แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

    ครั้งหนึ่งมีคุณแม่ท่านหนึ่งเข้ามาหามหาตมะ คานธี พร้อมทั้งขอร้องท่านให้พูดกับลูกสาวของเธอ “ลูกสาวของฉันชอบทานของหวานตลอดเวลา ซึ่งมันทำลายสุขภาพของเธอ ได้โปรดพูดคุย และบอกให้เธอเลิกนิสัยประการนี้ของเธอ”

    มหาตมะ คานธี รับปากที่จะคุยกับลูกสาวของเธอ และอีก 2 สัปดาห์ ให้เธอพาลูกสาวของเธอมาพบท่าน เมื่อครบ 2 สัปดาห์ เธอพาลูกสาวของเธอมาพบกับมหาตมะ คานธี ท่านสนทนากับเด็กหญิงได้อย่างน่าประทับใจ ท่านบอกกับเธอว่า “ลูกเอ๋ย อย่าทำลายสุขภาพของเธอ ของหวานเป็นสิ่งที่ดีแต่เธอก็ไม่ควรทานมันมากเกินไป” คุณแม่และลูกสาวมีความสุขที่ได้มาพบท่านและได้รับคำตักเตือนที่สุภาพอ่อนหวาน  ลูกสาวตั้งใจว่าจะกินของหวานให้น้อยลง
    หลังจากนั้นคุณแม่ได้ขอคุยกับมหาตมะ คานธี เป็นการส่วนตัว เธอถามท่านว่า “ทำไมท่านถึงไม่คุยกับลูกสาวของฉันเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วที่ฉันพาลูกสาวของฉันมาหาท่าน” มหาตมะ คานธีตอบว่า “จริงๆ แล้วฉันสามารถพูดกับลูกสาวของเธอเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่คำพูดของฉันจะไม่มีพลังเพียงพอ เพราะตัวของฉันเองก็มีนิสัยชอบทานของหวานอย่างมาก แม้จะรู้ว่ามันเป็นอันตรายต่อสุขภาพของฉัน ฉันต้องการที่จะควบคุมนิสัยที่ไม่ดีของฉันก่อนที่ฉันจะแนะนำคนอื่นให้เลิกนิสัยนั้น”

ชวนคิดสะกิดใจ
    นักบุญยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปาได้สอนในสมณสาสน์พระศาสนจักรในเอเชียว่า “การเป็นสักขีพยานในฐานะคริสตชนอย่างแท้จริงเป็นความต้องการเร่งด่วนในขณะนี้  เพราะคนในปัจจุบันเชื่อในการเป็นพยานมากกว่าในผู้สอน ในประสบการณ์มากกว่าในการสอน  และในชีวิตการกระทำมากกว่าในทฤษฎี  ซึ่งนับว่าเป็นจริงในบริบทเอเชีย ผู้คนศรัทธาในชีวิตศักดิ์สิทธิ์มากกว่าการใช้เหตุผลทางปัญญา”