แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันเตรียมสมโภชปัสกา
มาระโก 16:1-8

บทรำพึงที่ 1

    ขอให้เราเตรียมฉลองปัสกาในแต่ละปี ด้วยการฟังคำบอกเล่าของผู้นิพนธ์พระวรสาร ดังนั้น ปีนี้ หลังจากได้อ่าน “พระทรมานตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก” แล้ว ในวันเตรียมสมโภชปัสกา เราจึงจะอ่านเรื่อง “การกลับคืนพระชนมชีพตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก” ซึ่งเป็นคำบอกเล่าที่ทั้งเรียบ และกระชับ และมีความยาวเพียง 8 ข้อความ ...

เมื่อวันสับบาโตผ่านไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบ และนางสะโลเม ซื้อเครื่องหอมเพื่อชโลมพระศพของพระเยซูเจ้า

    เราได้ระบุความสำคัญของพวกสตรีแล้ว ตามคำบอกเล่าของมาระโก สตรีเหล่านี้เป็นคนกลุ่มเดียวที่กล้าติดตามพระเยซูเจ้าจนถึงเวลาที่พระองค์สิ้นพระชนม์บนเนินกลโกธา ส่วนศิษย์ผู้ชายทุกคนได้หลบหนีไปหมด (มก 14:50, 15:40)

    พระเจ้าข้า โปรดประทานพระหรรษทานให้เราซื่อสัตย์มากขึ้นในความรัก โปรดอย่าทรงปล่อยให้เราทอดทิ้งบุคคลที่เรารัก ...

    ข้าพเจ้าเพ่งพินิจกลุ่มบุคคลที่ตั้งใจจะไปชโลมพระศพ ในอ้อมแขนของเขาเต็มไปด้วยขวดเครื่องหอม เขากำลังเดินไปยังสุสานในเวลาเช้าตรู่ ... สตรีเหล่านี้ห่วงเพียงเรื่องเดียว คือการชโลมพระศพด้วยเครื่องหอม และยุติการผจญภัยของเยซูชาวนาซาเร็ธไว้เพียงเท่านี้ ... พวกนางต้องการเคารพพระศพเป็นครั้งสุดท้าย และแสดงความรักต่อบุคคลอันเป็นที่รักที่เพิ่งจะจากพวกนางไป ... พวกนางต้องการฝังศพนักโทษประหารคนหนึ่งอย่างสมเกียรติ เพราะไม่สามารถฝังศพของเขาอย่างเหมาะสมได้ในเย็นวันที่เขาถูกประหาร

เช้าตรู่ของวันต้นสัปดาห์ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว สตรีทั้งสามคนไปยังพระคูหา

    เวลานั้นเป็นเวลาเช้า ...

    เวลาเช้าในฤดูใบไม้ผลิในดินแดนแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อากาศเย็นสบาย สตรีทั้งสามเดินไปพร้อมกับความรู้สึกเจ็บลึก ๆ ในใจ เมื่อระลึกถึงพระเยซูเจ้าในความทรงจำ ... แต่รอบตัวเขา นกกำลังร้องเพลง ดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือขอบฟ้า มองเห็นได้ผ่านกิ่งก้านของต้นไม้ที่กำลังผลิดอก ...

    นี่คือเช้าวันใหม่ อัลเลลูยา อัลเลลูยา

    วันแรกของสัปดาห์ อัลเลลูยา อัลเลลูยา

    นี่คือวันแรกของสัปดาห์ใหม่ ของยุคใหม่ ของโลกใหม่ ของการเนรมิตสร้างครั้งใหม่ ...

... และกล่าวแก่กันว่า “ใครจะกลิ้งก้อนหินออกจากทางเข้าพระคูหาให้เรา” แต่เมื่อมองไป ก็เห็นว่าก้อนหินนั้นถูกกลิ้งออกไปแล้ว หินก้อนนั้นใหญ่โตมาก

    รายละเอียดนี้สำคัญมาก ผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่คนบอกเราว่า “ก้อนหินถูกลิ้งออกไป” ... มาระโกเป็นคนเดียวที่บอกว่าหินก้อนนั้นใหญ่มาก นี่คือรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ และตรงกับลักษณะของคูหาฝังศพในยุคนั้น แต่สำหรับมาระโก และสำหรับเราในปัจจุบัน รายละเอียดนี้มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ และมีนัยสำคัญ กล่าวคือ มีกำแพงที่แยกมนุษย์ออกจากการกลับคืนชีพ กำแพงนี้เป็นเหมือนอุปสรรค “ใครจะขจัดอุปสรรคนี้ให้หมดไปได้”

    พระเจ้าเท่านั้นทรงสามารถยกน้ำหนักของความตายที่ถ่วงมนุษย์ ออกไปได้ ...

ครั้นเข้าไปภายในพระคูหา สตรีทั้งสามคนเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมเสื้อยาวสีขาวนั่งอยู่ด้านขวามือ

    คำบอกเล่าของมาระโกเรียบง่ายกว่าของมัทธิว (28:2-3) เขาไม่พูดถึง “ทูตสวรรค์” หรือ “แผ่นดินไหว” หรือ “สายฟ้า” ... แต่พูดถึง “ชายหนุ่ม” คนหนึ่งเท่านั้น

    มาระโกตั้งใจเขียนอย่างระมัดระวัง เขาใช้ภาพลักษณ์น้อยมากจากวรรณกรรมวิวรณ์ที่แพร่หลายในยุคของเขา เขาตั้งใจหลีกเลี่ยง “การบรรยาย” การกลับคืนพระชนมชีพ และบอกเล่าแต่ “เหตุการณ์” เท่านั้น ...

    แต่เรารู้ว่าสีขาวคือเครื่องหมายหนึ่งเสมอ สีขาวเป็นสีของแสงสว่างที่ตรงกันข้ามกับความมืด เป็นสีแห่งสิริรุ่งโรจน์ และของผู้ที่มาจากสวรรค์ ... มาระโกกล่าวไว้ตั้งแต่วันที่พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์แล้วว่า ฉลองพระองค์ของพระเยซูเจ้า “มีสีขาวเจิดจ้า ขาวผ่องอย่างที่ไม่มีช่างซักฟอกคนใดในโลกทำให้ขาวเช่นนั้นได้” (มก 9:3) ในหนังสือวิวรณ์ของนักบุญยอห์น สีขาวเป็นสัญลักษณ์ของโลกสวรรค์เสมอ (2:17, 14:14, 19:11, 20:11; อสค 9:2, ดนล 7:9, อสย 1:18)

พวกนางตกตะลึง ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวกับสตรีทั้งสามคนว่า “อย่ากลัวไปเลย”

    พระคัมภีร์บางฉบับพูดถึง “ความกลัว” แต่คำแปลที่เหมาะสมที่สุดก็คือ “ความยำเกรง”

    การแจ้งสาร (คำบอกเล่าในพระคัมภีร์ เมื่อมนุษย์ได้รับการแจ้งข่าวจากสวรรค์) จะกล่าวถึงรายละเอียด สิ่งฝ่ายสวรรค์ทำให้มนุษย์ฉงนสนเท่ห์เสมอ และบังเกิดความยำเกรง ในกรณีนี้ มาระโกใช้คำที่เขาคุ้นเคย คือ exethambethesan “เขาตกใจ ประหลาดใจ ทำอะไรไม่ถูก” เหมือนกับที่ประชาชนที่นาซาเร็ธ “ประหลาดใจ” กับการรักษาโรคเป็นครั้งแรกของพระเยซูเจ้า (มก 1:27 และ 10:24-32, 14:33)

    แต่แม้ว่าการสำแดงพระองค์ของพระเจ้าทำให้เราประหลาดใจ แต่การประทับอยู่ของพระองค์ก็ทำให้เราสงบใจได้ พระเจ้าเที่ยงแท้ไม่ทรงใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือ พระองค์ทรงบอกเราว่า “อย่ากลัวเราเลย” ...

    ขอให้สังเกตว่ามาระโกไม่บอกเล่าเรื่องการสำแดงพระองค์ของพระเยซูเจ้าเลย เขากล่าวถึงแต่ “วาจาเผยแสดง” จากผู้นำสารจากสวรรค์ ผู้ประกาศความเชื่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อความเชื่อของเรา ...

“ท่านกำลังมองหาพระเยซู ชาวนาซาเร็ธ ผู้ถูกตรึงกางเขน พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่”

    “ทรงถูกตรึงกางเขนเพื่อเราในสมัยปอนติอัส ปิลาต ... ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม ...” นี่คือคำประกาศยืนยันความเชื่อของคริสตชนยุคแรก (กจ 2:23, 3:15, 4:10, 10:39, 13:28-30) และนี่คือข้อความเชื่อของเราในปัจจุบัน ...

    คำบอกเล่าของมาระโกเน้นด้านที่เป็นรูปธรรม ราวกับจะบอกเราว่านี่คือพระเยซูเจ้าองค์เดียวกัน คือ ชาวนาซาเร็ธ ... ผู้ถูกตรึงกางเขน – นี่คือพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์

    ผู้ถูกตรึงกางเขนได้ตื่นขึ้นแล้ว

    ผู้ถูกตรึงกางเขนได้กลับคืนชีพแล้ว ...

    พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่อีกต่อไป ... พระองค์อยู่ที่ไหน ...

สถานที่นี้คือสถานที่ที่เขาได้วางพระศพไว้ จงไปแจ้งบรรดาศิษย์ และเปโตร ให้รู้ว่าพระองค์เสด็จล่วงหน้าท่านทั้งหลายไปในแคว้นกาลิลีแล้ว

    เห็นได้ชัดว่า มาระโกต้องการหันเหความสนใจของเราไปจากคูหาฝังศพ ...

    พระเจ้าทรงต้องการหันเหความสนใจของเราไปจากคูหาฝังศพนี้ ...

    พระเยซูเจ้าทรงต้องการหันเหความสนใจไปจากคูหาฝังศพ ... พระองค์ได้ตรัสคำเดียวกันนี้ก่อนสิ้นพระชนม์ “เมื่อเรากลับคืนชีพแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลี ก่อนหน้าท่าน”

    “ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อยาวสีขาวนั่งอยู่ด้านขวามือ” ผู้นี้จะเป็นพระเยซูเจ้าเองได้หรือไม่

    “พระเยซูองค์ใหม่” “พระเยซูผู้ประทับ ณ เบื้องขวาพระบิดา” ... พระเยซูผู้ที่ดวงตาของโลกนี้จะจำไม่ได้อีกต่อไป ... จำได้ไหมว่ามารีย์ ชาวมักดาลา คิดว่าเธอ “เห็นคนสวน” และศิษย์จากเอมมาอูส ผู้ที่ “ดวงตาถูกปิดบัง” ...

    ลุกขึ้นเถิด ลุกขึ้น! อย่ารีรออยู่ที่คูหาฝังศพนี้เลย อย่าอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มอีกต่อไป แต่จงเดินไปข้างหน้า ไปยังสถานที่ซึ่งพระเยซูทรงพระชนมชีพได้เสด็จล่วงหน้าไปก่อนแล้ว และทรงนัดหมายท่านไว้ คือที่กาลิลี ... ในดินแดนที่เป็นถิ่นของท่านเอง ชาวกาลิลีเอ๋ย ... ในชีวิตของท่านเอง ... ตามความคิดของมาระโก กาลิลีมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญมาก เขาเอ่ยชื่อนี้ 12 ครั้งในพระวรสาร ชีวิตของพระเยซูเจ้าบรรลุถึงจุดสูงสุดในแคว้นกาลิลี ที่นั่นเป็นสถานที่ประกาศข่าวดีเป็นครั้งแรก ที่นั่นพระองค์ทรงแสดง “เครื่องหมาย” แห่งอานุภาพที่ทำให้ประชาชนประหลาดใจ ที่นั่น ประชาชนมาชุมนุมกันฟังพระองค์ ...

    และบัดนี้ ... เวลาของกาลิลีเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง เวลาที่ประชาชนกลุ่มใหม่จะมาชุมนุมรอบเปโตร ... เวลาของ “เครื่องหมาย” ใหม่ เวลาของข่าวดี พระศาสนจักรเริ่มต้นขึ้นที่นี่ ... ในพระศาสนจักรนี้ บุคคลหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ พระองค์ไม่ได้อยู่ “ในสถานที่ที่เขาวางพระศพไว้” อีกต่อไป ...

    ดังนั้น จงไป อย่าอยู่ที่นี่อีกต่อไป ... ไป และบอกเปโตร ...

    กลับไปยังแคว้นกาลิลี ...

ท่านจะเห็นพระองค์ที่นั่น ดังที่ทรงบอกท่านไว้

    ไม่มีคำอธิบายทางปรัชญา หรือคำอธิบายด้วยเหตุผล ...

    บรรดาศิษย์ก็เหมือนกับเรา ที่ได้รับการร้องขอให้ “เชื่อ” ในคำพูดหนึ่ง และให้ลงมือปฏิบัติ ให้ทำงาน และนำบุคคลต่าง ๆ ที่เชื่อในพระเยซูเจ้ามารวมตัวกันรอบเปโตร เพื่อทำสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงประกาศไว้เมื่อครั้งที่พระองค์ยังอยู่กับพวกเขา

    สำหรับมาระโก การเชื่อในการกลับคืนชีพไม่ใช่ปริศนาที่ต้องขบคิดด้วยสติปัญญา แต่เป็นการยอมรับวิถีชีวิตใหม่ ชีวิตร่วมกับพี่น้องชายหญิงทั้งหลาย ...

สตรีทั้งสามคนออกจากพระคูหา หนีไป ...

    เขามาที่นี่เพื่อชโลมพระศพด้วยเครื่องหอม และเขากลับไปโดยไม่สามารถทำตามความตั้งใจได้ ...

    เขาหนีไปจากที่นั้น ...

... หนีไปเพราะตกใจกลัวจนตัวสั่น และไม่ได้พูดเรื่องใด ๆ กับใครเลย เพราะกลัว

    นี่คือข้อความสุดท้ายของพระวรสารเกี่ยวกับการกลับคืนพระชนมชีพ ...

    “ตัวสั่น (tromos)” น่าจะเป็น “ทำอะไรไม่ถูกเพราะความกลัว (extasis)” ... จะมีทางใดเหมาะสมกว่านี้ที่จะบรรยายการบังเกิดอย่างกะทันหัน และน่าตกใจของพระอาณาจักรของพระเจ้าในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ...

    ตลอดพระวรสารของมาระโก เขาได้เน้นย้ำเรื่อง “ความลับ” ที่ซ่อนอัตลักษณ์แท้ของพระเยซูชาวนาซาเร็ธ เมื่อมีใครประกาศออกมาก่อนเวลาอันควรว่าพระองค์ทรงเป็น “พระบุตรของพระเจ้า” พระเยซูเจ้าจะทรงสั่งให้เขาอย่าบอกใคร บทสรุปของมาระโกก็ยังรักษาแนวคิดนี้ไว้

    กลุ่มสตรีไม่พูดเรื่องใด ๆ กับใครเลย พวกนางจะพูดอะไรได้ ... พระเยซูเจ้าทรงอยู่ไกลเกินเอื้อมของมนุษย์ทุกคน ... จะให้พวกนางบอกหรือว่านี่คือเรื่องเร้นลับเกินความเข้าใจของมนุษย์ ...

    บุคคลใดที่อยากพบหลักฐานที่ชี้ชัด จากคำบอกเล่าเหตุการณ์ปัสกานี้ ย่อมรู้สึกผิดหวัง มาระโกนำเราเข้าสู่ความเงียบของความเชื่อ และการนมัสการ

    ข้าแต่พระเยซูเจ้า พระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่งที่เราสามารถจินตนาการได้ ...