แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

    วันหนึ่งพระราชามีคำสั่งแก่นักฝันว่า “ท่านจงสร้างพระราชวังที่สวยที่สุดให้กับฉัน” นักฝันใช้เวลาหลายวันเพื่อวาดแบบพระราชวังที่สวยงาม เวลาผ่านไปหลายเดือนพระราชาเดินทางไปดูงานว่างานสร้างพระราชวังที่พระองค์สั่งให้นักฝันทำมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว แต่ที่นั่นพระองค์ทรงพบแต่ความว่างเปล่า

    กษัตริย์ตรัสถามนักฝันว่า “พระราชวังที่เราสั่งให้เจ้าสร้างมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว” นักฝันจึงถวายแผนก่อสร้าง และแบบของพระราชวังอันงดงามที่เขาออกแบบให้แก่พระราชา พระราชามองหน้าเขาด้วยความผิดหวังและตรัสว่า “อะไรกัน เราต้องการพระราชวัง ไม่ใช่ใบออกแบบพระราชวัง”
    ด้วยความผิดหวังกษัตริย์ให้นักฝันออกไป และเรียกนักปฏิบัติเข้ามา พระองค์ทรงสั่งนักปฏิบัติว่า “ท่านจงสร้างพระราชวังที่สวยที่สุดให้กับฉัน”
    นักปฏิบัติรีบเดินทางไปยังสถานที่ที่พระราชากำหนดไว้ทันที เขาทำงานสร้างพระราชวังทั้งวันทั้งคืน และเขาใช้เวลาสร้างพระราชวังเพียงหนึ่งอาทิตย์ พระราชาเมื่อทราบว่านักปฏิบัติสร้างพระราชวังเสร็จแล้ว จึงเสด็จไปทอดพระเนตรพระราชวังหลังใหม่ แต่เป็นอีกครั้งที่พระองค์ต้องทรงผิดหวัง เพราะพระราชวังที่เห็นนั้นเป็นพระราชวังที่น่าเกลียดที่สุดเท่าที่พระองค์เคยเห็นมา
    เมื่อพระราชาให้นักปฏิบัติออกไป เขาพบนักฝัน ทั้งสองได้คุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นักฝันเสนอกับนักปฏิบัติว่า “เรามาทำงานด้วยกันดีกว่า เพื่อนเอ๋ย ฉันจะวาดแปลนและวางแผนการก่อสร้างพระราชวังให้ท่าน ส่วนท่านจงเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง” เมื่อตกลงกันได้ดังนี้ เขาทั้งสองจึงเดินทางไปที่สถานที่ก่อสร้าง และเริ่มลงมือก่อสร้างพระราชวังตามหน้าที่ของตน ตามที่ได้ตกลงกันไว้ เมื่อทั้งสองช่วยกันสร้างพระราชวังเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทูลเชิญพระราชามาชมผลงานของพวกเขา
    “ใครเป็นคนสร้างพระราชวังหลังนี้” พระราชาตรัสถาม
    “เป็นเราทั้งสองพระเจ้าข้า” พวกเขาทูลตอบ
    พระราชาทรงมีพระราชดำรัสแก่เขาทั้งสองว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทั้งสองจะต้องทำงานด้วยกัน เจ้าผู้เป็นนักฝัน และเจ้าผู้เป็นนักปฏิบัติ”

ชวนคิดสะกิดใจ
ความฝัน(จินตนาการ)ที่ขาดการลงมือปฏิบัติเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์ ขณะเดียวกันการปฏิบัติที่ขาดความฝัน (จินตนาการ)ก็เป็นสิ่งที่ด้อยค่าเช่นกัน