แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

คนฉลาดและคนโง่เขลา
    11ผู้ใดปฏิบัติตามธรรมบัญญัติย่อมควบคุมอารมณ์cของตนได้
    ปรีชาญาณเป็นผลจากความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า
    12ผู้ที่ขาดไหวพริบไม่มีวันจะได้รับการอบรมสั่งสอน
    แต่ไหวพริบอาจจะเพิ่มความขมขื่นได้
    13ความรอบรู้ของผู้มีปรีชาเพิ่มขึ้นเหมือนน้ำท่วม
    คำแนะนำของเขาเป็นประดุจพุน้ำให้ชีวิต
    14จิตใจของคนโง่เขลาเป็นเหมือนไหรั่ว
    เก็บความรู้ไม่ได้เลย
    15เมื่อผู้มีปรีชาได้ยินคำพูดที่ฉลาด
    ก็ชมเชยและเสริมให้สมบูรณ์ขึ้น
    ส่วนผู้ที่หมกมุ่นในความสนุก เมื่อได้ยินก็ไม่ชอบ
    แล้วโยนทิ้งไปเบื้องหลัง
    16คำพูดของคนโง่เขลาถ่วงผู้ฟังเหมือนสัมภาระหนักเมื่อเดินทาง
    แต่คำพูดของผู้ฉลาดไพเราะน่าฟัง
    17ทุกคนในที่ประชุมต้องการฟังคำพูดของผู้เฉลียวฉลาด
    และนำถ้อยคำเหล่านั้นไปตริตรองในใจ
    18คนโง่เขลาคิดว่าปรีชาญาณเป็นเหมือนบ้านที่ปรักหักพัง
    และความรู้ของคนโง่เขลาเป็นเพียงคำพูดที่ไร้แก่นสาร
    19คนโง่เขลาคิดว่าการศึกษาอบรมเป็นเหมือนตรวนล่ามเท้า
    เป็นเหมือนกุญแจมือใส่มือขวา
    20คนโง่เขลาหัวเราะเสียงดัง
    แต่คนฉลาดเพียงแต่ยิ้ม    
    21คนมีปัญญาคิดว่าการศึกษาอบรมเป็นเหมือนเครื่องประดับทองคำ
    เป็นเหมือนกำไลใส่มือขวาd
    22คนโง่เขลารีบเข้าบ้านของผู้อื่น
    แต่ผู้มีวุฒิภาวะย่อมคอยอยู่ภายนอกด้วยความเกรงใจe
    23คนโง่เขลาแอบมองทางประตูดูข้างในบ้าน
    ส่วนผู้ได้รับการอบรมอดใจรออยู่ข้างนอก
    24การแอบฟังที่ประตูแสดงว่าไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน
    ผู้รอบคอบย่อมละอายที่จะทำเช่นนี้
    25ปากของคนพูดมากพูดซ้ำซากเรื่องที่เขาได้ยินมาf
    แต่ผู้รอบคอบชั่งคำพูดของตนอย่างระมัดระวัง
    26ใจของคนโง่เขลาอยู่ที่ปาก
    แต่ปากของผู้มีปรีชาอยู่ที่ใจ
    27เมื่อคนอธรรมสาปแช่งศัตรูg
    เขาก็สาปแช่งตนเอง
    28ผู้ที่พูดใส่ร้ายผู้อื่นย่อมทำความเสียหายแก่ตนเอง
    เขาจะเป็นที่เกลียดชังของเพื่อนบ้าน