แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันอาทิตย์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

ข่าวดี    มัทธิว 24:37-44
(37)“สมัยของโนอาห์เป็นเช่นไร เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้น (38)ในสมัยก่อนน้ำวินาศนั้น ผู้คนกิน ดื่ม แต่งงานกันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ  (39)ไม่มีใครนึกระแวงว่าอะไรจะเกิดขึ้นจนกระทั่งน้ำวินาศมากวาดพวกเขาไปหมดสิ้น เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้นด้วย  (40)เวลานั้น คนสองคนอยู่ในทุ่งนา คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้  (41)หญิงสองคนที่กำลังโม่แป้งอยู่ คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้  (42)“จงตื่นเฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่านายของท่านจะมาเมื่อไร  (43)พึงรู้ไว้เถิด  ถ้าเจ้าบ้านรู้ว่าขโมยจะมาในยามใด เขาคงจะตื่นเฝ้าไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตนได้  (44)ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย


    พระวรสารวันนี้กล่าวถึง “การเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสตเจ้า” (The Second Coming of Christ) ซึ่งจะมีลักษณะเช่นเดียวกับสมัยของโนอาห์ (มธ 24:37)
    ในสมัยของโนอาห์ “ความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และใจของเขาคิดแต่สิ่งชั่วร้ายอยู่ตลอดเวลา” (ปฐก 6:5) แต่ “โนอาห์เป็นคนดี เป็นคนชอบธรรมในท่ามกลางคนร่วมสมัย เขาดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า” (ปฐก 6:9)
    พระเจ้าจึงตรัสกับโนอาห์ว่า “เราได้ตัดสินใจว่า มนุษย์ทุกคนมาถึงจุดจบแล้ว โลกมีแต่ความรุนแรงเพราะมนุษย์ ดังนั้น เราจะทำลายเขาพร้อมกับแผ่นดิน” (ปฐก 6:13) พร้อมกันนั้นทรงบัญชาให้โนอาห์เตรียมการรับมือกับน้ำวินาศ

    ขณะที่ดินฟ้าอากาศยังแจ่มใส ไม่มีเค้าว่าฝนจะตกหนัก โนอาห์เริ่มเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตตามที่พระเจ้าทรงบัญชาทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการต่อเรือใหญ่ด้วยไม้สน การนำบุตร ภรรยา สะใภ้ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดอย่างละคู่ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย ตลอดจนของกินทุกชนิดขึ้นไว้บนเรือ (ปฐก 6:13-22)
    ส่วนผู้ที่ไม่ฟังคำเตือนของพระเจ้ามัวสลวนอยู่กับการกิน การดื่ม การมีเพศสัมพันธ์โดย “ไม่มีใครนึกระแวงว่าอะไรจะเกิดขึ้น” (มธ 24:39)
    ที่สุด “ฝนตกลงบนแผ่นดินสี่สิบวันสี่สิบคืน” (ปฐก 7:12) “สิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินก็ตายสิ้น ทั้งนก สัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า สัตว์เล็กทุกชนิดที่เคลื่อนไหวเป็นฝูงบนแผ่นดิน รวมทั้งมนุษย์ทุกคน” (ปฐก 7:21) “ระดับน้ำท่วมสูงอยู่เป็นเวลาหนึ่งร้อยห้าสิบวัน” (ปฐก 7:24)
    พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้นด้วย” (มธ 24:39) นั่นคือ พระองค์จะเสด็จมาในเวลาที่ไม่มีใครนึกระแวง !!
น่าเป็นห่วงว่า สถานการณ์ทุกวันนี้ไม่ได้แตกต่างจากสมัยของโนอาห์เลย  เราหมกมุ่นอยู่กับการกิน การดื่ม การแต่งงาน การทำธุรกิจ การสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อจะได้ไม่ตกกระแสบริโภคนิยมซึ่งกำลังครอบงำโลกอยู่ทุกวันนี้
    จริงอยู่ การกิน การดื่ม การแต่งงาน การทำธุรกิจ ล้วนเป็นสิ่งจำเป็น  แต่เราต้องไม่ลืมว่านอกจากชีวิตในโลกนี้แล้ว ยังมีชีวิตนิรันดรรอเราอยู่ และเมื่อพระเจ้าตรัสเรียกเราไม่ว่าเวลาเช้า เที่ยง หรือเย็น เราต้องพร้อมอยู่เสมอ !!
     เราต้องเตรียมพร้อมตั้งแต่ยังไม่มีเค้าเมฆแห่งความเจ็บป่วยและความตายเพราะเมื่อพระองค์เสด็จมาจะมีการ “พิพากษา” และแยกแยะเราออกเป็น 2 ฝ่าย “คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้” (มธ 24:40,41)
พระองค์จะทรงต้อนรับผู้ที่เตรียมพร้อมมาอยู่กับพระองค์  ส่วนผู้ที่ไม่ได้เตรียมพร้อมจะถูกละทิ้งไป
    ในเมื่อชะตากรรมของเราขึ้นอยู่กับความพร้อมเช่นนี้ พระองค์จึงทรงย้ำเตือนว่า “จงตื่นเฝ้าระวังเถิด” (มธ 24:42)
    ความคิดของพระองค์คือ
     1.    การไม่เฝ้าระวังเป็นหนทางสู่ความหายนะ เพราะคงไม่มีขโมยคนใดฝ่าฝืนเคล็ดลับแห่งวิชาชีพด้วยการส่งจดหมายเตือนเจ้าของบ้านล่วงหน้า  ดังนั้นยิ่งมีของมีค่ามากเท่าใด เรายิ่งต้องเฝ้าระวังให้มากเท่านั้น เพื่อมิให้เกิดความสูญเสียใหญ่หลวง
        แล้วในโลกนี้ยังจะมีสิ่งใดมีค่าควรแก่การเฝ้าระวังมากกว่า “ชีวิต” ของเราอีกเล่า ?!
        ต่างกันเพียงแต่ว่าเราเฝ้าระวังขโมยด้วยความตื่นกลัว แต่เราเฝ้าคอยพระเจ้าด้วยความกระตือรือร้น เพราะพระองค์คือผู้ทรงนำความยินดีและพระสิริรุ่งโรจน์มาสู่เรา
2.    สาเหตุของการไม่เฝ้าระวังคือความคิดว่า “ยังมีเวลา”  ความคิดนี้ทำให้ผู้รับใช้ที่ไม่รับผิดชอบพูดว่า “นายจะมาช้า” แล้วเริ่มตบตีเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน กินดื่มกับพวกขี้เมา ที่สุดนายกลับมาในวันที่เขามิได้คาดหมายและแยกเขาออกไปอยู่กับพวกหน้าซื่อใจคด ที่นั่นมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญและขบฟันด้วยความขุ่นเคือง (มธ 24:45-51)
    มีนิทานเรื่องหนึ่งเล่าว่า ปิศาจฝึกงาน 3 ตนเล่าแผนล่อลวงมนุษย์ให้ซาตานซึ่งเป็นหัวหน้าปิศาจฟังก่อนลงมาฝึกงานในโลก  ปิศาจตนแรกพูดว่า “ฉันจะบอกมนุษย์ว่าไม่มีพระเจ้า” ซาตานตอบว่า “แผนนี้คงหลอกคนได้ไม่มาก เพราะคนส่วนใหญ่รู้ว่ามีพระเจ้า”  ปิศาจตนที่สองพูดว่า “ฉันจะบอกมนุษย์ว่าไม่มีนรก” ซาตานตอบว่า “แผนนี้ยิ่งหลอกใครไม่ได้เลย เพราะทุกคนรู้ดีว่ามีนรกสำหรับคนบาป”  ที่สุดปิศาจตนที่สามเสนอว่า “ฉันจะบอกมนุษย์ว่ายังมีเวลา ไม่ต้องรีบเร่งดอก” ซาตานดีใจตอบว่า “รีบลงไปเถอะ รับรองแผนนี้ทำลายมนุษย์ได้เยอะเลย”
    การทำให้เราคิดว่า “ยังมีเวลา” นับเป็นเล่ห์เหลี่ยมสำคัญที่สุดของปิศาจ   
3.    การเฝ้าระวังที่ดีที่สุดคือการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด  นี่คือวิธีต่อสู้กับเล่ห์กระเท่ห์ของปิศาจได้ดีที่สุด
        ในอุปมาเรื่อง “ผู้รับใช้ที่รับผิดชอบ”  เราพบว่าแม้เขาจะเป็นเพียงผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย ไม่มีฐานะในสังคม แต่เพราะเขาปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้รับใช้และแจกจ่ายอาหารตามเวลาที่นายมอบหมาย “ผู้รับใช้นั้นย่อมเป็นสุข เมื่อนายกลับมาพบเขากำลังทำเช่นนี้  เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะแต่งตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งปวงของตน” (มธ 24:46-47)
    ไม่ว่าเราจะเป็นพระสงฆ์ นักบวช ฆราวาส หรือเป็นพ่อแม่ ครู ข้าราชการ หรือนักเรียนก็ตาม....หากเราปฏิบัติหน้าที่ที่พระเจ้าทรงมอบหมายอย่างดีที่สุด นั่นคือการเฝ้าระวัง และการเตรียมพร้อมที่ดีที่สุด !!
     “ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย” (มธ 24:44)