าของสถาบันการสมรสและครอบครัว  อนึ่ง  เนื่องจากว่าในท้องที่หลายแห่ง  หนุ่มสาวไม่สามรถจะสมรสกันอย่างที่ควรเพราะความยากจนข้นแค้นอันเป็นผลมาจากโครงสร้างของสังคมและเศรษฐกิจที่อยุติธรรม  หรือที่ไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมนั้น  สังคมและผู้มีอำนาจควรสนับสนุนการสมรสที่ถูกกฎหมายด้วยวิธีการหลายๆ อย่างเช่น  การประกันรายได้ที่พอเหมาะสำหรับครอบครัว  การออกคำสั่งในการจัดที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตครอบครัว  รวมถึงเอื้ออำนวยความสะดวกในการทำงานและการครองชีพ