ที่ประตูสวรรค์มีขบวนวิญญาณเป็นจำนวนมากกำลังเข้าแถวยาวเพื่อรอที่จะเข้าไปข้างใน แต่ละคนถือแจกันประดับด้วยดอกไม้สีแดงงดงามอยู่ในมือ

    ความชุลมุนเล็กน้อยเกิดขึ้น เมื่อปรากฏว่ามีวิญญาณดวงหนึ่งเดินมาที่ประตูสวรรค์พร้อมด้วยดอกไม้สีเหลืองที่ส่องแสงเป็นประกายในแจกันของเขา วิญญาณทุกดวงที่นั่นรู้สึกประหลาดใจว่า ทำไมจึงมีวิญญาณเพียงดวงเดียวนำดอกไม้ที่แตกต่างจากวิญญาณอื่นๆ มาที่นี่   และดอกไม้สีเหลืองดอกนั้นก็ดูงดงามกว่าดอกไม้สีแดงที่พวกเขาถืออยู่ไม่น้อย
    “ขอโทษเถอะครับ ทำไมดอกไม้ของคุณจึงเป็นสีเหลืองไม่เหมือนกับดอกไม้สีแดงของพวกเรา?” วิญญาณที่อยากรู้อยากเห็นดวงหนึ่งถามวิญญาณที่มาใหม่  ในขณะที่วิญญาณอื่นๆ ยืนอยู่รอบๆ วิญญาณนั้น แทนคำตอบวิญญาณนั้นกลับถามกลับไปว่า “แล้วดอกไม้สีแดงที่พวกคุณถือหมายถึงอะไร?” “ดอกไม้สีแดงเหล่านี้ หมายถึงหยาดน้ำตาแห่งความยากลำบาก ที่พวกเราถวายให้กับพระเยซูเจ้า เพราะพวกเรารักพระองค์เราจึงถวายเครื่องบูชาแห่งความเจ็บปวดนี้แด่พระองค์ และพระองค์จะประทานรางวัลแก่พวกเราตามความงามของดอกไม้ที่เราถือ”
    “ช่างเป็นสิ่งทีดีมากทีเดียว” ดวงวิญญาณดวงนั้นอุทาน “เอาละถึงตาของคุณแล้วที่จะอธิบายให้พวกเราฟังว่าดอกไม้สีเหลืองที่คุณถือหมายถึงอะไร ที่พวกเราถามก็เพราะแปลกใจที่คุณเป็นคนเดียวในพวกเราที่ถือดอกไม้สีนี้” ดวงวิญญาณทุกดวงที่นั่นถามและคอยฟังคำตอบด้วยความตั้งใจ 
    “ดอกไม้สีเหลืองของผมคือรอยยิ้มที่ผมมีเมื่อผมเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก และได้เสียสละอะไรบางอย่างเพราะรักพระเยซู”

ชวนคิดสะกิดใจ
ช่างมีคุณค่าเหลือเกิน “การเป็นผู้ให้ด้วยใจยินดี” เพราะหลายคนอาจคิดว่าการทำความดีเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องที่นำความทุกข์มาสู่ชีวิตจากการเสียสละนั้นๆ จนบางทีหลายคนก็ท้อและหมดกำลังใจที่จะทำความดี แต่หลายครั้งการทำความดีก็นำมาซึ่งความยินดี เพราะเรามีจุดมุ่งหมายที่สูงกว่า คือเพราะเรารักพระเยซู เหมือนตอนหนึ่งในหนังสือประวัติชีวิตของคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา ที่มีคนถามคุณแม่ว่า ทนทำความสะอาดแผลที่เน่าเหม็นของคนโรคเรื้อนได้อย่างไร พวกเขาพูดว่า “จะให้เงินมากแค่ไหนในโลกพวกเราก็ทำไม่ได้หรอก” คุณแม่ตอบพวกเขาไปว่า “พวกเราก็ทำไม่ได้เหมือนกัน แต่เราทำเพราะเรารักพระเยซู”